“รุ่งคุณ” คนไม่เอาถ่าน

         ออกตัวแรงว่าพี่นี่อยู่ข้างประชาชนมาพักใหญ่แล้ว สำหรับ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร หรือ มล. โจ้ แต่มาวันนี้ ต้องบอกเลยว่าแรงกว่านี้มีอีกไหม?

         เพราะล่าสุด มล.โจ้ ในฐานะนักเคลื่อนไหว “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” ออกมาโพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “ไม่เรียกว่า ‘ทรราช’ แล้วจะให้เรียกว่าอย่างไร”

         เพื่อตอกหน้ารัฐบาลลุงตู่ ที่สั่งให้เดินหน้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ แล้ว

         ถึงนาทีนี้ หลายคนจึงอยากรู้ว่า หม่อมหลวงโจ้คนนี้ ที่แม้จะวัย 48 แต่รูปร่างหน้าตาจัดว่าเรียกเสียงกรี๊ดได้พอตัวนั้น เป็นใครกันแน่

         และก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือ ลูกชาย (คนโต) สุดหล่อของคุณแม่นางงามจักรวาล “อาภัสรา หงสกุล” กับอดีตสามี “ม.ร.ว.เกียรติคุณ กิติยากร” (ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปี 2557)

         มล.โจ้ มีดีกรีการศึกษา จากอังกฤษ โดยเรียนทางด้านถ่ายรูปออกแบบตกแต่ง จาก St.Martin ชื่อดัง

         แต่ด้วยเหตุอันใดไม่ทราบได้ เมื่อเขากลับมาเมืองไทยก็หันหน้าเข้าวัด ไปบวชที่วัดดอยธรรมเจดีย์ จังหวัดสกลนคร นานถึง 4 ปี โดยถือสมถะเป็น “พระป่า” จนตอนนั้นมีข่าวว่า “จะไม่ยอมสึกพระ (แน่นอน)”

         แต่แล้วเขาก็สึกออกมา และก็ยังโลดแล่นอยู่สังคมชั้นสูง เป็นเซเลบที่หลายคนถามหา

         ด้านหนึ่งหลายคนอาจจำเขาได้ว่าเป็นอดีตคู่รักของ “นาตาชา เปลี่ยนวิถี” นางแบบชื่อดังในยุคก่อน

         และยังเคยได้รางวัลหนุ่มโสดประจำปี 2006 ของนิตยสารไทยแลนด์แทตเลอร์ เคยถ่ายแบบปกนิตยสารบ้าง

         แต่หน้าที่การงานหลักคือ ช่วยมารดาบริหารธุรกิจความงาม โดยเป็น ผู้บริหาร ‘อาภัสรา บิวตี้ สลิมมิ่ง สปา’ สถาบันความงามเพื่อสุขภาพและบำบัดสมดุลของร่างกาย

         จนกระทั่งพบรักและวิวาห์แบบเรียบง่ายกับสาวสวยผู้เรียบง่ายเช่นเดียวกัน คือ “น้องกิ๊บ” บุรีรัตน์ พรมดาว ที่อ่อนกว่าเกือบ 20 ปี เป็นลูกสาว “ชาวไร่มัน”จ.บุรีรัมย์ ที่เขยิบจากพนักงานร้านของเขาเอง มาสู่หน้าที่ภรรยา เมื่อปี 2553โดยตอนนี้ทั้งคู่มีลูกชายวัยน่ารักอายุ 5 ขวบ

         โดยครั้งนั้น ว่ากันว่า มล.โจ้ได้ซื้อที่ดิน ที่ อ.ปากช่อง ใกล้เขาใหญ่ 50 กว่าไร่ เพื่อเรียนรู้ “ชีวิตพอเพียง” กับคู่ชีวิต ซึ่งแรกๆเขาก็ทำไร่ปลูกมัน ปลูกอ้อย อยู่ดีๆ

         แต่พอมาหลังๆ ชื่อของ มล.โจ้ กลับไปปรากฏในเรื่องเกี่ยวกับการปฏิรูปพลังงานของไทย

         โดยเฉพาะช่วงปีที่แล้ว เขาเอาจริงถึงขนาดนั่งประท้วงที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ร่วมกับ “เครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน” ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

         เขากล่าวว่า เหตุที่ประท้วง เพื่อขอคำตอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่เคยให้คำมั่นว่า หากชาวกระบี่สามารถแสดงศักยภาพในการผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เอง จะให้ระยะเวลา 3 ปี ไม่ทำโรงไฟฟ้าถ่านหิน เพราะถ่านหินสกปรกมีสารพิษ สารอันตรายหลายอย่าง ซึ่งกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยว มีธรรมชาติสวยงามมาก ทำรายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท

         แต่แล้วล่าสุด ดูเหมือนว่าคำมั่นจะไม่เป็นคำมั่น เขาจึงต้องแสดงจุดยืนในการเคลื่อนไหวต่อต้านโครงการดังกล่าว ให้เข้มข้นขึ้น โดยกล่าวในการโพสต์เฟซบุคว่า

         “ในการขู่ ก็ได้บิดเบือนเอา ว่าผู้คัดค้านอ้าง ‘ประชาธิปไตย’ จะให้เป็นเรื่องการเมือง ทั้งที่ไม่ได้มีใครพูดถึง แต่สิ่งที่เขาพูดถึงคือความเดือดร้อนของเขา ที่จะเกิดจากโครงการนี้ บิดเบือนเอาว่า ผู้คัดค้านไม่เอาโรงไฟฟ้า ให้ดูไม่มีเหตุมีผล ทั้งที่สิ่งที่เขาไม่เอาคือถ่านหิน”

         แถมยังไปชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาอีกด้วย

         งานนี้ต้องมาดูกันว่า ปฏิบัติการ “ไม่เอาถ่าน(หิน)” ของหม่อมหลวงโจ้ จะดุเดือดขนาดไหน เพราะดูหน่วยก้านแล้ว เอาจริง!