โจรแสบ!ย่องงัดบ้านฉกทอง-เครื่องเพชร

            เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 22 ก.พ. 2560 ร.ต.ท.จักรพงษ์ ต้องแต้ม รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุงัดบ้านลักทรัพย์ ที่บ้านเลขที่ 511 หมู่ 2 ชุมชนโพธิสว่าง 1 เขตเทศบาลนครอุดรธานี จึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.สิทธิพร ธารากุลทิพย์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.พัฒนศักดิ์ อาณัติอักษร สว.สส.ภ.จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่วิทยาการ นำกำลังออกไปตรวจสอบ

            พบเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิด พบนางณัฐกานต์ ดวงสิมมา อายุ 51 ปี เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เจ้าของบ้านยืนรอให้การและนำตรวจที่เกิดเหตุ พบหน้าต่างข้างบ้านถูกงัด คนร้ายเข้ามารื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านกระจัดกระจาย ทั้งในห้องนอนชั้นล่างและชั้นบน โดยเฉพาะห้องนอนชั้นล่าง คนร้ายได้งัดตู้เซฟด้วยการตอกสลักบานพับประตูตู้เซฟ ทำให้ประตูเซฟหลุดออกทั้งบาน กล่องเครื่องเพชร กระจัดกระจายบนที่นอน โดยพบรอยรองเท้าฟองแตะฟองน้ำประมาณเบอร์ 8 อยู่บนเบาะนั่งโซฟา 2 รอย และรั่วคอนกรีตหลังบ้านพบรอยเท้า เจ้าหน้าที่ได้เก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้ายได้หลายจุด

            นางณัฐกานต์ ให้การว่า ตนอาศัยอยู่บ้านกับลูกสาวคนเล็ก ส่วนสามีและลูกสาวคนโตเดินทางไปทำธุรกิจที่ จ.มุกดาหาร เช้าวันนี้ตนและลูกสาวคนเล็กออกไปทำงานและไปโรงเรียนเวลา 07.00 น. โดยปิดประตูบ้าน และประตูรั้วไว้เรียบร้อย จนกระทั่งเย็นได้กลับมาบ้าน ก็พบหน้าต่างบ้านถูกงัด ตนจึงได้วิ่งไปบอกญาติที่อยู่ข้างบ้านกันมาช่วย ภายในบ้านมีร่องรอยรื้อค้นทรัพย์สิน ตนจึงวิ่งเข้าไปดูในห้องนอนพบตู้เซฟถูกงัด ทองรูปพรรณหนัก 30 บาท แหวนเพชร 6 วง ราคา 3 แสนบาท สร้อยเพชร 3 เส้น 1.5 แสนบาท ต่างหูเพชร 2 คู่ 1 แสนบาท พระทองคำ 3 องค์ 1 แสนบาท พระเครื่องจำนวนมาก มูลค่าประมาณ 1.3 ล้านบาท และโฉนดที่ดินหายไป ซึ่งทรัพย์สินส่วนมากจะเป็นค่าสินสอดของลูกสาว และทรัพย์สินที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิต

            นอกจากนี้ตนร้ายยังได้งัดบ้านเลขที่ 9 หมู่ 2 ชุมชนโพธิ์สว่าง 1 ซึ่งรั้วติดกัน โดยนางเพชรตะวัน พิทักษ์ทิม อายุ 48 ปี พยาบาลประจำโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เจ้าของบ้านได้นำตรวจที่เกิดเหตุพบ ร่องรอยปีนกำแพงรั้วหน้าบ้านซึ่งสูงประมาณ 2 เมตร คนร้ายงัดประตูหลังบ้าน เข้ารื้อค้นในห้องนอนชั้น 2 ตรวจสอบทรัพย์สิน พบแหวนทอง 1 สลึงหายไป ซึ่งโชคดีที่วันนี้ใส่แหวนเพชรไปทำงานด้วย เจ้าหน้าที่ได้เก็บลายนิ้วมือแฝงคนร้าย และจะติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป