ข่าว

ปลื้มรถไฟฟ้า"แบริ่ง-สำโรง"เดินทางสะดวก

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เสียงปชช.หนุนรถไฟฟ้าสีเขียว "แบริ่ง-สำโรง" นั่งฟรีตลอดปี 60 เชื่อเดินทางสะดวกขึ้น วอนเร่งสร้างระบบรางให้ครอบคลุม

        3 เม.ย. ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสำโรง จ.สมุทรปราการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ จากสถานีแบริ่งถึงสถานีสำโรงนั้น ตั้งแต่เวลา 13.00 น. เป็นต้นมา ได้เริ่มเปิดให้บริการสำหรับประชาชนเป็นครั้งแรก ซึ่งตลอดปี 2560 จะไม่คิดค่าบริการถึงสถานีสำโรง แต่จะคิดค่าบริการถึงสถานีรถไฟฟ้าแบริ่งเท่านั้น ก่อนที่กรุงเทพมหานคร(กทม.) จะเปิดให้บริการสถานีต่าง ๆ ตลอดเส้นทางเต็มระบบภายในปี 2561 อีก 8 สถานี ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงบ่ายมีประชาชนเดินทางมาใช้บริการเป็นระยะ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่ หรือทำงานในบริเวณสำโรง 

         ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานีสำโรงมีทางเข้าออกทั้งหมด 6 จุด บริเวณสถานีเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางที่สำคัญจุดหนึ่งของสมุทรปราการ เนื่องจากเป็นย่านการค้าแหล่งใหญ่ มีชุมชนอย่างหนาแน่น มีแยกเทพารักษ์ที่เชื่อมต่อไปยังถนนศรีนครินทร์และอำเภอบางพลี ใกล้กันยังมีแยกปู่เจ้าสมิงพรายที่สามารถเชื่อมไปยังแม่น้ำเจ้าพระยา ท่าน้ำปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง ฝั่งธนบุรี รวมถึงถนนพระราม 3 ซึ่งเชื่อมต่อมายังจังหวัดสมุทรปราการได้ด้วยสะพานวงแหวนอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ในอนาคตสถานีสำโรงยังอาจใช้เป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางกับโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลืองบริเวณแยกเทพารักษ์และปู่เจ้าสมิงพราย 

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเส้นทางเดินรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง–สมุทรปราการ ได้เชื่อมต่อจาก สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีแบริ่ง ไปตามแนวเกาะกลางถนนสุขุมวิท จนถึงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง โดยครอบคลุมพื้นที่ 3 เทศบาล ของจ.สมุทรปราการ ประกอบด้วย 1.เทศบาลสำโรงเหนือ 2.เทศบาลนครสมุทรปราการ และ3.เทศบาลบางปู ระยะทางรวม 13 กิโลเมตร มีจำนวน 9 สถานี ได้แก่ 1.สถานีสำโรง (E15) 2.สถานีปู่เจ้า (E16) 3.สถานีช้างเอราวัณ (E17) 4.สถานีโรงเรียนนายเรือ (E18) 5.สถานีปากน้ำ (E19)

          6.สถานีศรีนครินทร์ (E20) 7.สถานีแพรกษา (E21) 8.สถานีสายลวด (E22) และ 9.สถานีเคหะฯ (E23) โดยมีอาคารจอดแล้วจริบริเวณสถานีปลายทางสถานีเคหะฯ ริมถนนสุขุมวิท เนื้อที่ประมาณ 18 ไร่ สามารถจอดรถได้ 1,200 คัน และมีศูนย์ซ่อมบำรุงตั้งอยู่บริเวณหลังสถานีไฟฟ้าย่อยบางปิ้ง รวมพื้นที่ประมาณ 123 ไร่ มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการฯ รวม 27,673 ล้านบาท แบ่งเป็นงานด้านงานโยธา โครงสร้างและงานระบบราง 21,085 ล้านบาท และงานด้านติดตั้งระบบเดินรถ 6,588 ล้านบาท

         นายสมพล ชูชีพ อายุ 29 ปี  กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่รถไฟฟ้าบีทีเอสสำโรงเปิดใช้บริการ เป็นผลดีของคนจังหวัดสมุทรปราการที่ไม่ต้องเดินทางมาถึงสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง แต่เมื่อรถไฟฟ้ามาถึงสถานีสำโรงก็ถือว่าเป็นบริเวณจุดหลักที่มีการเชื่อมต่อทั้งถนนปู่เจ้าสมิงพรายกับทางรถไฟสายเก่า ทำให้คิดว่าจากนี้ชีวิตจะดีขึ้น เพราะตัวเองก็ใช้รถไฟฟ้าเดินทางไปทำงานเป็นประจำ โดยเมื่อรถไฟฟ้าเส้นนี้เปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปลายปี 2561 ก็คิดว่าจะช่วยเรื่องการเดินทางของประชาชนได้มาก เนื่องจากในเส้นสุขุมวิทมีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว หากการก่อสร้างในเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือแล้วเสร็จ ก็จะทำให้ประชาชนในจังหวัดปทุมธานี และจังหวัดสมุทรปราการไปมาหาสู่กันได้สะดวก

          "ในอนาคตถ้าระบบรางแล้วเสร็จได้เร็วครอบคลุมทุกพื้นที่ จะเป็นผลดีกับประชาชนแน่นอน เชื่อว่าปัญหาจราจรที่ติดขัดจะน้อยลง ซึ่งการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวถึงสำโรงในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของส่วนต่อขยายเพิ่มเติม ภายหลังรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เปิดให้บริการไปในปีที่ผ่านมาแล้ว"นายสมพล 

            ขณะที่นายเอนก ปิ๋วธัญญา อายุ 35 อาชีพช่างภาพอิสระ กล่าวว่า รู้สึกดีใจทำให้การเดินทางเข้าเมืองสะดวกขึ้น จากแต่ก่อนต้องนั่งรถเมล์ เมื่อมีรถไฟฟ้าจะประหยัดเวลา ทำให้จิตใจดีขึ้นในการเดินทาง ถึงแม้จะเป็นการเปิดแค่สถานีเดียว แต่ถือว่ามีประโยชน์มาก เพราะสำโรงเป็นแหล่งชุมชนใหญ่ของคนสมุทรปราการ จะทำให้การเดินทางสะดวกขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายแล้วก็อยากให้หน่วยงานรัฐเร่งการทำงานให้เร็วขึ้น เพื่อประโยชน์ของประชาชน ถ้าล่าช้าก็ทำให้ประชาชนเดือนร้อน เพราะขณะนี้ปริมาณรถมีมากขึ้นในแต่ละปี ถ้าทำเสร็จก็จะช่วยปัญหาจราจรให้เบาบางลงได้

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ