จับเขียดขายสร้างรายได้งาม!

 

         ในช่วงหน้าแล้งปีนี้เกษตรกรชาวนาในหลายพื้นที่ ที่ไม่มีแหล่งน้ำเข้ามาช่วยทำการเกษตรได้เพียงพอได้ เริ่มหันมาหาอาชีพเสริมกันอย่างคึกคักได้อีกทางไม่แพ้กันด้วยการออกหาจับเขียดจะนา หรือเขียด ที่มาอาศัยอยู่ตามท้องนาของตนเอง ที่จะมีขนาดตัวเล็กกว่ากบ และจะมีอาศัยอยู่ตามท้องไร่ท้องนาเป็นจำนวนมากในช่วงหน้าแล้งของทุกปี

 

 

         ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารอีสาน สุดยอดอาหารเปิบพิสดารสุดหายากในช่วงหน้าแล้งของทุกปี ที่คนอีสานมีความเชื่อว่าใครได้รับประทานแล้วจะมีกำลังวังชาดีปึ๋งปั๋งมีลูกดกเหมือนเขียด โดยเฉพาะเขียดทอด หรือเมนู ”ดิ่งพสุธา” ที่เป็นอาหารขึ้นชื่อตามร้านอาหารอีสานต่างๆทั่วไป ที่จะหาสั่งมารับประทานได้ยากมาก ที่ราคาขายสูงกว่าจานละไม่น้อยกว่า 200-300 บาทขึ้นไป และมีจำนวนตัวเขียดไม่กี่สิบตัวเท่านั้น รวมทั้งนอกจากนี้ยังสามารถนำไปทำเป็นหมกเขียด ที่มีกรรมวิธีเดียวกันกับการทำหมกปลาทั่วไป และนำไปจำหน่ายตามท้องตลาดมีให้เลือกในราคาสูงกว่าละหมกไม่น้อยกว่า 50-100 บาทขึ้นไปเช่นกัน ในช่วงหน้าแล้งของแต่ละปีที่จะหารับประทานได้ยากยิ่งลงทุกวัน เพราะปริมาณจำนวนของเขียดเริ่มลดลงลงทุกปี

 

 

         โดยในช่วงหน้าแล้งปีนี้ นายนิคม สีที อายุ 43 ปี 20/1 หมู่3 ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ และนายสุจินดา กวดนอก อายุ 39 ปี ชาวบ้าน ต.โคกสะอาด อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ หนึ่งในผู้ที่หันมายึดอาชีพออกหาจับเขียดจะนา หรือในนา มาจำนวนแทนการทำนาในหน้าแล้งทุกปี และจะมีลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารประเภทเปิบพิสดารสุดยอดเมนูอาหารของดีอีสานเป็นจำนวนมากในทุกปีตามมาด้วยเช่นกัน ที่มีความเชื่อของคนอีสานว่าใครได้รับประทานแล้วจะมีกำลังวังชาดีปึ๋งปั๋งมีลูกดกเหมือนเขียด

 

 

         การออกหาจับเขียดจะนาก็ทำได้ง่าย ๆ โดยการใช้ไฟจากแบตเตอรี่ออกไปหาส่องยามเวลากลางคืนที่ต้องาศัยความชำนาญรู้แหล่งรู้จุดที่เขียดมักอยู่จำนวนมากด้วยเช่นกัน ที่จะมีอยู่ในท้องนาท้องไร่ในหมู่บ้านทั่วไป หรือตามแหล่งน้ำที่เริ่มแห้งขอดมีดินแตกระแหงจะมีเขียดอาศัยอยู่ชุกชุมมากกว่าที่อื่นๆโดยเฉพาะในช่วงหน้าแล้ง

 

 

         ซึ่งเขียดจะมีอายุและได้ขนาดเป็นที่ต้องการของตลาดในช่วงฤดูแล้งนี้เท่านั้น หลังจากที่จับมาแล้ว ก็นำมาทำความสะอาดนำมาปรุงเป็นอาหาร โดยนำเขียดมาทำเมนูเปิบพิสดารตามแต่ลูกค้าชอบ ทั้งนำมาปรุงใส่เครื่องเทศทำห่อหมกเขียด โดยเฉพาะ เขียดทอดกรอบ หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “ดิ่งพสุธา ทอดกรอบ” ซึ่งจะต้องนำเขียดไปตากแห้ง ต้องใช้เขียดสดกว่า 3 กิโลกรัมขึ้นไปถึงจะได้มาของเขียดแดดเดียวเพียง 1 กิโลกรัม มีราคาขายกิโลกรัมละกว่า 500 บาทขึ้นไป ก็จะเป็นเพิ่มมูลค่าราคาขายสูงขึ้นไป หากนำไปทอดขายในร้านอาหารเขียดไม่กี่ตัวก็ราคาสูงกว่า จานละไม่น้อยกว่า 200-300 บาทขึ้นไปเลยทีเดียว

 

 

         รวมทั้งหากใครที่ชอบแกงคั่ว อ่อมใส่ผักชีลาว และ ปิ้งย่าง ซึ่งมีรสชาติหอม กรอบ อร่อย ไปอีกแบบซึ่งในช่วงหน้าแล้งชาวบ้านที่พากันออกหาจับเขียดได้แล้วส่วนที่เหลือจากประกอบอาหารเลี้ยงครอบครัวได้อย่างดี อีกส่วนก็ยังนำไปขายที่ตลาดหรือขี่รถวิ่งขายตามบ้านให้กับเพื่อนบ้าน โดยมีแม่ค้ามารับซื้อถึงที่เลยทีเดียวช่วงนี้ในราคาเขียดตัวสดๆ ขายกิโลกรัมละ 100-300 บาทแล้วแต่ขนาด ส่วนเขียดตากแห้งขายกิโลกรัมตามขนาดก็จะมีตั้งแต่กิโลกรัมละ 300-500 บาทขึ้นไป

 

 

         ที่ช่วงหน้าแล้งปีนี้ถือว่าเป็นที่ต้องการของตลาดและร้านอาหารเปิบพิสดารกันเป็นจำนวนมาก เพราะปัจจุบันเขียดก็เริ่มหายากมีน้อยลง และยังสร้างรายได้เข้าครอบครัวไม่น้อยกว่าวันละ 2,000-3,000 บาท ได้ดีเพิ่มขึ้นอีกทางเช่นกันในช่วงหน้าแล้งปีนี้