กทม.ลุยเจรจา“ป้อมมหากาฬ”รอบใหม่

 

          30 ก.ย.59-นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ กว่า 10 นาย เข้าพื้นที่ชุมชนป้อมมหากาฬ เพื่อเจรจากับชาวชุนชน ขอเปิดทางให้ชาวบ้านบางส่วนเข้าไปรื้อย้ายบ้านออกจากชุมชน โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักการโยธาร่วมเฝ้าสังเกตการณ์ และนำรถบรรทุก มาเตรียมอำนวยความสะดวกในการขนย้าย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ชาวชุมชนได้นำโลงศพมาตั้งปิดทางเข้าและออกริมกำแพงป้อมมหากาฬ พร้อมขึ้นป้าย“อหิงสา อโหสิ บ้านหลังสุดท้ายของคนจน” ขณะเดียวกันบริเวณทางเข้าริมคลิงโอ่งอ่าง มีชาวบ้านกว่า 30 คนนั่งคล้องแขนปิดทางเข้าและออก ไม่ให้บุคคลลภายนอกเข้าไปด้านในได้ โดยขาวบ้านได้ประกาศยืนยัน จะไม่อนุญาตให้กทม.หรือชาวบ้านบางส่วนที่ยินยอมย้ายออก เข้าไปทำการรื้อหรือทำการใดๆ จนกว่าการตั้งคณะกรรมการเจรจาร่วมพหุภาคีจะเสร็จสิ้น แต่นางอำพร สำเภาเงิน หรือป้าติ๋ว อายุ 63 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 195 ซึ่งเป็นชางบ้านได้พยายามเจรจาขอเข้าไปรื้อบ้านในวันนี้ แต่ทางชุมชนไม่ยอม โดยให้เหตุผลว่าเป็นข้อสัญญาระหว่างกทม.กับชุมชนเมื่อวันที่ 3 ไปแล้ว ทำให้จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายเริ่มมีการปะทะคารมณ์เล็กน้อย จนในที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายได้มีข้อตกลงร่วมกันว่าภายหลังวันที่ 5 ต.ค. เมื่อชาวชุมชนไปขอคำตอบจากรัฐบาลเสร็จสิ้น จากนั้นในวันที่ 6 ต.ค.จะเปิดทางให้ป้าติ๋วเข้ามารื้อย้ายบ้านได้ แต่ต้องไม่มีเจ้าหน้าของกทม.เข้ามารื้อด้วย

                                         

          นางอำพร ให้สัมภาษณ์ ว่า “ถ้าวันที่ 6 ต.ค. ถ้าชุมชนไม่ยอมให้ป้าเข้าไป ป้าไม่ยอมเหมือนกัน เห็นแบบนี้ป้าร้ายเหมือนกันนะ วันที่ 6 ต.ค.จึงเป็นวันตัดเชือก เพราะถือว่าเป็นสิทธิของตัวป้าเอง หลังจากได้ทำสัญญากับกทม.ไปแล้ว และในฐานะคนกลาง อยากให้ทางออกเรื่องนี้ให้มีการรื้อ เพราะทุกคนต้องทำตามกฎหมาย อยากถามว่ากฎหมายที่มี ควรเป็นแค่ทฤษฎีหรือปฏิบัติ”

          นายวัลลภ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเจรจา ว่า จากที่คุณป้าติ๋วพยายามเข้าไป เพื่อขอให้เข้าพื้นที่ได้ในวันที่ 6 ต.ค. ซึ่งทางชุมชนก็ยินยอม แต่ถ้าในวันที่ 6 ต.ค. เข้าพื้นที่ไม่ได้คงเป็นคดีอาญาแน่นอน เพราะคุณป้าเข้าคงจะดำเนินการทางกฎหมาย ส่วนเรื่องการตั้งพาหุภาคีนั้น ยืนยันว่ากทม.ไม่ได้รับทราบ และไม่นำมาปฏิบัติ เพราะที่ปรากฎไม่อยู่ในกฎหมาย ดังนั้นจะไม่มีการตกลงอะไรเรื่องพาหุภาคี เนื่องจากการเจรจาเมื่อวันที่ 3 ก.ย. เป็นการตกลงเรื่องการรื้อย้ายบ้านจำนวน 12 หลังเท่านั้น หากกทม.จำเป็นต้องเข้าพื้นที่หากมีการขัดขวาง ก็ต้องดำเนินการ ขณะเดียวกันหากถ้าชาวบ้านที่ยินยอมแล้วไม่สามารถเข้าไปรื้อบ้านได้ กทม.ก็ต้องเข้าไปรื้อเอง

                                   

          “เนื้อที่ตรงนี้เป็นสมบัติสาธารณะหมดแล้ว กทม.มีความชอบธรรมในฐานะเป็นเจ้าของพื้นที่ แต่การตั้งคณะกรรมการพหุภาคี ซึ่งข้อตกลงไม่ทราบใครอ้างขึ้น แต่กทม.ไม่สามารถปฏิบัติได้ เพราะไม่มีแนวปฏิบัติของราชการ ที่ผ่านมากทม.ใช้การแก้ปัญหาทุกมิติ พยายามเจรจากับชุมชนมาตลอด การดำเนินการทุกอย่างกทม.ไม่ได้ทำตามอำเภอใจ ทุกอย่างบนพื้นฐานของกฎหมาย จากนี้ถ้าเข้าไม่ได้ กทม.ก็ต้องปฏิบัติตามมาตรการทางกฎหมาย”นายวัลลภ กล่าว

                                       

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นได้มีชาวบ้านพยายามนำได้นำเด็กอายุ 5-6 ขวบ ประมาณ 4-5 คน แทรกเข้ามาในวงสัมภาษณ์ เพื่อมากราบเท้าร้องขอนายวัลลภไม่ให้มีการรื้อบ้าน แต่นายวัลลภพยายามขอร้องว่าอย่าทำแบบนี้ พร้อมเดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที.