ข่าว

ยกฟ้อง “ชัยวัฒน์” ครอบครองกระสุนปืน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลพิพากษายกฟ้อง “ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร” คดีครอบครองกระสุนปืนและแมกกาซีน ระหว่างดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน


               28 ก.พ. 60  เมื่อเวลา 09.30 น.  นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า หรือ ชุดพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดเพชรบุรี เพื่อฟังคำพิพากษาในคดีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ คดีหมายเลขดำที่ อ.288/2559 คดีหมายเลขแดงที่ 603/2560 ซึ่งมีพนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีเป็นโจทก์ โดยผู้พิพากษาในคดีนี้ได้ขึ้นบัลลังก์อ่านคำพิพากษาบนบัลลังก์ที่ 11

               รายละเอียดของคดี โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2554 เวลากลางวัน จำเลยกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยมีกระสุนปืนลูกกรด ขนาด .22 จำนวน 12 นัด อันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ได้ โดยจำเลยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยมีซองกระสุนปืนเล็กกล (เอ็ม16) ขนาด 5.56 มม. ชนิดบรรจุกระสุนได้ 30 นัด 1 อัน ซึ่งถือว่าเป็นอาวุธปืนตามกฎหมายแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และจำเลยมีกระสุนปืนเล็กกลขนาด 5.56 มม. 80 นัด อันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามกฎหมายแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ตำบลสองพี่น้อง อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เจ้าพนักงานยึดได้ซองกระสุนปืนและเครื่องกระสุนปืนที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดเป็นของกลาง กระสุนปืนของกลางใช้ทดลองยิงหมด ส่วนซองกระสุนปืนของกลางเจ้าพนักงานเก็บรักษาไว้ ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4 , 7 , 55 , 72 , 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 , 91 ริบซองกระสุนปืนของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ

               พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นบ้านไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 5 ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี แล้วยึดได้กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 12 นัด กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. 80 นัด และซองกระสุนปืน ขนาด 5.56 มม. 1 อัน เป็นของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีแก่ นายไพโรจน์ ลิ้มลิขิตอักษร พี่ชายจำเลย พนักงานสอบสวนส่งของกลางไปตรวจพิสูจน์แล้ว ต่อมาอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายไพโรจน์ และเดือนพฤศจิกายน 2557 เจ้าพนักงานตำรวจดำเนินคดีแก่จำเลยเกี่ยวกับของกลางดังกล่าว ในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาจำเลยว่า มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต มีเครื่องกระสุนปืนแบบที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้ไว้ในครอบครองโดยฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยให้การปฏิเสธ ขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 พ.ร.บ.สวนป่า พ.ศ. 2535 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ในการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยและผู้ใต้บังคับบัญชาใช้อาวุธปืนเอชเคและปืนลูกซองซึ่งกระสุนปืนขนาด 5.56 มม. ใช้ได้กับปืนเอชเค

               ซึ่งเจ้าพนักงานตำรวจได้ทำการตรวจค้น พบกระสุนปืนขนาด .22 ในลิ้นชักภายในห้องนอน 1 ซึ่งห้องนอนนั้นไม่มีการล็อกประตู และจำเลยให้การได้ความว่า มีบุคคลภายนอกสามารถเข้าออกได้ ประกอบกับจำเลยไม่ได้มานอนพักเป็นประจำ และไม่ได้เจอกระสุนปืนที่ตัวจำเลย สำหรับ magazine กระสุนปืน 5.56 จำเลยอ้างว่า ผู้ใต้บังคับบัญชาพบในขณะออกลาดตระเวนระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจำเลยมีอำนาจและมีดุลพินิจในการเก็บรักษาไว้เพื่อเป็นการตรวจสอบในภายหลัง ในส่วนของกระสุนปืนขนาด 5.56 หรือ HK เป็นกระสุนปืนที่ใช้ในราชการกรมป่าไม้ ซึ่งจำเลยได้รับมาจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชต้นสังกัด ศาลได้พิจารณาแล้วว่า จากคำให้การและพยานหลักฐาน ศาลเห็นว่าจำเลยมีอำนาจในการครอบครอง จึงพิพากษายกฟ้อง

               สำหรับในคดีนี้ทางนายมนูญ ทองทิพย์ ประธานชมรมแรงเจอร์พิทักษ์สัตว์ป่าและพันธุ์พืช และศาสตราจารย์สิทธิโชค ศรีเจริญ ได้จัดหาทนายความ เป็นผู้ว่าความให้กับทางอดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เนื่องจากเห็นว่า เป็นข้อกล่าวหาที่ไม่ให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

               หลังฟังคำพิพากษา นายชัยวัฒน์ เปิดเผยว่า รู้สึกดีใจที่ได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้ ซึ่งตนเองก็ต่อสู้ต่อคำกล่าวหาในหลายๆ คดีด้วยแนวทางการพิสูจน์ตนเองในกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ในส่วนของกรณีชาวช้างที่นายลายทองเหรียญข่มขู่ว่า หากมีการดำเนินคดีเรื่องตั๋วช้างปลอม จะยกขบวนชาวช้างมากรุงเทพฯ ก็อยากให้นายลายทองเหรียญเดินหน้าในแนวทางที่ถูกต้องแบบที่ตนเดินคือเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะดีกว่า ซึ่งเมื่อมีการออกมาข่มขู่ผ่านสื่อสารมวลชนแบบนี้อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า การนำช้างเคลื่อนย้ายต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน หากไม่มีการดำเนินการใดๆ หรือปล่อยปละละเลยจะถือว่า เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วย

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ