ข่าว

ความในใจ "เกียรติ สิทธีอมร"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เกียรติ สิทธีอมร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขียนเฟซบุ๊กส่วนตัว

 

             เกียรติ สิทธีอมร อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เขียนเฟซบุ๊กส่วนตัว (Kiat Sittheeamorn ) หลังสื่อเขียนถึง ( อ่านต่อ...รักยืนยาว"เกียรติ สิทธีอมร"เจ้าบ่าวในสายฝน )

             สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปประชุมที่ยุโรปร่วมกับพรรคการเมืองกว่า 100 พรรค จาก 80 ประเทศทั่วโลก เพื่อศึกษาถึงผลกระทบจากการเมืองในแนวประชานิยมที่กำลังแพร่ขยายอย่างรวดเร็วทั่วโลก และได้สร้างความเสียหายอย่างมากกับเศรษฐกิจและสังคมของหลายประเทศ และหาแนวทางร่วมกันในการต่อสู้กับภัยคุกคามนี้ ด้วยนโยบายที่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนและเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนทุกกลุ่มในสังคม
             แต่ระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ ผมได้รับข้อความจากพรรคพวก เพื่อนฝูง คนรู้จักมักคุ้น อย่างท่วมท้น เพราะมีสื่อหลายสำนัก ทั้งสายการเมืองและสายบันเทิงได้ลงข่าวที่ต้องถือว่าเป็นข่าวที่เป็นมงคล เป็นข่าวดีสำหรับครอบครัวผม พอผมเข้าไปดูว่าเขาเขียนอะไรกันบ้าง ก็ทำให้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น....
             ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณผู้เขียนบทความเกี่ยวกับผมและคุณลูกตาลในเรื่องที่เป็น ส่วนตั๊วส่วนตัวนะครับ! และที่ได้กรุณาเขียนถึงประวัติความเป็นมาของผม โดยเฉพาะในทางการเมือง แต่มีบางบทความ โดยเฉพาะ “คม-ชัด-ลึก” ที่เขียนประวัติผมเพียงบางส่วน และทำให้คนที่อ่านหลายคนที่รู้จักผมดีและเกาะติดเรื่องราวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยมาถึงผม ทำให้ผมต้องเติมเต็มข้อมูลที่ขาดหายไป เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องนะครับ
             ประการแรก “คม-ชัด-ลึก” ได้กรุณานำภาพผม นั่งยิ้มอยู่ท่ามกลางสายฝนมาลง ซึ่งเข้าใจว่าคงต้องทำขึ้นมาอย่างตั้งใจ แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่าต้องการจะสื่อความหมายอะไร? แต่ผู้อ่านบางคนได้เห็นแล้วรู้สึกงงๆนิดหน่อย ถ้าผู้เขียนบทความจะกรุณาออกมาชี้แจงสักนิด ก็จะทำให้ผู้อ่านจำนวนมากหายสงสัยได้ครับ
             ประการที่สอง เมื่อบทความพูดถึงประวัติผมทางการเมือง ผู้เขียนได้กรุณาเล่าต่อไปอีกว่า ผมถูกกล่าวหาในเรื่องต่างๆ อย่างไรบ้าง แต่บทสรุปในเรื่องนั้นๆ มีสาระสำคัญที่ขาดหายไป ทำให้ผู้อ่านไม่ทราบว่าในที่สุดแล้ว ผมทำผิดตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ มีแต่ข้อความที่บอกว่า ศาลยกฟ้อง กรณีที่ผมฟ้องหมิ่นประมาทเป็นคดีอาญาเพียงเท่านั้น ถ้าเขียนอย่างนี้ คนอ่านคงเข้าใจว่า ที่ผมถูกกล่าวหานั้นคงเป็นจริงทั้งหมด
             สำหรับกรณี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่แถลงข่าว โดยมีรูปภาพของผมประกอบการแถลงข่าว และพยายามโยงเรื่องราวว่า ผมอาจมีส่วนรู้เห็น และมีผลประโยชน์จากการค้ายาเสพติดนั้น ผู้กระทำความผิดถูกจับได้เพียง 2-3 วันหลังจากการแถลงข่าว และยืนยันต่อสาธารณะว่า ผมและผู้ให้เช่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแต่อย่างใด และในการสืบพยานฝ่ายจำเลย ก็ไม่ปรากฏหลักฐานใดเลย ที่ทำให้เชื่อได้ว่าผมมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำผิดกฎหมายในคดีร้ายแรงเช่นนั้น ส่วนที่ว่าทำไมศาลอาญายกฟ้องในชั้นอุทธรณ์และทำไมผมไม่สามารถฎีกาคดีนี้ได้นั้น ผมไม่อาจก้าวล่วงดุลยพินิจของศาล แต่ผมเองก็ยังเชื่อโดยสุจริตใจว่า การกล่าวหาของนายจิรายุนั้น เป็นความพยายามที่จะใส่ร้ายทางการเมือง โดยไม่มีหลักฐานเลยว่าผมมีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องในคดี และเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ไร้มาตรฐานทางจริยธรรม ซึ่งสังคมไทยไม่ควรให้การยอมรับ และผลจากการดำเนินคดีในครั้งนั้น พฤติกรรมลักษณะนี้คงลดน้อยถอยลงจากการเมืองไทย ซึ่งในเรื่องนี้ผมเชื่อว่าได้ทำหน้าที่ในฐานะนักการเมืองอย่างดีที่สุดแล้ว
             สำหรับกรณี นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ที่กล่าวหาผมว่ามีส่วนรับรู้เกี่ยวกับการสำแดงเท็จของบริษัทบุหรี่ และอาจมีการเรียกรับผลประโยชน์ด้วยนั้น ศาลอาญาในชั้นฎีกาได้วินิจฉัยเป็นที่สุดแล้วว่า ถ้อยคำที่นายยุทธพงศ์แถลงข่าวนั้น เป็นการหมิ่นประมาทแล้ว และบันทึกไว้ชัดเจนอีกว่า ไม่ปรากฏหลักฐานใดๆว่าผมมีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหาเลย ส่วนในคดีแพ่งนั้น ศาลได้บันทึกไว้ชัดเจนว่า “นายยุทธพงศ์รู้สึกเสียใจกับการแถลงข่าวในครั้งนั้น และขออภัยต่อโจทย์ (คือตัวผม) มา ณ โอกาสนี้” (ผมแนบบันทึกของศาลมาให้ดูอีกครั้งด้วยนะครับ) 

 

ความในใจ "เกียรติ สิทธีอมร"

ความในใจ "เกียรติ สิทธีอมร"
 

           ถ้าบทความที่เขียนถึงประวัติทางการเมืองของผมมีข้อเท็จจริงทั้งหมดอยู่ด้วย คนอ่านคงเข้าใจดีว่า ที่ผมถูกกล่าวหาทั้งสองกรณีนั้น ได้พิสูจน์ในชั้นศาลแล้วว่า ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดครับ
             ประการที่สาม บทความได้อ้างถึงการตอบโต้ระหว่างผมกับนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อย่างเผ็ดร้อน แต่ลืมพูดถึงบทสุดท้ายของเรื่องนี้ว่า ในที่สุด นายกิตติรัตน์ ไม่มาตามนัด ตามคำเชิญของสถานีโทรทัศน์ที่จะให้มาดีเบตกับผมแบบตัวต่อตัวในเรื่องจำนำข้าวและกติกาของWTO ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่ติดตามเรื่องนี้โดยละเอียดคงตัดสินได้ว่าอะไรเป็นอะไรนะครับ!
             ก็แค่นี้ละครับที่อยากเปิดใจคุยกันแบบตรงไปตรงมา และขอขอบคุณอีกครั้งที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวผม ถึงกับไปเขียนเป็นข่าวเล่าสู่กันฟัง เราทั้งสองคนเป็นบุคคลสาธารณะ รับได้ทั้งนั้นครับ... ไม่เหนื่อย ไม่ท้อ กำลังใจยังดีครับ แต่ก็ยังมีความหวังนิดๆว่า ครั้งหน้าช่วยเขียนเรื่องราวให้ครบถ้วนสักนิดนะครับ สังคมจะได้ไม่เข้าใจผิดครับ...!

 

 

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ