ส่อโกง ! แนะให้ยืมหนังสือเรียนแทนแจกฟรี

       24 เม.ย. --  นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการคณะกรรมการภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของชาติ (ภตช.)   ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายของนายธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ที่เปลี่ยนนโยบายหนังสือเรียนฟรีเป็นให้ยืมเรียน สำหรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน 15 ปี  โดยในหนังสือร้องเรียนได้ระบุว่า  งบประมาณที่จัดสรรค่าหนังสือเรียนใน งบประมาณปี 2560 เป็นงบประมาณเรียนฟรีไม่เก็บค่าใช้จ่าย และไม่สามารถเรียกคืนได้  อีกทั้งคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 28 /2559 ก็ได้ระบุในเรื่องดังกล่าวด้วย ถ้าเปลี่ยนนโยบายเป็นให้ยืมหนังสือเรียน ก็จะขัดกับระเบียบ กฎหมาย หรือคำสั่งคสช.ได้ แต่เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ได้มีคำสั่งเปลี่ยนนโยบายไปแล้ว จึงอาจเข้าข่ายผิดตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา นอกจากนี้กระทรวงศึกษามีจัดสอบวัดระดับผลมากมาย ด้วยนโยบายดังกล่าวอาจทำให้นักเรียนไม่กล้าขีดเขียนอะไรลงหนังสือ เพราะกลัวหนังสือชำรุด ส่วนครูผู้สอนก็ต้องคอยกำชับเรื่องนี้ เพราะกลัวโดนตัดคะแนน ถ้าไม่คืนหนังสือ

        นอกจากนี้ในหนังสือร้องเรียนยังได้ระบุอีกว่า นโยบายดังกล่าวยังเป็นการเปิดช่องทางการทุจริต เช่นในปี 2560 โรงเรียน A มียอดคืนหนังสือเรียนจริง 60% ขาดอีก 40% ที่ต้องใช้ในปีถัดไป ซึ่งอาจมีการแจ้งยอดเท็จ ให้ซื้อเพิ่มอีก 80% ซึ่งจะทำให้ปีการศึกษาหน้า เด็กไทยมีหนังสือเรียนใหม่ใช้ 40% และใช้ของเก่า 60% ส่วนต่างอีก 40% ที่เหลืออาจให้ออกใบเสร็จเปล่า หากโรงเรียน A มี 700 คน ในปียอดซื้อหนังสือทั้งหมดคือ 350,000 บาท ถ้าทุจริตส่วนต่าง 40% ได้ก็จะเท่ากับ 140,000 บาท ดังนั้นทาง ภตช. จึงขอให้นายกฯ ได้ทบทวนนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ที่เปลี่ยนจากให้หนังสือเรียนฟรี เป็นให้ยืมเรียน และให้ดำเนินการตรวจสอบเอาผิดกับ รมว.ศึกษาธิการ และผู้ที่เกี่ยวข้องที่ออกนโยบายดังกล่าวด้วย

    โดยนายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ถ้าเปรียบเทียบเรื่องความเป็นธรรมในสังคมแล้ว หากต้องการประหยัดงบประมาณแผ่นดินจริง ๆ ก็ต้องทำให้เท่าเทียมทุกรายการ ทุกกระทรวง เช่นให้ยืมชุดนักเรียน เมื่อครบ 1 ปี ก็ต้องซ่อมและส่งห้ามเด็กรุ่นต่อไป ให้ยืมยาเวชภัณฑ์ เข็มฉีดยา ถุงมือยาง ปอดเทียม ไตเทียม ขาเทียม หรืออุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ในโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของกระทรงสาธารณสุข ก็ควรนำกลับมาวนใช้ใหม่กับคนไข้ถัดไปด้วย หรือของกระทรวงกลาโหม ก็ต้องให้ยืมเครื่องแบบทหาร กระสุนซ้อม อุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งมีปีละ 1 แสนกว่าคน เมื่อใช้แล้วก็ต้องวนนำกลับมาใช้ใหม่ด้วย จึงเรียนมาให้นายกฯทบทวนนโยบายนี้ เพื่อเป็นขวัญและกำลัวใจให้นักเรียน 15 ล้านคน เพื่อความเท่าเทียมกันในสังคมทุกฐานะความเป็นอยู่