"สหกรณ์"ผนึกกำลังต้านแยก พ.ร.บ.ชี้ปัญหาสหกรณ์แก้กันเอง

               สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ชุนมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์แห่งประเทศไทย จำกัด และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประเทศไทย จำกัด ได้ร่วมกันจัดสัมมนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนียน เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม 2559 ณ ห้องคอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต กรุงเทพฯ 

               การจัดสัมมนาครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย ผู้แทนสหกรณ์ออมทรัพย์และผู้แทนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน รวมแล้ว 500 กว่าคน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมความคิดเห็นเกี่ยวกับรูปแบบและแนวทางการเพิ่มประสิทธิการบริหารจัดการด้านการเงินสหกรณ์ อันได้แก่ การสร้างระบบการบริหารความเสี่ยง การกำกับดูแลการเงินให้มีความมั่นคงสำหรับสหกรณ์และสมาชิก การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องของสหกรณ์ การคุ้มครองเงิน การสร้างเครือข่ายทางการเงินระหว่างสหกรณ์ รวมถึงวิธีการแก้ไขปัญหา ลดอุปสรรคหรือจุดอ่อนในแต่ละด้านที่มีอยู่และเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานด้านการเงินของสหกรณ์เพื่อพัฒนาขบวนการสหกรณ์ ที่สามารถดูแลรักษาเงินของสหกรณ์และมวลสมาชิกให้มั่นคงและปลอดภัย และเชื่อมโยงสู่ระบบการเงินในระดับประเทศ ตลอดแนวทางการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ซึ่งรวมถึงความจำเป็นในการโอนการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนเพื่อเสนอต่อส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนียนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

               ดร.ก๊ก ดอนสำราญ ประธานสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การสัมมนาในครั้งนี้ ทั้งสันนิบาตสหกรณ์ฯ ชุมนุมสหกรณ์ออมทรัพย์ฯ และชุมนุมสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนแห่งประทศไทย ต่างเห็นพ้องกันว่า ตามที่รัฐบาลกำลังจะร่าง พ.ร.บ.สหกรณ์ 2-3 ฉบับเพื่อแยกแต่ละสหกรณ์ ให้ส่วนหนึ่งไปขึ้นกับกระทรวงการคลัง และอีกส่วหนึ่งขึ้นกับกระทรวงเกษตรฯ นั้น ไม่เห็นด้วย เพราะทุกสหกรณ์ ต้องการอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.เดียวกัน เนื่องจากเคยอยู่ร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงวันนี้สหกรณ์มีเงินดำเนินการที่หมุนเวียน 2.8 แสนล้านบาท เงินหุ้น หรือเงินฝากที่ถอนไม่ได้จนกว่าจะลาออกอีก 8 แสนล้านบาท เงินกองกลางอีก 8 หมื่นล้านบาท รวมแล้วสหกรณ์ทั้งระบบมีเงินถึง 1.4 ล้านล้านบาท

               "เราได้รับบทเรียนมาแล้ว กรณีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สมาชิกฝากเงิน พอไปเบิกเงิน ปรากฏว่าไม่มี ตรงนี้เราต้องมีวิธีแก้ไขด้วยสหกรณ์กันเอง ไม่ใช่คลังจะมาเก็บร้อยละ 50 สตางค์ ต่อปี เพื่อเป็นกองทุนเวลาเกิดปัญหา ลองคิดดูเงิน 1.4 ล้านบ้านบาท ปีๆ ต้องจ่าย 7,000 ล้านบาท ดังนั้นในวันที่ 30 สิงหาคมนี้ พวกผมจะไปพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อแสดงเจตจำนงค์จะอยู่รวมกัน ภายใต้ พ.ร.บ.เดียวกัน จะให้ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่เราขอเวลา 120 วัน เพื่อกำหนดกรอบของเราเองว่าจะมีการแก้ไขอย่างไร" ดร.ก๊ก กล่าว