นับโชคดีมากที่เกิดมาเป็นคนไทยและมีในหลวงทรงงานหนักเพื่อพสกนิกร
วันที่ 27 พ.ค. 2560 บรรยากาศภายในพระบรมมหาราชวัง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้ามากราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ตั้งแต่เวลา 05.00 น.มีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศมารอต่อแถวเข้ากราบสักการะพระบรมศพเบื้องหน้าพระบรมโกศอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางสายฝนตกหนักสลับเบาเป็นระยะตลอดทั้งวัน
จิรายุ-นวภัค งามพรชัย
นางสาวจิรายุ งามพรชัย อายุ 68 ปี ครูวัยเกษียณ พาหลานสาว นางสาวนวภัค งามพรชัย พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จาก อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเพิ่งจะมีโอกาสมาสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นครั้งแรก กล่าวว่า ตัวเองมาเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ความรู้สึกเศร้าโศกยังไม่เสื่อมคลายจากครั้งแรกที่มารดน้ำหน้าพระบรมฉาบาลักษณ์ ที่ศาลาสหทัยสมาคม สำหรับวันนี้ถือว่าใช้เวลารอไม่นานเท่าครั้งก่อนๆ เคยต่อแถวรอนานสุดตั้งแต่เที่ยงวันถึงสามทุ่ม เวลาร่วม 9 ชั่วโมงไม่ได้ทำให้รู้สึกย่อท้อใดๆ
"ดิฉันมีอาชีพเป็นครูเป็นข้าราชการ พึงระลึกตัวเองเสมอว่าเป็นข้าในพระองค์ ดังนั้นจึงตั้งปณิธานทำงานด้วยความขยันหมั่นเพียร สอนเด็กทุกคนให้ความรู้ควบคู่ศีลธรรม เพื่อการศึกษาจะเป็นรากฐานสำคัญในอนาคต นั่นคือสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติตลอดในฐานะแม่พิมพ์ของชาติ สำหรับในส่วนร่วมนั้นคิดว่าการให้เป็นส่ิงสำคัญ ดังนั้นเมื่อมีโอกาสจะไม่รอช้าที่จะช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน" นางสาวจิรายุกล่าว
ด้านหลานสาว น.ส.นวภัค กล่าวว่า เพิ่งมีโอกาสมาสักการะพระบรมศพเป็นครั้งแรก รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเข้าไปภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท สำหรับตัวเองแล้วในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเป็นที่รักและทรงเป็น "ต้นแบบ" ในการดำเนินชีวิตเกือบทุกด้าน แต่ประทับใจคำสอนข้อ "ปิดทองหลังพระ" ตามพระบรมราโชวาทที่ว่า "...ให้ปิดทองหลังพระ แล้วทองจะล้นมาข้างหน้าเอง..." คำสอนนี้เหมือนเป็นกำลังใจในการทำงาน ซึ่งไม่ว่าเราจะทำงานแล้วคนเห็นหรือไม่เห็นก็ตาม เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เหมือนกับพระองค์ท่านซึ่งไม่เคยทรงย่อท้อต่อความลำบาก เพื่อช่วยเหลือคนไทยให้อยู่ดีกินดี
ภูมินทร์ พิทักษ์ดำรงกุล (ที่ 3 จากซ้าย)-แสงปิติ จันแทน (ที่ 5 จากซ้าย)
ขณะที่ นายภูมินทร์ พิทักษ์ดำรงกุล อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโยธินบูรณะ พร้อมเพื่อนร่วมชั้นเรียนจำนวน 6 คน ได้ถือโอกาสในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ณ พระบรมมหาราชวัง เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ โดยครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรก ซึ่งแม้ว่าในช่วงที่ตัวเองเกิดและเติบโตมา จะเป็นช่วงที่พระองค์ไม่ได้เสด็จเยือนถิ่นทุรกันดารแล้ว เนื่องจากพระองค์มีพรรษาเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ยังเห็นพระองค์ทรงงานอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องของการติดตามสถานการณ์น้ำ รวมทั้งได้เห็นพระราชกรณียกิจนานานับประการของพระองค์จากคำบอกเล่าของพ่อแม่ สารคดีทางโทรทัศน์ รวมทั้งในหนังสือเรียน นับว่าโชคดีมากที่เกิดมาเป็นคนไทย และมีพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานหนัก เพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนถึงทุกวันนี้
"แม้ผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ แต่ก็พอจะได้รับรู้และทราบถึงพระราชกรณียกิจมากมายของพระองค์ทั้งโครงการแก้มลิง เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วม และเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โครงการแกล้งดิน เพื่อแก้ไขปัญหาพื้นที่ดินเปรี้ยวและดินเค็ม โครงการฝนหลวง เพื่อสร้างฝนในพื้นที่ประสบปัญหาน้ำแล้ง รวมทั้งแนวปรัญชาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งผมก็ได้นำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันด้วย คือ เมื่ออยากได้อะไร ก็จะรู้จักอดออมค่าขนม และนำเงินที่เก็บได้ไปซื้อของที่อยากได้ ซึ่งเป็นการแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ และยังเป็นการสร้างวินัยทางการออมให้แก่ตัวเองตั้งแต่ยังเด็ก" นายภูมินทร์ กล่าว
เช่นเดียวกับ นายแสงปิติ จันแทน อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนโยธินบูรณะ กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้มีโอกาสเข้ากราบสักการะพระบรมศพ จึงเป็นแกนนำที่พาเพื่อนมาครั้งนี้ โดยครั้งแรก ตัวเองได้ถือโอกาสในช่วงปิดภาคเรียนช่วงเดือนตุลาคม 2559 มาเป็นจิตอาสาของนักศึกษาวิชาทหาร ในการพาผู้สูงอายุ และผู้พิการ ที่ต้องนั่งรถเข็นวีลแชร์ เข้ากราบสักการะพระบรมศพ เนื่องจากมีความรู้สึกในส่วนลึกของหัวใจที่ต้องการทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในหลวง รัชกาลที่ 9 สักครั้งหนึ่งในชีวิต อย่างไรก็ตามสิ่งที่ตัวเองทำในครั้งนั้น ก็คงไม่สามารถเทียบเท่ากับการที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระราชทานให้กับพสกนิกรชาวไทยมากมายมหาศาล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง