ข่าว

อดีตบรรณารักษ์หันปลูกตะไคร้เล็งตัดใบส่งจีนเพื่อทำชา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อดีตบรรณารักษ์ทิ้งงานประจำสู่อาชีพเกษตรกรพลิกผืนนากว่า30ไร่ปลูกตะไคร้3สายพันธุ์ขายทั้งหัวสด-ตากแห้งยอดขายนับแสนบาทต่อเดือน-เล็งตะไคร้ตัดใบส่งออกจีนเพื่อทำชา

 

          ตะไคร้ถือเป็นพืชทางเลือกหนึ่งของเกษตรกร ที่นอกจากศัตรูพืชค่อนข้างน้อย ดูแลง่ายและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างกว้างขวาง จึงทำให้คุณกฤษณา ช่างยา อดีตบรรณารักษ์ หันหลังให้งานประจำในรั้วมหาวิทยาลัย ก้าวสู่อาชีพเกษตรกร โดยพลิกผืนนากว่า 30 ไร่ ปลูกตะไคร้ 3 สายพันธุ์ ขายทั้งหัวสดและตากแห้ง ล่าสุดยอดขายนับแสนบาทต่อเดือน พร้อมขยายเครือข่ายเกษตร เล็งโอกาสตะไคร้ตัดใบส่งออกประเทศจีนเพื่อทำชา
 
          นางกฤษณา ช่างยา อายุ 33 ปี เจ้าของสวน “บ้านตะไคร้มหาสารคาม” บ้านโขงกุดเวียน ต.ขามเรียง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นทำอาชีพเป็นบรรณารักษ์ ที่คณะแพทย์ศาสตร์ ม. มหาสารคาม ควบคู่กับการปลูกต้นดาวเรืองตัดดอกขายส่งตลาดไท ต่อมาได้เห็นตลาดการซื้อขายตะไคร้ที่มีโอกาสทำรายได้เพิ่มให้กับครอบครัว จึงลองปรึกษาครอบครัวและทดลองปลูกตะไคร้ โดยแบ่งที่นาเดิมมาขุดร่องทำแปลงปลูก ไม่นานยอดการสั่งซื้อตะไคร้ที่สวนเพิ่มมากขึ้น ทำให้ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาปลูกทำตะไคร้เต็มตัว โดยลงทุนปรับที่นาพื้นที่ 30 ไร่ ปลูกตะไคร้ 3 สายพันธุ์ คือ ตะไคร้แดง ซึ่งเป็นตะไคร้พันธุ์พื้นบ้าน ตะไคร้ขาวเกษตรและตะไคร้หยวก ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร ได้แก่ โรงงานทำพริกแกง โรงงานผลิตผงปรุงรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นอกจากนี้ยังมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรับตะไคร้ตากแห้งไปทำวัตถุดิบสมุนไพรหรือลูกประคบและกำลังจะเปิดตลาดใหม่คือ ตะไค้ตัดใบโดยมีคำสั่งซื้อส่งออกไปยังไปเทศจีน เพื่อทำชาใบตะไคร้ที่กำลังเป็นที่นิยมมากในหมู่ชาวจีน

          ตะไคร้ จัดเป็นพืชผักสวนครัวอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกและดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะถ้าปลูกในสภาพดินแทบทุกชนิด แต่ถ้าเป็นดินร่วนปนทรายจะดีที่สุด เพราะจะแตกรากและกอได้ดี โดยเคล็ดลับของการปลูกตะไตร้ของที่นี้ เริ่มจากไถตีแปลง พรวนดิน แล้วเตรียมต้นพันธุ์ที่ตัดใบออก ให้เหลือต้นยาว ประมาณ30-40เซนติเมตร มาไว้ในที่ร่มและรดน้ำเช้าเย็นประมาณ 3-5วัน เพื่อให้รากงอก รากที่แก่เต็มที่จะมีสีเหลืองเข้ม นำไปปลุกในแปลงเว้นระระแต่ละกอกว้างคูณยาว 1 เมตรคูณ 1 เมตร ถ้าเป็นตะไคร้ตัดใบ จะลดระยะความกว้างของร่องและต้นลงมาเหลือ 50-70 เซน ส่วนการวางต้นพันธุ์ ให้วางเอียง45องศา ไปด้านใดด้านหนึ่งแล้วกลบดิน ในระยะ 2 สัปดาห์แรก จะต้องให้น้ำสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็นจนตะใคร้แตกใบจากนั้นเหลือให้น้ำวันละครัง ส่วนการให้น้ำจะใช้สายน้ำหยด หรือระบบสปริงเกอร์ก็ได้ ตามที่ผู้ปลูกถนัดหรือตามพื้นที่ของเจ้าของสวน

          ตะไคร้มีศัตรูพืชค่อนข้างน้อยมาก ดูแลง่าย ตะไคร้หัวอายุเก็บเกี่ยว 6 เดือน ส่วนตะไคร้ตัดใบเมื่อครบ 3 เดือนจะสามารถตัดตัดใบได้ต่อเนื่องไปจนถึง 2 ปี ซึ่งราคาตะไคร้สดเฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 7 – 20 บาท ขึ้นอยู่กับช่วงเวลา หากช่วงหน้าแล้งเดือนเมษายน – พฤษภาคม ตะไคร้จะมีราคาสูงประมาณเกือบ 20 บาท ส่วนตะไตร้ตากแห้งกิโลกรัมละ 14 - 20 บาท สำหรับยอดขายต่อเดือนของตน ตะไคร้หัวสด มีลูกค้าจากโรงงานมารับซื้อสัปดาห์ละประมาณ 10 ตัน และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมารับซื้อตะไคร้ตากแห้งอีกเดือนละนับร้อยกิโลกรัม ยอดขายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท

          ปัจจุบันสวนบ้านตะไคร้มหาสารคาม ได้ขยายเครือข่ายมีผู้ปลูกจากในจังหวัดมหาสารคามและใกล้เคียง รวมพื้นที่มากกว่า 100 ไร่ แต่ยังไม่พอต่อกำลังการสั่งซื้อของลูกค้า ยังต้องการเกษตรกรร่วมปลูกตะไคร้ส่งชายอีกเป็นจำนวน เกษตรกรผู้สนใจสามารถร่วมเป็นเครือข่ายโดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่หมายเลยโทรศัพท์ 063-7685685 หรือเข้าไปดูรายละเอียดผ่านทางเฟสบุ๊คบ้านตะไคร้มหาสารคาม

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ