วันเวลาของ ... "เต่าออมสิน"

          “เจ้าเต่าออมสิน” กินเหรียญ เต่าตนุเพศเมีย อายุ 25 ปี ถูกพบในบ่อเลี้ยงร้างแห่งหนึ่ง ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี  ต่อมา ทีมสัตวแพทย์ นำโดย รองศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.นันทริกา ชันซื่อ (หมอหนิ่ง ) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับตัว “ เต่าออมสิน” จากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือสัตหีบ มารักษา หลังพบว่าเต่าออมสินอาการบวมใหญ่ผิดปกติบริเวณหน้าท้องจนเห็นได้ชัด

           เมื่อนำเข้าเครื่องซีทีสแกน   พบว่ามีเหรียญอยู่ในกระเพาะเป็นจำนวนมาก และด้วยน้ำหนักเหรียญที่มากทำกระดูกกระดองด้านล่างผุกร่อน 

              

          6 มี.ค.ทีมสัตวแพทย์ศัลยกรรม นำโดย คุณหมอหนิ่ง ใช้เวลาผ่าตัดท้อง “เต่าออมสิน”  ประมาณ 7 ชั่วโมง ใช้เวลานำเหรียญออก ประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นเหรียญหลากหลายประเทศสกุล 915 เหรียญ น้ำหนัก 5 กิโลกรัม หลังผ่าตัดงดให้อาหารเต่าออมสิน 1-2 สัปดาห์ แต่จะให้น้ำเกลือแทน ใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 1 สัปดาห์ โดยหากเต่าออมสินหายเป็นปกติจะปล่อยคืนสู่ท้องทะเล เพื่อให้ดำรงชีวิตตามธรรมชาติต่อไป

          14 มี.ค.คุณหมอหนิ่ง ได้โพสเฟซบุ๊คถึงอาการ และลีลา “ เจ้าออมสิน เต่ากินเหรียญ” ว่ายน้ำ ว่า ชอบอ่างใหม่มากเพราะมีที่หลืบให้ซุกซ่อนหัว แบบไม่ต้องเข้ามุม... เธอจมลงได้อีกหน่อยหลังจากออกกำลังได้มากขึ้นหลังรักษาแผล แต่ก็ยังต้องจำกัดเวลาลงว่ายน้ำจนกว่าจะแน่ใจค่ะ ทีมหมอทั้งหลายมีความสุขเช่นกันที่เห็นออมสินร่าเริงขึ้น ถ่ายรูปกันสนุกสนาน! อีกไม่กี่วันจะได้เริ่มกินแล้ว รอแป้ปปปนะจ๊ะ 

          19 มี.ค. ผู้ที่ติดตามอาการของเต่าออมสินต้องใจหาย เมื่อคุณหมอหนิ่ง โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว คืบหน้าอาการ “เต่าออมสินว่า เมื่อวาน (18 มี.ค.) เจ้าออมสินมีอาการซึมและปวดท้อง ซึ่งทีมสัตวแพทย์แปลกใจมากเพราะที่ผ่านมาก็ เริ่มกินอาหารได้แล้ว โดยเริ่มให้แค่ 2-3 ชิ้นก่อน จากนั้นก็ว่ายน้ำได้ดี โดยทีมแพทย์ได้รีบทำการตรวจอย่างละเอียด พบว่ามีอาการแซกซ้อนจากลำไส้บิดตัวรัดกันเอง (Volvulus and Strangulation)
          ซึ่งน่าจะมาจากการพยายามฟื้นตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ในช่องท้องท่ีมีพื้นท่ีมากขึ้นจากก่อนผ่าตัด มีแก้สเพิ่มขึ้นมากจึงปวดท้องและทำให้เสียโปรตีน ทางทีมศัลยแพทย์และหมอสัตว์น้ำจึงช่วยกันทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อแก้ปมลำไส้และลดปริมาณแก้สออกโดยด่วน ปรากฏว่าพบลำไส้รัดกัน ซับซ้อนมาก และมีน้ำในช่องท้องที่เกิดจากการรัดตัวนี้มากด้วย
         “ตอนนี้ยัง ICU ห้ามเยี่ยมอยู่ค่ะ ช่วยกันส่งกำลังใจให้ออมสินด้วย หนักใจค่ะ อุตส่าห์ช่วยกันคุมการติดเชื้ออย่างดี แผลหายสนิท ว่ายน้ำได้ กินได้แล้ว ไม่สามารถควบคุมสิ่งท่ีร่างกายเขาจัดการตัวเองได้” รศ.สพญ.ดร.นันทริกา ระบุ

               

          20 มี.ค. : คุณหมอหนิ่ง  กล่าวความในใจว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตน คณะแพทย์ และเจ้าหน้าที่ทุกคน รักและผูกพันกับเต่าออมสินมากตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา คุณหมอทุกคนยอมยกเลิกงานของตัวเองและรีบมาช่วยผ่าตัดด่วนคร้ังที่ 2 ในทันที ซึ่งออมสินได้เสียสละตัวเองเพื่อเป็นกระจกสะท้อนปัญหาด้านความเชื่อและความนิยมที่ผิดในสังคมไทย พร้อมขอร้องให้ช่วยกันหยุดพฤติกรรมที่จะไปกระทบกับชีวิตอื่น ช่วยกันสอดส่องดูแล อย่าผลักความทุกข์และความเจ็บปวดที่สัตว์เหล่านั้นไม่ได้ก่อไปให้พวกมันอีกเลย

          21 มี.ค. คุณหมอหนิ่ง และทีมสัตวแพทย์ แถลงอาการเต่าออมสินมีอาการซึมและทรุดลงอย่างกระทันหัน ในเช้าวันเสาร์ที่ 18 มี.ค.2560 หลังจากการตรวจพบแก๊ซปริมาณมากในทางเดินอาหาร ทีมสัตวแพทย์จึงตัดสินใจผ่าตัดด่วนตั้งแต่เวลา 09.30 น. เมื่อทำการเปิดแผลพบว่าแก๊ซปริมาณมากนั้น เป็นผลมาจากการที่ลำไส้เกิดบิดตัวหลายรอบ จนทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงลำไส้บางส่วน และลำไส้ได้ขยายขนาดใหญ่ขึ้น การบิดตัวของลำไส้ทำให้เกิดการอักเสบอย่างเฉียบพลันและรุนแรง เป็นผลทำให้เกิดการสะสมของเหลวในช่องว่างลำตัวปริมาณมาก รวมกับการเกิดพิษในกระแสเลือดอันเป็นผลพวงจากลำไส้บิด  

          คุณหมอหนิ่ง ระบุว่า ภาวะนี้ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและโปรตีน เป็นเหตุให้เกิดภาวะโลหิตเป็นพิษ ศัลยแพทย์ทำการระบายแก๊สและของเหลวในช่องท้องปริมาณมากออก และจัดลำไส้ให้เข้าตำแหน่งเดิม การผ่าตัดเมื่อวันที่ 18 มี.ค.เสร็จสิ้นลงในเวลา 12.00 น.

          "หลังผ่าตัดออมสินไม่ค่อยรู้สึกตัวและมีสัญญาณชีพอ่อนลง ต้องให้อ๊อกซิเจนตลอดเวลา และต้องคอยดูแลอย่างใกล้ชิด และล่าสุดเมื่อเวลา 10.10 น. เตาออมสินได้ตายลงแล้ว" คุณหมอหนิ่งแถลง โดยระหว่างการแถลงคุณหมอเศร้ามากถึงกับร้องไห้เดินออกไปจากห้องแถลงข่าวครู่หนึ่ง ก่อนกลับมาแถลงต่อ "ออมสินมีพัฒนาการที่ดีมาก เขาได้ว่ายน้ำได้กินอาหารในช่วงชีวิตสุดท้าย"                                  

             

          “เต่าตนุ ซึ่งมีอายุยืนประมาณ 80 ปี กินพืชเป็นหลัก แต่ด้วยความเชื่อของคนที่ว่า เมื่อโยนเหรียญโดยเต่าแล้วจะมีอายุยืนยาว บ้างก็ต้องการทำบุญให้สัตว์ ทำให้เต่าจำนวนมากต้องอาศัยอยู่กับเหรียญและธนบัตรและกินเข้าไป ทำให้บางตัวต้องสิ้นก่อนอายุขัย ดังนั้นหากจะทำบุญจริง ๆ ก็ควรทำตามตู้หยอดเหรียญที่มีการจัดไว้ให้  การโยนเหรียญลงบ่อสัตว์จึงกลายเป็นการทำบาปมากกว่า เพราะทำให้สัตว์ต้องทรมาน"