จ่อล่าชื่อค้านโรงไฟฟ้าชีวมวลฯ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมณฑลทหารบกที่ 19 ค่ายสุรสิงหนาถ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ได้จัดให้มีการประชุมหารือราษฏร กรณีคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้าชีวมวล ขนาด 60 เมกกะวัตต์และโรงงานน้ำตาล ในพื้นที่ ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ ที่ห้องประชุมกองบัญชาการ มทบ.19 โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประกอบด้วย พล.ต.สุริยา ปาวรีย์ ผู้บัญชาชการมณฑลทหาบกที่ 19 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย เป็นประธาน ,พ.อ.อนุชา นพจำรูญศรี เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ดำเนินการจัดการประชุม ซึ่งมีหน่วยงานจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ,บริษัทน้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด(มหาชน) และกลุ่มแกนนำชาวบ้านในพื้นที่รวมกว่า 30 ราย ร่วมกันให้ข้อมูลเพื่อหาทางออกกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุปใด ๆ เพียงเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายไปหาข้อมูลเพื่อชี้แจงและแสดงจุดยืนเท่านั้น

       พ.อ.อนุชา นพจำรูญศรี เสนาธิการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ระบุว่า จากข้อมูลที่อ้างถึงการร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสระแก้ว สามารถสรุปได้ 8 ข้อ ที่ต้องพูดคุยกัน โดยเน้นว่า จะต้องเป็นการประชุมเพื่อความสมานฉันท์ หน่วยราชการต้องให้้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาและควรจะได้ข้อยุติระดับหนึ่ง โดยสิ่งแวดล้อมจังหวัดระบุว่า ผลการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของจังหวัด เพื่อส่งผลฉบับสมบูรณ์ไปที่สำนักนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) เมื่อรายงานผ่านแล้ว บริษัทจะต้องส่งแนบรายงาน ไปที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อร้องของใบอนุญาตต่อไป ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ที่ทางโรงงานกำลังจัดทำอยู่ ยังไม่ได้ส่ง สผ.

        นายประกอบ คณูวัฒนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดการโครงการก่อสร้างและขยายโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลฯ พื้นที่วังสมบูรณ์ ชี้แจงว่า โครงการของเราเป็นระบบปิด ทั้งโรงงานที่ อ.วัฒนานคร และที่จะสร้างใหม่ที่ อ.วังสมบูรณ์ ไม่มีการปล่อยน้ำเสีย เพราะเราทำเป็นระบบปิดทั้งหมด จากเดิมที่ห้วยโจด ทำเป็นแบบม่านน้ำ เพื่อดักฝุ่น แต่ขณะนี้เรามีเตาใหม่ สร้างเพิ่มอีก 3 เตา และเป็นแบบที่จะสร้างที่วังสมบูรณ์ สามารถดักจับฝุ่นได้แบบไฟฟ้าสถิตย์ สามารถดักจับได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ และการที่ชุมชนกังวลว่า เราจะเอาถ่านหินมาใช้ ยืนยันว่า ไม่มีแน่นอน 

          นายพิเชษฐ์ รักซ้อน กำนันตำบลวังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ พื้นที่ก่อสร้าง กล่าวว่า เหตุการคัดค้านเกิดมาหลายเดือน โดยชาวบ้านแบ่งเป็น 2 ส่วน ซึ่งที่ไม่เห็นด้วยเกิดความกังวลใจว่า จะเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ซึ่งผู้มีความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเข้าไปให้ความรู้ชาวบ้านได้เยอะ มีการลงชื่อคัดค้านโดยเฉพาะ 3 หมู่บ้าน ในระยะรัศมี 5 กม. ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรง ชาวบ้านกังวลเรื่องเดียว คือสิ่งแวดล้อม กลัวจะต้องรับปัญหามลพิษตลอดไป ส่วนตัวจะค้านหรือไม่ค้านนั้น ถ้าตอนนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ค้านก็ต้องค้าน ลงชื่อกันมา 1,000 กว่ารายชื่อ เป็นห่วงอาชีพเลี้ยงโคนม ลำใย และมะม่วงนอกฤดู จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาว่าดีหรือไม่ดี ก็ต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจน

         นายสมิทธิ์ เย็นสบาย นักวิชาการจาก สมัชชาองค์การเอกชนด้านสิ่งแวดล้อมจังหวัดสระแก้ว และที่ปรึกษาคณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัด ในฐานะนักวิชาการที่ชาวบ้านเชิญไปให้ความรู้ กล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบต้องดำเนินการต่อไป เพราะชาวบ้านไปร้องกรรมการสิทธิ์ฯ ซึ่งคณะอนุกรรมการรับเรื่องไว้ รวมทั้งมร้องนายกรัฐมนตรีไว้แล้ว ทั้งนี้กรณีการตั้งโรงไฟฟ้าในพื้นที่สีเขียวนั้น ม.44 มีข้อยกเว้นในบางกรณีที่ไม่ต้องเอาผังเมืองมาพิจารณา โดยคำนึงถึงบริบทหรือผลกระทบอื่น ๆ ด้วย

        อย่างไรก็ตาม ตัวแทนจากชาวบ้านในพื้นที่อีกหลายคน ยังคงแสดงความเป็นห่วงปัญหาผลกระทบ และยืนยันไม่เอาโรงงานน้ำตาลและโรงไฟฟ้าชีวมวลในพื้นที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีการเลี้ยงโคนม  มีการปลูกลำใย และมะม่วงส่งออก ซึ่งมีความอ่อนไหวมาก พร้อมทั้งเตรียมนำรายชื่อทั้งหมดขึ้นร้องเรียนต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที จึงเรียกร้องให้โรงงานดังกล่าวย้ายไปตั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือพื้นที่อื่นที่ไม่มีผลกระทบกับประชาชน