ข่าว

ร้องดีเอสไอสอบพระวัดป่ามั่วสีกา

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ร้องดีเอสไอสอบเจ้าอาวาสวัดป่าเมืองน้ำดำ ระบุถูกข่มขู่ด้วยกระบวนการทางกฎหมาย แฉพฤติการณ์มั่วสีกา เด็กสุดแค่ม.ปลาย

 

 

          23 ม.ค.60 น.ส.โสมณุดา สัมมานุช อายุ 34 ปี เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอเพื่อให้ตรวจสอบพฤติกรรมของพระโพธิญาณมุนี (พระเมือง พลวัฑโฒ) เจ้าอาวาสวัดป่ามัชฌิมาวาส (วัดดงเมือง) จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นพระชื่อดัง มีลูกศิษย์จำนวนมาก หลังออกมาเปิดเผยการมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระตั้งแต่ปี 2554 จากนั้นในปี 2557 ถูกฝ่ายตรงข้ามใช้กระบวนการยุติธรรมเข้ามาข่มขู่ เช่น การยื่นคำร้องขอถอนประกันคดีที่ตนตกเป็นผู้ต้องหาฐานกรรโชกทรัพย์และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ก่อคดีกรรโชกทรัพย์แต่ถูกใส่ร้าย โดยแม่ชีโทรศัพท์ให้ไปซื้อแจ่วฮ้อนแล้วนำไปส่ง ตนเองเห็นเป็นเรื่องปกติ เพราะซื้อให้พระเป็นประจำอยู่แล้ว แต่เมื่อไปถึงจุดนัดพบแม่ชีได้มอบเงินค่าแจ่วฮ้อน 1,000 บาท และมีชายฉกรรจ์ 6 คน เข้ามาล้อมจับแล้วนำตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ โดยไม่เปิดโอกาสให้ใช้สิทธิพบญาติหรือทนายความพร้อมหลอกให้เซ็นชื่อในกระดาษเปล่า ซึ่งทราบภายหลังว่ากระดาษดังกล่าวเป็นการเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาฐานกรรโชกทรัพย์ และข้อตั้งข้อสังเกตว่าหากตนกรรโชกทรัพย์พระเป็นเงิน 30 ล้านบาทจริง ก็คงไม่เรียกเงินล่วงหน้าแค่ 30,000 บาท               น.ส.โสมณุดา กล่าวต่อว่า ส่วนฐานความผิดตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ยืนยันว่าคลิปที่ตนแอบถ่ายระหว่างที่มีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระนั้น ตนไม่ได้เป็นคนนำไปเผยแพร่ แต่คลิปทั้งหมดถูกเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตำรวจยึดไป ที่ผ่านมาพยายามเปิดโปงพฤติกรรมเพราะการกระทำดังกล่าวถือว่าขาดจากความเป็นพระแล้ว การยังครองผ้าเหลืองถือเป็นการหลอกลวงประชาชน จากการร้องเรียนที่ผ่านมาทำให้ตนถูกข่มขู่คุกคามจนไม่เหลือที่พึ่ง ต้องนำคดีมาร้องต่อดีเอสไอ ตนเป็นผู้หญิงการออกมาเปิดเผยเรื่องแบบนี้ ยอมรับว่าอาย แต่ก็จำเป็นต้องทำเพื่อไม่ให้คนไม่ดีใช้ช่องทางกฎหมายไปทำร้ายคนอื่น ทั้งนี้พบว่าพระดังกล่าวเคยมีพฤติกรรมเช่นนี้กับหญิงสาวอีก 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นเพียงเด็กมัธยมปลาย ขณะนี้พยานรายอื่นยังคงหวาดกลัวไม่กล้าออกมาเปิดเผยตัว                  
          "หลังถูกฟ้องในคดีแล้ว ดิฉันได้รับสิ่งของที่ตำรวจยึดไว้คืน แต่การ์ดที่อยู่กล้องปากกาถูกสลับไป โดยข้อมูลในการ์ดกลายเป็นข้อมูลส่วนตัวของตำรวจเจ้าของสำนวนไม่ใช่การ์ดที่ตนบันทึกหลักฐานเก็บไว้ ที่ผ่านมาเคยร้องเรียนไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) และพศ.ได้ส่งเรื่องกลับมาให้เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ตรวจสอบข้อเท็จจริง เมื่อตรวจสอบแล้วทราบว่ามีการรายงานไปที่เจ้าคณะภาค 9 ว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงเป็นการกุเรื่องขึ้นมา ส่วนระบุว่าดิฉันได้ขอขมาพระแล้วยอมรับว่ามีการเข้าขอขมาเพื่อต้องการให้เรื่องจบ เพื่อไม่ให้ตัวเองและครอบครัวต้องได้รับผลกระทบ" น.ส.โสมณุดา กล่าว                  
          น.ส.โสมณุดา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับวัดดังกล่าวตนและครอบครัวมีความศรัทธาให้ความเคารพกับพระมานาน เมื่อเรียนจบปริญญาโทก็มาบวชชีพราหมณ์เป็นเวลา 2 ปี และยังวนเวียนเข้าวัดเป็นระยะ ทั้งนี้ ในช่วง 2 ปีที่บวชชีพราหมณ์เป็นช่วงเวลาที่ตนถูกล่อลวงให้มีสัมพันธ์ด้วย โดยเจ้าอาวาสล่อลวงให้เข้าไปในกุฏิซึ่งเป็นพื้นที่ชั้นใน คนภายนอกหากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่สามารถเข้าไปได้ หลังมีสัมพันธ์กันแล้วตนมองว่าพระควรปาราชิกแล้ว แต่กลับยังได้รับความนับถือจากลูกศิษย์ จึงเห็นว่าเป็นเรื่องผิด ไม่ควรหลอกลวงประชาชนจึงวางแผนอัดคลิปวิดีโอขณะมีสัมพันธ์อีกครั้งเพื่อเก็บเป็นหลักฐาน เมื่อพระรู้ว่าตนอัดคลิปไว้จึงหาวิธีกำจัดด้วยการข่มขู่ แจ้งความเอาผิดทั้งที่ตนไม่ได้กระทำ                 
          ด้านพ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.ศูนย์บริหารคดีพิเศษ กล่าวว่า เบื้องต้นจะรับเรื่องไว้ตรวจสอบตามขั้นตอน ซึ่งต้องพิจารณาคำร้องอย่างละเอียดว่าเข้าข่ายกระทำผิดหรือไม่ โดยต้องแยกดำเนินการระหว่างทางสงฆ์กับคดีทั่วไป หากมีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับทางสงฆ์ก็ต้องแจ้งไปยังมหาเถรสมาคม(มส.) ให้ดำเนินการตามพ.ร.บ.สงฆ์.

 

    


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ