ฏีกาคุก 6 ปี"ผู้พันตึ๋ง-อดีตเทศกิจ"กรรโชกทรัพย์ | คมชัดลึก

        3 พ.ค.60  ศาลอ่านคำพิพากษา ศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ ด.3203/2540 ที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายศรายุธ ภู่พลับอดีต หัวหน้าเทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ , นายธานี ฟูทอง,นายพรชัย สุคัณธสิริกุล, นายธีรยุทธ สุวรรณพาณิชย์ทั้งหมดเป็นอดีตเจ้าหน้าที่เทศกิจ , พ.ต.เฉลิมชัย มัจฉากล่ำ หรือ ผู้พันตึ๋ง อดีตที่ปรึกษานายกฯเทศบาลนครเชียงใหม่ , พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย หรือเสธ.ยอด อดีตที่ปรึกษานายกฯเทศบาลนครเชียงใหม่ , นายนิสสันต์ชาติชำนิ (เสียชีวิต) และ จ.ส.อ.สุทิน ศรีเมืองหลวง เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ ,ข่มขืนใจ หรือจูงใจให้บุคคลใดมอบให้ หรือหามาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น , เป็นสมาชิกเทศบาล เรียกรับหรือยอมรับทรัพย์สิน ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ , เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยทุจริต และร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 149, 157 และ 337 กรณีระหว่างวันที่ 20 พ.ย.38 -31 พ.ค.39 พวกจำเลยร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ผู้ค้า 128 รายในตลาดวโรรส และตลาดไนท์บาซาร์ จ.เชียงใหม่ จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธสู้คดดี

         โดยคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 เม.ย.54 ว่าการกระทำของผู้พันตึ๋ง กับพวกจำเลยที่ 1-5 เป็นความผิดตาม ม.148 , 149 และ 337 วรรคหนึ่ง ให้จำคุกนายศรายุธ อดีตหัวหน้าเทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ จำเลยที่ 1 จำคุก 9 ปี ฐานเป็นตัวการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบให้ผู้อื่นมอบทรัพย์สิน ฯ ตาม ม.148 และให้จำคุกอดีตเจ้าหน้าที่เทศกิจและผู้พันตึ๋ง จำเลยที่ 2-5 บทหนักสุด ฐานเป็นผู้สนับสนุนฯ ตาม ม.148 คนละ 6 ปี และให้จำเลยที่ 1-4 ที่เป็นอดีตเทศกิจร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายด้วย
 
         ส่วน พล.ต.อินทรัตน์หรือเสธ.ยอด อดีตที่ปรึกษานายกฯเทศบาลนครเชียงใหม่ จำเลยที่ 6 และ จ.ส.อ.สุทิน ศรีเมืองหลวง ที่ 8 ศาลยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ยกฟ้อง ขณะที่นายนิสสันต์ ชาติชำนิ จำเลยที่ 7 ได้เสียชีวิตระหว่างการพิจารณา ศาลจึงให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ

         ต่อมาชั้นอุทธรณ์ มีการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วันที่ 17 ธ.ค.56 แก้เป็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 - 5 เป็นการกระทำผิดเพียง 2 ข้อหา ฐานเป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ ประโยชน์สำหรับตนเองโดยมิชอบ ม.149 และข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้ทรัพย์สินกับตนเองฯ ตาม ม.337 วรรคหนึ่ง โดยให้ลงโทษบทหนักสุด ตาม ม.149 ฐานเรียก รับสินบน ฯ แต่ยังคงอัตราโทษเดิมทั้งหมด คือ จำคุกนายศรายุธ อดีตหัวหน้าเทศกิจเทศบาลนครเชียงใหม่ จำเลยที่ 1 ฐานเป็นตัวการเป็นเวลา 9 ปี  และอดีตเจ้าหน้าที่เทศกิจกับผู้พันตึ๋ง จำเลยที่ 2-5 จำคุกคนละ 6 ปีฐานเป็นผู้สนับสนุน และยังคงให้อดีตเจ้าหน้าที่เทศกิจ จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่ผู้เสียหายด้วย
 
        ซึ่งจำเลยทั้งหมดได้ยื่นฎีกาสู้คดี โดยอดีตเจ้าหน้าที่เทศกิจเชียงใหม่ทั้ง 4 คน ได้รับการประกันตัวในชั้นฎีกา ส่วนพ.ต.เฉลิมชัย หรือผู้พันตึ๋งนั้นถูกคุมขังสืบเนื่องจากคดีร่วมกันฆ่า อดีต ผู้ว่า ฯ ยโสธร  
         โดยวันนี้ ศาลเบิกตัว พ.ต.เฉลิมชัยหรือผู้พันตึ๋ง จำเลยที่ 5 จากเรือนจำจังหวัดนนทบุรีเพื่อมาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งผู้พันตึ๋ง มีสีหน้ายิ้มแย้ม โดยมีภรรยาและบุตรสาว มาร่วมให้กำลังใจด้วย ส่วนจำเลยที่ 1- 4 ที่ได้รับการประกันตัวชั้นฎีกา ก็มาฟังคำพิพากษาโดยมีกลุ่มญาติและคนใกล้ชิดมาร่วมฟังคำพิพากษาด้วย 
         ทั้งนี้ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า คดีนี้โจทก์ มีผู้เสียหาย 56 รายเบิกความในทำนองเดียวกันว่า ขณะที่ตั้งแผงขายสินค้า-อาหาร จำเลยที่ 1,4,5 มาแจ้งว่าให้จ่ายเงินที่ผู้ค้าเรียกกันว่า ภาษีเถื่อน,ค่าเช่าที่,ค่าน้ำ,ค่าไฟ เดือนละตั้งแต่ 250 – 1,000 บาท หากไม่จ่ายก็จะไม่ได้ขายของโดยการเก็บเงินดังกล่าวอ้างว่าจะให้ผู้ใหญ่ในเทศบาลโดยไม่มีใบเสร็จจ่ายเงินแสดงให้ และจำเลยที่ 4,5 ยังเคยให้ผู้ค้าซื้อรถเข็นทรงหลังคากาแล คันละ 2,700 บาทด้วยและจำเลยที่ 4 ยังเปิดรับฝากของและสินค้าด้วย ขณะที่เคยเห็นจำเลยที่ 5 พาชายฉกรรจ์ผมเกรียนมาบริเวณตลาดเพื่อเก็บร้านที่ไม่ปฏิบัติตามด้วย อีกทั้งโจทก์ยังมีเอกสารที่ตรวจค้นเจอจากตัวจำเลยที่ 4 ซึ่งเขียนแผงผังการแบ่งโซนแผงค้า
        ส่วนที่จำเลยที่ 1-2 ฎีกาว่า ชั้นคณะกรรมการสอบสวนวินัยเห็นว่าไม่มีมูลนั้น คำวินิจฉัยดังกล่าวไม่ผูกพันการพิจารณาของศาลฎีกา และที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าถูกพนักงานสอบสวนล่อลวงนั้น เห็นว่าจำเลยจบการศึกษานิติศาสตร์ ย่อมเข้าใจกระบวนการเป็นอย่างดี ข้อต่อสู้ของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
         ที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้ามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน
         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอ่านคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัว 4 อดีตเทศกิจเชียงใหม่ เข้าเรือนจำเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งครอบครัวและกลุ่มญาติที่มาศาลถึงกับร่ำไห้  
          ส่วนพ.ต.เฉลิมชัยหรือผู้พันตึ๋งนั้น ได้กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนถูกจำคุกมาเกินระยะเวลาตามคำพิพากษาคดีนี้แล้ว แต่ปัจจุบันยังคงถูกขังในเรือนจำจังหวัดนนทบุรีเนื่องจากผิดเงื่อนไขการคุมประพฤติหลังจากได้รับการปล่อยตัวกรณีที่ได้พักโทษคดีฆ่าผู้ว่าฯยโสธร ซึ่งเวลานี้ตนถูกคุมขัง มาแล้ว 8 เดือน ยังมีเวลาต้องถูกคุมขังในเรือนจำนนทบุรีอีกเป็นเวลา 2 ปี  อย่างไรก็ดีตนได้มอบอำนาจให้ทนายความ ยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ต่อศาลจังหวัดนนทบุรี และศาลปกครองด้วยกรณีที่ตนเห็นว่าถูกคุมขังโดยมิชอบ เพราะตนได้พักโทษแล้วตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค.59 แต่กลับถูกกล่าวหาและจับเมื่อวันที่ 12 ส.ค.ว่าผิดเงื่อนไขคุมประพฤติเพราะออกนอกพื้นที่ที่กำหนด 
          ทั้งนี้พ.ต.เฉลิมชัย ยังระบุด้วยว่า สำหรับคดีกรรโชกทรัพย์ ตนยังถูกแจ้งความไว้ด้วยที่ จ.จันทบุรี แต่ตนได้มอบให้ทนายความ ฟ้องพ่อค้าพลอยใน จ.จันทบุรี ฐานแจ้งความเท็จด้วย ซึ่งศาลจะนัดไต่สวนมูลฟ้องต่อไป