ข่าว

คุ้ยเส้นทางเงิน “เบนซ์” สงสัยลัมโบร์กีนี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ปส.เตรียมถก ปปง. - ป.ป.ส. คุ้ยเส้นทางเงิน “เบนซ์ เรซซิ่ง” สงสัยยืมเงิน 6 ล้าน ดาวน์ลัมโบร์กีนี จำเป็นต้องเชิญ “แพท” มาให้ข้อมูล หรือไม่


               4 ก.พ. 60  จากกรณีแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/2 ของตำรวจ บช.ปส. นำโดย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ลุยค้นเครือข่าย นายไซซะนะ แก้วพิมพา ราชานักค้ายาเสพติดชาวลาว ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมา คาสนามบินสุวรรณภูมิ โดยหนึ่งในนั้นมี แอเรีย 51 ธนดลแมนชั่น ย่านอินทามระ ร้านแต่งรถบิ๊กไบค์ของ นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง นักแข่งรถจักรยานยนต์ สามี แพท ณปภา ตันตระกูล ดาราสาวและพิธีกรชื่อดัง หลังถูกซัดทอดมีหน้าที่ฟอกเงินให้เครือข่าย ก่อนที่นายอัครกิตติ์เดินทางพร้อมทนายความนำหลักฐานเอกสารบางส่วนเข้าชี้แจงกับตำรวจ บช.ปส. เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ถึงที่มาที่ไปของทรัพย์สินหลายรายการ โดยเฉพาะรถยนต์หรู ยี่ห้อ ลัมโบร์กีนี กัลลาร์โด (Lamborghini Gallardo LP 570-4 Superleggera) สีเทาดำ ที่มีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เนื่องจากตำรวจสงสัยว่าเป็นทรัพย์สินที่มาจากเครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ

 

คุ้ยเส้นทางเงิน “เบนซ์” สงสัยลัมโบร์กีนี

 

               ล่าสุด เมื่อเวลา 13.00 น.  พล.ต.ต.ชาตรี ไพศาลศิลป์ รอง ผบช.ปส. เปิดเผยว่า หลังการสอบถาม พนักงานสอบสวนยังไม่มีการนัดหมายการเข้าพบครั้งถัดไป แต่ทราบว่า นายอัครกิตติ์อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนที่เหลือเพื่อเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม สำหรับการตรวจสอบข้อมูลตามการซักถาม ขณะนี้ทาง บช.ปส.ได้ประสานไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่อขอตรวจสอบเรื่องเส้นทางการเงิน โดยเฉพาะประเด็นเงิน 6 ล้านบาทที่นายอัครกิตติ์อ้างว่าได้ขอยืมจาก นายณัฐพล นาคคำ หรือ บอย เครือข่ายค้ายาเสพติดของนายไซซะนะ ซึ่งจะต้องตรวจสอบว่ามีการยืมเงินเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เป็นเงินที่มีที่มาอย่างไร หรือเป็นตัวแทนในการดำเนินการแทนนายณัฐพลในการซื้อรถลัมโบร์กีนีหรือไม่ เนื่องจากนายณัฐพลเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติด จึงไม่สามารถครอบครองทรัพย์สินใดๆ ได้

               พล.ต.ต.ชาตรี กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องความสัมพันธ์ของนายอัครกิตติ์และนายณัฐพล ที่รู้จักและสนิทสนมกันจากความรักความชื่นชอบเรื่องการแต่งรถมองว่า เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องที่เกิดข้อสงสัยคือประเด็นเรื่องการยืมเงิน 6 ล้านบาท โดยไม่มีหลักประกันใดๆ แตกต่างจากก่อนหน้านี้ที่นายณัฐพลเคยยืมเงิน 5 แสนบาทจากนายอัครกิตติ์ โดยให้ทะเบียนรถ หรือ คู่มือรถ รถโฟล์ค สีขาว ทะเบียน กจ 51 ไว้ อีกทั้งต่อมายังมีประเด็นสงสัยเรื่องที่นายอัครกิตติ์ได้โอนกรรมสิทธิ์รถโฟล์คที่มีราคาหลักล้านบาทโดยสูงเกินกว่าเงินที่ยืมเป็นของตนเอง ซึ่งนายอัครกิตติ์ยังไม่ได้ตอบรายละเอียดในเรื่องนี้ ทั้งนี้ยอมรับว่าระหว่างการซักถามยังมีอีกหลายประเด็นที่พนักงานสอบสวนเกิดข้อสงสัย เช่น กรณีการถอนเงินสดธนาคารทยอยใช้หนี้ให้กับนายณัฐพล ที่อ้างว่าถอนเงินครั้งแรก 1.9 ล้านบาท ซึ่งนายอัครกิตติ์ทราบดีว่าอยู่ในข่ายเป็นธุรกรรมต้องสงสัย รวมถึงประเด็นอื่นๆ แต่เนื่องจากนายอัครกิตติ์ไม่ใช่ผู้ต้องหาในคดีนี้ จึงเป็นเพียงการซักถามในหลายประเด็น เพื่อรวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุด

 

คุ้ยเส้นทางเงิน “เบนซ์” สงสัยลัมโบร์กีนี

 

               “นอกจากหมายจับ 9 หมายจับ ตามเป้าหมายนักค้ายาเสพติด จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการออกหมายจับผู้ใดเพิ่ม รวมถึงคนที่อยู่แวดล้อมนายอัครกิตติ์ หรือ นายณัฐพล เนื่องจากต้องพิจารณาไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และย้ำว่าแม้เจ้าหน้าที่จะยังไม่แจ้งข้อหากับนายอัครกิตติ์ หรือ เบนซ์ เรซซิ่ง แต่หลังสอบถามเกี่ยวกับที่มาของรถลัมโบร์กีนี เชื่อว่า เขายังปกปิดข้อมูลบางอย่าง เพราะเมื่อคืนที่ผ่านมา เราได้สอบปากคำเขาพร้อมกับมารดา และผู้เกี่ยวข้องกับร้านแอเรียฟิฟตี้วัน การให้การบางประเด็นยังไม่ชัดเจน และน่าจะยังมีบางอย่างปกปิดเจ้าหน้าที่ ประกอบกับคำให้การในบางประเด็นยังไม่สอดคล้องกับข้อมูลตำรวจ ซึ่งตำรวจตั้งข้อสังเกตถึงคำให้การของเบนซ์ว่า เบนซ์สนิทกับนายบอย โดยที่เขาเล่าว่า บอยเคยนำรถโฟล์คขาวมาจำนำราคา 5 แสนบาท ซึ่งเบนซ์ขอเพียงเล่มทะเบียนรถไว้ ขณะที่เบนซ์บอกกับบอยว่า รถลัมโบร์กีนีเป็นรถในฝัน จึงขอยืมเงินบอย 6 ล้านบาท ไปดาวน์ โดยที่บอยไม่ขอหลักฐานอะไรไว้ ผิดกับบอยที่ต้องนำรถมาให้เพื่อแลกกับเงิน 5 แสนบาท ประกอบกับหากเป็นรถเบนซ์จริง เหตุใดกระบวนการแต่งรถลัมโบร์กีนี จึงมีบอยเข้ามาเกี่ยวข้องบ่อยครั้ง จึงเชื่อว่ารถลัมโบร์กีนีน่าจะเป็นของบอย ทำให้ตำรวจต้องหาข้อมูลในทางสืบสวนสอบสวนมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้ ส่วนความชัดเจนอื่นจากนี้ต้องให้ตำรวจประชุมร่วมกันสัปดาห์หน้าอีกครั้ง” พล.ต.ต.ชาตรี กล่าว

               ด้าน พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. ในฐานะรับผิดชอบด้านการสืบสวน เปิดเผยว่า ในส่วนของรถลัมโบร์กีนีที่ถูกตรวจสอบพบว่า นำไปจอดทิ้งไว้บริเวณคาร์แคร์ย่านรามอินทรานั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการหาพยานหลักฐาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า ใครเป็นผู้นำไปจอดทิ้งไว้ และจอดในช่วงเวลาใด เช่นเดียวกับรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ สีส้ม ยี่ห้อ เคทีเอ็ม ที่นำมาจอดไว้บริเวณกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ก็อยู่ระหว่างการตรวจสอบเช่นกัน ขณะที่กรณี นายอู๋ ที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย เนื่องจากแนวทางการสืบสวนพบว่า มีความสนิทกับนายณัฐพลและนายอัครกิตต์นั้น ล่าสุด ทางพนักงานสอบสวนได้เชิญตัวมาสอบปากคำแล้ววานนี้ (3 ก.พ.) โดยไม่สามารถเปิดรายละเอียดการสอบสวนได้ ส่วนจะพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาหรือไม่ ให้เป็นดุลยพินิจของคณะพนักงานสอบสวน ทั้งนี้ ในส่วนของข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของคดีนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ทั้งหมด จะมีการประชุมสรุปความคืบหน้าอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ นี้ โดยมี พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. เป็นประธานในการประชุม ซึ่งคาดว่าจะมีความชัดเจนหลังการประชุมเสร็จสิ้น

 

คุ้ยเส้นทางเงิน “เบนซ์” สงสัยลัมโบร์กีนี

 

               พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า หลังจากนายอัครกิตติ์ได้มาให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ บช.ปส. ก็จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูลจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมการขนส่งทางบก กระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับการชี้แจงหลักฐานของรถ ว่าตรงกับคำให้การของนายอัครกิตติ์ หรือไม่ อย่างไรก็ตาม จะประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ป.ป.ส. และ ปปง. ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป เพื่อหาข้อสรุปความเชื่อมโยงของเครือข่ายยาเสพติดของนายไซซะนะ คำให้การของนายอัครกิตติ์ รวมถึงมีความจำเป็นจะต้องเชิญนักแสดงสาว แพท ณปภา มาให้ข้อมูลหรือไม่ ซึ่งเชื่อว่าในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจนในเรื่องนี้

 

สกรีนความสัมพันธ์ดารากับ “ไซซะนะ” ต้องเรียกแจงหรือไม่

 

               พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ในวันจันทร์หลังประชุมหาข้อสรุปได้แล้ว ก็จะชัดเจนว่าจะเรียกใครมาสอบปากคำบ้าง ส่วนความสัมพันธ์ของนายไซซะนะกับคนในวงการบันเทิง วงการไฮโซ ยังมีข้อมูลจากการสืบสวนพบมีดาราในรูปถ่ายที่ถ่ายรูปคู่กับนายไซซะนะตามสื่อที่นำมาเสนอข่าวในโซเชียลมีเดีย รวมถึง แพท ณปภา ทาง บช.ปส.ได้เก็บข้อมูลทั้งหมดไว้ เพื่อเข้าที่ประชุมสกรีนความสัมพันธ์ว่าเข้าข่ายจะต้องเรียกมาชี้แจงหรือไม่

               นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. ระบุว่า หลังจากนายอัครกิตติ์เข้าให้ปากคำตำรวจ บช.ปส. ถึงเรื่องรถลัมโบร์กีนี ทะเบียน กจ 51 กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าตัวอ้างว่าได้ยืมเงิน 6 ล้านบาท จากนายบอยผู้ต้องหาในเครือข่ายของนายไซซะนะไปดาวน์รถลัมโบร์กีนี ซึ่งเรื่องนี้นายอัครกิตติ์ก็ต้องไปหาหลักฐานต่างๆ มาว่ามีหลักฐานการกู้ยืมเงิน หรือเอกสารหรือไม่ เพราะการที่ระบุว่านายบอยให้ยืมเงิน 6 ล้านบาท แบบปากเปล่าโดยไม่มีสัญญา ถือเป็นเรื่องผิดปกติในการกู้ยืมเงิน ในกรณีที่นายอัครกิตติ์ชี้แจงพนักงานสอบสวน บช.ปส.ไม่ได้ ทางตำรวจก็จะทำหนังสือถึงเลขาธิการ ป.ป.ส. เพื่อให้ดำเนินการยึดรถลัมโบร์กีนี หลังจากนั้นก็จะเอาเรื่องเข้าคณะกรรมการเพื่อทำเรื่องส่งฟ้องอัยการและศาล จนนำไปสู่การขายทอดตลาดตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะเดียวกันนายอัครกิตติ์ก็จะถูกแจ้งข้อหาสมคบกันกระทำผิดด้วย

               นายศิรินทร์ยา กล่าวด้วยว่า ถ้าหากนายอัครกิตติ์ชี้แจงเรื่องเงิน 6 ล้านบาทได้ ทางเจ้าหน้าที่ก็จะคืนรถลัมโบร์กีนีให้ ทั้งนี้ การดำเนินคดีเครือข่ายนายไซซะนะ เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ส. และตำรวจ บช.ปส. ร่วมมือกันในการทำงาน โดย ป.ป.ส.ดำเนินการเรื่องตรวจสอบทรัพย์สิน และแหล่งเงินของกลุ่มผู้ต้องหา ส่วน บช.ปส.ทำหน้าที่เรื่องสืบสวนขยายผลเรื่องยาเสพติด

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ