ข่าว

"ป.ป.ช."ฟัน"นายกเล็กบางบัวทอง"รีดเงินเอกชน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ป.ป.ช."ฟันอาญา"นายกเล็กบางบัวทอง"รีดเอกชนแลกเซ็นต์เช็กค่าจ้างก่อสร้าง แฉพฤติกรรมเจ้าตัวลั่น"ถ้าไม่มีไม่ต้องรับค่าจ้าง"จนคู่กรณีต้องหายืมเพื่อนมา

 

          22 มิ.ย. 60 - นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงมติคณะกรรมการป.ป.ช. กรณีชี้มูลความผิดนายอาวุธ เจริญนนทสิทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทอง จำนวน 2 กรณี 1.กรณีชี้มูลความผิดนายอาวุธ และนายวิสิทธิ์ ทองพรหม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งวิศวกรโยธา 8 วช เทศบาลเมืองบางบัวทอง เรียกรับเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตเสริมเหล็ก (ค.ส.ล.) ป้องกันน้ำท่วมบริเวณริมคลองบ้านกล้วยฝั่งทิศใต้ของเทศบาลเมืองบางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี 

          โดยนายอาวุธ ทำสัญญาจ้างบริษัท ฤดีประยงค์ จำกัด ก่อสร้างเขื่อนเพื่อป้องกันน้ำท่วม แต่งานไม่เสร็จเกินเวลาไป 262 วัน รวมค่าปรับ 4,126,500 บาท คงเหลือค่าจ้างที่จะได้รับ 2,173,500 บาท ต่อมากรรมการผู้จัดการบริษัท ฤดีประยงค์ฯ สอบถามความคืบหน้าเรื่องการจ่ายเงินค่าจ้างกับนายวิสิทธิ์ แต่นายวิสิทธิ์บอกว่า ต้องจ่ายเงิน 500,000 บาท แต่กรรมการผู้จัดการฯไม่ยอมจ่ายเงิน ต่อมาเทศบาลเมืองบางบัวทองยอมจ่ายเงินจำนวน 2,114,621 บาท ให้ แต่นายอาวุธขอเรียกเงินเป็นเศษตามค่าจ้างที่จะได้รับจำนวน 114,621 บาท กรรมการผู้จัดการฯจึงยอมให้ เมื่อจ่ายเช็คดังกล่าวแล้ว บริษัทฯจึงได้รับเงินค่าจ้าง 

          นายสรรเสริญ กล่าวว่า อีกกรณีคือเรียกรับเงินผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการคืนเงินค่าปรับตามมติคณะรัฐมนตรี โดยภายหลังบริษัท ฤดีประยงค์ฯ ได้ส่งมอบงานแล้ว ต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติออกนโยบายช่วยเหลือผู้รับจ้างกรณีขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ดังนั้นบริษัท ฤดีประยงค์ฯ จึงมีสิทธิได้รับเงินค่าปรับกรณีก่อสร้างล่าช้ากว่าสัญญาคืนจากเทศบาลเมืองบางบัวทอง เป็นเงิน 2,362,500 บาท แต่นายอาวุธ สั่งเจ้าหน้าที่การเงินว่า ยังไม่ให้จ่ายเช็คคืนค่าปรับกับบริษัทฯ แต่ต้องให้บริษัทฯ จ่ายเช็คให้กับนายอาวุธก่อน 50,000 บาท ก่อนจะเรียกเพิ่มอีกรวมเป็นเงิน 100,000 บาท

          คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธ มีมูลความผิดตามมาตรา 73 แห่ง พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และ 157 ประกอบมาตรา 91 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินคดีอาญาต่อไป ส่วนกรณีนายวิสิทธิ์ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอว่ากระทำผิด ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป

          กรณีที่สอง ชี้มูลความผิดนายอาวุธ กรณีเรียกเงินจากผู้รับจ้างเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการสั่งจ่ายเงินค่าจ้างก่อสร้างยกระดับถนน พร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13

          นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงฟังได้ว่า นายอาวุธ ทำสัญญจ้าง หจก.ส.อำนาจพัฒนาก่อสร้าง มาดำเนินการก่อสร้างโครงการยกระดับถนนพร้อมวางท่อระบายน้ำ ค.ส.ล. และบ่อพัก ค.ส.ล. ถนนเทศบาล 13 วงเงิน 5 ล้านบาท แต่ หจก. ดังกล่าวส่งงานล่าช้าในงวดที่สองเกินไป 22 วัน เสียค่าปรับ 275,000 บาท เหลือเบิกจ่ายหลังหักภาษี 816,750 บาท ต่อมาชาวบ้านเรียกร้องให้หยุดก่อสร้าง จึงชะลอการก่อสร้างไว้ก่อน หจก. ดังกล่าวจึงนำเงินไปหมุนโครงการอื่น แต่เมื่อกลับมาทำต่อไม่มีเงินทุน หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก. ดังกล่าวจึงยืมเงินนายอาวุธ 5 แสนบาท หลังจากนั้นได้ทำจนเสร็จและส่งมอบงานงวดที่ 3-4 แต่งานไม่เรียบร้อย มีการแก้ไขรายละเอียดสัญญาจ้าง โดยปรับลดเนื้องาน และค่าจ้าง 

          นายสรรเสริญ กล่าวว่า เมื่อแก้ไขจนเสร็จได้ส่งมอบงานอีกครั้ง พร้อมขอเบิกเงิน แต่ดำเนินการไม่เสร็จตามสัญญา จึงได้เงิน 1,537,500 บาท และสภาเทศบาลเห็นชอบให้ตัดลดเนื้องานงวดที่ 4 เหลือเบิกจ่ายจำนวน 1,202,869 บาท หุ้นส่วนผู้จัดการฯบอกให้นายอาวุธเบิกค่าจ้างให้ แต่นายอาวุธบอกให้นำเงินสดมาใช้หนี้ก่อนจำนวน 5 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 5 ต่อเดือน จำนวน 75,000 บาท แต่นายอาวุธปัดเป็นเลขกลม ๆ 100,000 บาท รวมถึงค่าตอบแทนพิเศษของนายวิเชียร เจริญนนทสิทธิ์ พี่ชายนายอาวุธ ซึ่งเป็นเคยนายก อบต.บางบัวทอง ที่ต้องได้รับจากนายอำนาจอีก 100,000 บาท แต่หุ้นส่วนผู้จัดการฯไม่มีเงินจ่าย นายอาวุธบอกว่า "ถ้าไม่มีไม่ต้องรับค่าจ้าง"

          หลังจากนั้นหุ้นส่วนผู้จัดการฯร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรม ต่อมามีรองนายกเทศมนตรีเมืองบางบัวทองรายหนึ่ง ให้หุ้นส่วนผู้จัดการฯนำเงินจำนวน 6 แสนบาทไปให้นายอาวุธเพื่อรับเช็คค่าจ้าง แต่หุ้นส่วนผู้จัดการฯไม่มี จนนายอาวุธได้บอกให้เพื่อนของหุ้นส่วนผู้จัดการฯนำเงินจำนวน 6 แสนบาทให้ยืม ซึ่งเพื่อนหุ้นส่วนผู้จัดการฯอยู่ในสภาวะจำยอมนายอาวุธ จึงนำเงิน 6 แสนบาทให้หุ้นส่วนผู้จัดการฯยืม หลังจากมอบเงินแล้ว จึงได้รับเงินค่าจ้าง 1,177,248 บาท และรองนายกเทศมนตรีรายนี้ขอให้ถอนเรื่อร้องเรียนออก

          นายสรรเสริญ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า นายอาวุธ มีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 152 และมาตรา 157 ให้ส่งรายงานการไต่สวนไปยังผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอน และอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ