คำบอกเล่าของ"ไอ้ก้านยาว" เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14ตุลาฯ 16 สงบลง เพราะพระบารมี “ในหลวง รัชกาลที่ 9”
เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์การเมืองไทย 14 ตุลาคม 16 เป็นเหตุการณ์ที่นักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชน ชุมนุมประท้วงรัฐบาล จอมพลถนอม กิตติขจร สาเหตุจากการที่รัฐบาลสั่งจับกุมผู้ต้องหา 13 คน ในข้อหากบฏ หลังจากทั้ง 13 คน ได้ออกมาเรียกร้องรัฐธรรมนูญ่ที่เป็นประชาธิปไตยจากผู้มีอำนาจในขณะนั้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้มีผู้บาดเจ็บและล้มตายจำนวนมาก
แต่ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 สงบลง โดยจอมพลถนอม กิตติขจร ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเดินทางออกนอกประเทศ พร้อมด้วยจอมพลประภาส จารุเสถียร และ พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร จากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้นายสัญญา ธรรมศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
เรื่องนี้“ไอ้ก้านยาว” ประพัฒน์ แซ่ฉั่ว นิสิต ชั้นปีที่ 3 คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในขณะนั้น หรือนายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และประสภาเกษตรกรแห่งชาติ คนปัจจุบัน ซึ่งเป็นผู้ที่ถือท่อนไม้ยืนประจันหน้ากับทหารที่ในมือถือปืน เอ็ม 16 และภาพดังกล่าวถูกกล่าวขานถึงปัจจุบัน
นายประพัฒน์ หรือไอ้ก้าวยาว เล่าว่า พระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทำให้ไทยผ่านเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 มาได้ ซึ่งช่วงหลังเที่ยงคืนวันที่ 13 ตุลาฯ ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 14 ตุลาฯ 16 ขณะที่ผู้ชุมนุมสลายตัวก็เกิดเหตุรุนแรงขึ้นที่ถนนหน้าพระราชวังสวนจิตรลดา ช่วงถนนพระราม 5 ใกล้ถนนราชวิถี เกิดเหตุการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนได้เข้าไปหลบภัย่ในเขตพระราชวังสวนจิตรลดา โดยมาทราบที่หลังว่าพระองศ์ท่านเป็นผู้สั่งให้มหาดเล็กมาเปิดประตูให้ประชาชนเข้าไปหลบข้างใน
จากนั้นช่วงค่ำของวันที่ 14 ตุลาฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หหัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงมีกระแสพระราชดำรัส แก่ชาวไทยทั้งประเทศ และเรียกวันที่ 14 ตุลาฯว่า เป็นวันมหาวิปโยคและเป็นวันที่่น่าเศร้าสลดยิ่งในประวัติศาสตร์ชาติไทย ความรุนแรงทวีขึ้นทั่วพระนครถึงขั้นจลาจลและมีคนไทยด้วยกันเสียชีวิตนับร้อย พระองค์ท่านได้ขอให้ทุกฝ่ายทุกคนระงับเหตุรุนแรงด้วยการตั้งสติเพื่อให้ชาติบ้านเมืองคืนอยู่ในสภาพปกติ พระบารมีของพระองค์ท่านทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร ยอมลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและเดินทางออกนอกประเทศ
นายประพัฒน์ เล่าต่อว่า เขาถูกยิงเมื่อวันที่ 14 ตุลาฯ ที่ิบริเวณใกล้โรงแรมรัตนโกสินทร์ และถูกส่งตัวไปรักษาที่่โรงพยาบาลศิริราช ช่วงนั้นที่รักษาในโรงพยาบาล ในหลวง รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระราชินี ได้เสด็จมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯที่โรงพยาบาลศิริราช ท่านทรงจับมือที่เขาพนมอยู่ และทรงตรัสถามว่าเจ็บหรือเปล่า ด้วยที่เขาไม่รู้ราชาศัพท์เขาก็ตอบพระองค์ท่านว่า เจ็บครับ และคราวนั้นสมเด็จย่าท่านก็ทรงมาเยี่ยมด้วย
หลังจากเขาออกจากโรงพยาบาลและกลับมาเรียน ชั้นปีที่ 4 คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สำนักพระราชวัง ได้ติดต่อมาที่คณะวนศาสตร์ และถามว่าเขาอยากได้นามสกุลพระราชทานหรือไม่ ซึ่งเดิมเขานามสกุล แซ่ฉั่ว และเขาก็อยากได้นามสกุลใหม่ ทางรองคณบดีคณะวนศาสตร์ สมัยนั้น จึงช่วยร่างหนังสือส่งให้ทางสำนักพระราชวัง จนได้รับนามสกุลใหม่ว่า “ปัญญาชาติรักษ์” แปลว่า รักษาชาติด้วยปัญญา
ด้วยพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทำให้เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 14 ตุลาฯ สงบลงและผ่านมาได้ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ ไอ้ก้านยาว หรือ นายประพัฒน์ แซ่ฉั่ว ได้นามสกุลใหม่ “ปัญญาชาติรักษ์” ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานจาก ในหลวง รัชกาลที่ 9
ข่าวที่เกี่ยวข้อง