ข่าว

ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ประชาคมธรรมศาสตร์ร่วมแปรอักษรชุด “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้” แสดงความอาลัยต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

 

          28 ต.ค.59 – ประชาคมธรรมศาสตร์ ซึ่งประกอบด้วยศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน คณาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมชาวธรรมศาสตร์ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติไป ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โดยกิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลาประมาณ 09.00 น.

          ไฮไลท์แรกของกิจกรรมวันนี้คือการอ่านบทกวีแสดงความอาลัย ประพันธ์โดยเนาวรัตน์ พงษ์ ไพบูลย์ แห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ อ่านโดย อภิชาติ ดำดี นักพูดชื่อดังศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ โดยมี อ.ธนิศร์ ศรีกลินดี เป่าขลุ่ยประกอบ ทำให้ผู้มาร่วมงานเริ่มสะอื้นไห้

          จากนั้นมีการกล่าวแสดงความอาลัยโดยนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และยืนแสดงความอาลัย 89 วินาที โดยให้ทุกคนที่เข้าร่วมหันหน้าไปยังพระบรมมหาราชวัง หลังจากนั้นเป็นการร้องเพลงพระราชนิพนธ์ “ยูงทอง” เพลงประจำมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งหลายคนก็ร้องเพลงไปร้องไห้ไป

          อีกไฮไลท์ ที่เป็นสิ่งดึงดูดให้มีผู้มาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก คือการแปรอักษรชุด “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้” มีผู้แปรอักษรทั้งหมดประมาณ 2 พันคน โดยแปรด้วยโค้ท MP (Moving Picture) เพลทหนึ่งต่อหนึ่ง โดยใช้สนามฟุตบอลเป็นพื้นที่ในการแปรอักษร

          การแปรอักษรเริ่มขึ้นเวลาประมาณ 11.30 น. โดยช่วงแรกเป็นการแปรอักษรด้วยร่มสีขาวเป็นข้อความข้อความต่างๆ ต่อเนื่องกัน 3 ชุด คือ

          1. “วันวาน” เป็นการแปรอักษรเป็นภาพสัญลักษณ์ประจำพระองค์ ภปร. และข้อความต่อเนื่องที่เป็นบทกลอน คือ

                              “แดนโดม ใช่แดนใด คือแดนไทย ของในหลวง

                              ทรงรัก ไทยทั้งปวง โดมก็หวง ห่วงประชา

                              ชาติไทย ยิ่งใหญ่ได้ น้ำพระทัย ยิ่งใหญ่กว่า

                              ทรงสอนสั่ง ดั่งบิดา ให้บุตรรู้ อยู่พอเพียง”

               ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

          2. “วันนี้ อาทิตย์อับแสง” เป็นการแปรอักษรเป็นภาพเคลื่อนไหวประกอบเพลงพระราชนิพนธ์ “อาทิตย์อับแสง” เช่น เลขเก้า ภาพพระบรมฉายาลักษณ์ และภาพริบบิ้นแสดงความอาลัย

               ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

          3. “พรุ่งนี้” แปรอักษรที่สื่อถึงการนำคำสอนของพ่อหลวงไปประพฤติปฏิบัติเพื่อพัฒนาประเทศให้ยั่งยืน คือ

                              “มาวันนี้ คนไทย หัวใจสลาย

                              ไม่ขาดสาย ธารน้ำตา ที่บ่าไหล

                              พระเสด็จ นิราศแล้ว ใจเอ๋ยใจ

                              ทุกวันคืน สะอื้นไห้ อยู่ในทรวง

                              ทรงเป็น ดวงธรรม นำทางให้

                              ก้าวต่อไป จะสานต่อ งานพ่อหลวง

                              ก่อประโยชน์ สุขให้ ไทยทั้งปวง

                              ใจทุกดวง จะร่วมกัน ให้สัญญา”

           ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

          สุดท้ายเป็นการแปรอักษรด้วยแผ่นเพลตซึ่งทำจากกระดาษแข็ง เป็นภาพและข้อความว่า “ทรงเป็นดวงธรรม นำทางให้” สื่อว่าแม้วันนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะไม่ได้อยู่แล้ว แต่ชาวธรรมศาสตร์ทุกคนยังพร้อมใจที่จะน้อมนำคำสั่งสอนของพระองค์ท่านไปพัฒนาแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ท่านให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ซึ่งภาพที่ใช้เป็นภาพพระราชกรณียกิจของในหลวง เมื่อปี 2542 พระองค์เสด็จพระราชดำเนินหมู่บ้านแห่งหนึ่งใน จ.นราธิวาส

          ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตลอดช่วงของการแปรอักษร มีเสียงสะอื้นไห้ของผู้ร่วมแปรอักษรตลอด และเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนทำให้ผู้เข้าร่วมการแปรอักษรทยอยเป็นลมไปเรื่อยๆตลอดเวลา ซึ่งทีมผู้จัดก็จะจัดเจ้าหน้าที่เข้ามาแปรอักษรแทน จนถึงช่วงสุดท้ายเมื่อการแปรอักษรเสร็จสิ้นลง ผู้เข้าร่วมแปรอักษรก็เป็นลมไปจำนวนมาก

          นายรวมพล สายอรุณ ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ อดีตกรรมการชุมนุมเชียร์ซึ่งมาช่วยในกิจกรรมแปรอักษรครั้งนี้ กล่าวว่า ช่วงแปรอักษรตนได้ขึ้นไปดูการแปรอักษรอยู่บนตึกกิจกรรม จะเห็นคนเป็นลมตลอด จนกระทั่งเมื่อการแปรอักษรเสร็จสิ้นลง คนเป็นลมเหมือนใบไม้ร่วง

          “ผมเห็นแล้วขนลุกเลย เห็นได้ชัดเลยว่าทุกคนตั้งใจที่จะร่วมแปรอักษรครั้งนี้อย่างมาก บางคนไม่ไหวก็พยายามทน พอจบจึงร่วงกันเป็นใบไม้ร่วง” นายรวมพล กล่าว

          นายไพรัช ตั้งจันทราทัต ศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ อดีตกรรมการชุมนุมเชียร์อีกคนกล่าวว่า การแปรอักษรครั้งนี้เป็นความร่วมมือของทั้งศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันชุมนุมเชียร์ที่เห็นตรงกันว่าเราต้องทำอะไรสักอย่างที่แสดงความอาลัยต่อพ่อหลวง ซึ่งการแปรอักษรก็เป็นสิ่งที่ชุมนุมเชียร์ถนัดที่สุด จึงได้เกิดกิจกรรมวันนี้ ซึ่งใช้เวลาเตรียมการทั้งหมดประมาณ 1 สัปดาห์ 

          นายเฉลิมวุฒิ หวังบูรพาไพบูลย์ นักศึกษาปี 3 คณะเศรษฐศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบภาพและตัวอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้” กล่าวว่า เมื่อเห็นภาพการแปรอักษรที่ออกมาก็รู้สึกประทับใจมาก กิจกรรมวันนี้แสดงให้เห็นว่าคนไทยทุกคนทุกฝ่ายสามารถรวมพลังเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้

                     ธรรมศาสตร์แปรอักษร “ทรงเป็นดวงธรรมนำทางให้”

                      (เฉลิมวุฒิ หวังบูรพาไพบูลย์)

 

            นางสาววรรณา อาลีตระกูล ศิษย์เก่าคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน หนึ่งในผู้เข้าร่วมแปรอักษร ซึ่งเดินทางมาจากปัตตานี กล่าวสั้นๆว่า “ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ท่าน ทำให้ต้องมาร่วมกิจกรรมในวันนี้"

            นางณัฐนันท์ ภูริเดชา ศิษย์เก่าคณะวาสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนอีกคนซึ่งเดินทางมาจาก จ.ราชบุรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาร่วมกิจกรรมแสดงความรักความอาลัยต่อพ่อหลวง

            “ภูมิใจที่เป็นลูกพ่อ จะทำเพื่อพ่อ จะนำคำสอนของพ่อไปปฏิบัติให้ได้มากที่สุด จะเป็นคนดีของสังคม จะสอนลูกสอนหลานให้ดูตัวอย่างที่พ่อทำ และจะทำตามคำสอนของพ่อไปตลอดไป”

            นาวสาวพิชญา สุวรรณเสวก นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 กล่าวระหว่างมาร่วมแปรอักษรกลางแสงแดดร้อนว่า "อยากมารวมพลังเพื่อให้แสดงเห็นว่าพวกเราคิดถึงพระองค์ท่าน" อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเสียดายว่าขณะที่การแปรอักษรกำลังจะเริ่มขึ้น ด้วยอากาศที่ร้อนทำให้นางสาวพิชญาเป็นลมก่อน ไม่สามารถอยู่ร่วมได้

            นายเดชพล วิภูศิริ ศิษย์เก่าคณะเศรษฐศาสตร์ รหัสเข้าเรียนปี 2517 กล่าวว่า รำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอย่างมาก ทั้งในฐานะนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และในฐานะประชาชน

            นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายเดชพล แสดงความอาลัยต่อการจากไปขององค์พ่อหลวง เขาบอกว่าก่อนหน้านี้ได้เข้าไปสักการะพระบรมฉายาลักษณ์ในพระบรมมหาราชวังมาแล้ว และได้นำอาหารมาแจกประชาชนที่มาแสดงความอาลัยต่อพ่อหลวงที่บริเวณข้างกำแพงพระบรมมหาราชวังด้วย

            ด้านนางสาววิรดี กำแพงคำ นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ ชั้นปีที่ 4 กล่าวว่ารู้สึกเศร้าแต่ก็ดีใจที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมในวันนี้

            เมื่อถามว่าจะทำอะไรเพื่อแสดงให้เห็นว่ารักพระองค์ท่าน นางสาววิรดี กล่าวว่า “ตั้งใจจะเป็นคนดี จะไม่คดโกงใคร เมื่อจบออกไปทำงานซึ่งอยากเป็นข้าราชการก็จะตั้งใจทำงาน ไม่คอรัปชั่น และอยอย่างพอเพียง”

            ขณะที่นางสาวดุษฎี ปิยะรัตนพิพัฒน์ พยาบาลจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ กล่าวว่า ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเมื่อตอนจบการศึกษาที่มหาวิทยาลัยมหิดล จะทำตามคำสอนของของพระองค์ท่าน คือตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ