ร่วมบริจาคซื้อที่ดินข้างพิพิธภัณฑ์ฯสร้างพื้นที่สีเขียว

         ตามสื่อโซเชียลมีเดียได้มีการส่งต่อข้อความว่า วิกฤติพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ที่รศ.วราพร สุรวดี อดีตอาจารย์ประจําภาควิชาชีววิทยา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒประสานมิตร เป็นเจ้าของบ้านและที่ดินเนื้อที่ 1 ไร่ (พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก) ซึ่งตั้งอยู่ที่ในซอย ตรงข้ามไปรษณีย์กลาง ซอยเจริญกรุง 43 อาจารย์วราพร เป็นคนไม่มีครอบครัว และมีจิตสาธารณะสูงมาก จึงได้ยกบ้านและที่ดิน ดังกล่าวให้กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 ให้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก เพื่อสะท้อนความเป็นอยู่ของชาวบางกอก ในช่วงระหว่างปี 2470-2500

           แต่ขณะนี้พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกมี วิกฤติเรื่องที่ดินติดกัน ซึ่งมีเนื้อที่ 1 งาน กําลังจะสร้างตึก 8 ชั้น บดบังทัศนียภาพและสิ่งแวดล้อม อาจารย์วราพร จึงตัดสินใจจะซื้อที่ดิน 1 งานนี้ในราคา 40 ล้านบาท เพื่อให้เป็นพื้นที่สีเขียวและที่จอด รถของพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก และได้จ่ายค่ามัดจําไปแล้ว 30 ล้านบาท จะต้องจ่ายที่ เหลืออีก 10 ล้านบาทภายในวันที่ 2 กันยายน 2559 

         จึงอยากจะขอความ ช่วยเหลือจากชาวกรุงเทพฯ ร่วมกันช่วยเหลือในส่วน 10 ล้านบาทที่เหลือนี้ เช่น ช่วยกันแชร์ข้อมูลนี้ในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อขอรับบริจาค รายละ 100 บาท หรือตามกําลังความสามารถ เพื่อให้พิพิธภัณฑ์ ชาวบางกอก มีพื้นที่สีเขียวให้ลูกหลานสืบไป โดยติดต่ออาจารย์วราพร สุรวดี และพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก โทร. 02-233-7027 หรือบริจาคผ่านบัญชี น.ส.วราพร สุรวดี (โครงการพัฒนาพื้นที่สีเขียวกลางกรุงเทพ) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาจัตุรสั จามจุรี เลขที่บัญชี 407 – 061757 – 2

        ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 18 ก.ค. รศ.วราพร สุรวดี ประธานกรรมการมูลนิธิอินสาท-สอาง อายุ 81 ปี เปิดเผยว่า เดิมทีที่ดินด้านข้างพิพิธภัณฑ์ฯ เป็นโรงขายกระดาษต่อมาเจ้าของได้ขายต่อให้กับเจ้าของปัจจุบัน และมีโครงการจะก่อสร้างอาคารสูง 8 ชั้น ซึ่งตนเห็นว่าหากเป็นเช่นนั้นก็จะบดบังทัศนียภาพที่สวยงามของพิพิธภัณฑ์และไม่เป็นไปตามความตั้งใจของการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกแห่งนี้มาแต่ต้น 

          ก่อนหน้านี้ได้ประสานไปยังกับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขอให้เจรจาซื้อที่ดินดังกล่าว เนื่องจากตนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์ 4 หลังให้เป็นกรรมสิทธิ์ของกทม.ไปหมดแล้ว แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่สามารถดำเนินการซื้อที่ดินดังกล่าวได้ เพราะไม่มีงบประมาณและไม่ได้มีการทำโครงการไว้ ดังนั้นตนจึงตัดสินใจให้ส่งคนไปเจรจากับเจ้าของเพื่อขอซื้อและตกลงขายกันในราคา 40 ล้านบาท โดยตนได้มัดจำไปแล้ว 30 ล้านบาทที่เหลือ 10 ล้านบาทกำลังจะครบกำหนดที่ต้องจ่ายภายในวันที่ 2 กันยายน 2559 นี้

          “ก่อนหน้านี้เงิน 30 ล้านบาทที่นำไปมัดจำไว้ก็ได้มาจากการขายที่ดิน ส่วนที่เหลืออีก 10 ล้านบาทอาจารย์พยายามจะหาเงิน โดยได้ประกาศขายคอนโดที่อยู่แถวทุ่งมหาเมฆ ก็หวังว่าจะได้เงินมาพอจ่ายแต่จนถึงตอนนี้คอนโดก็ยังขายไม่ได้ พอดีได้เจอกับลูกศิษย์จึงได้เล่าเรื่องต่างๆ ให้เขาฟัง ลูกศิษย์จึงบอกว่าจะช่วยบอกต่อผ่านทางโซเชียลเพื่อชวนให้คนมาร่วมบริจาค อาจารย์ไม่ได้ทำธุรกิจหรือจะหาผลประโยชน์อะไรจากใคร เวลานี้อายุก็มากถึง 81 ปีแล้ว ทุกอย่างก็เป็นกรรมสิทธิ์ของทางกทม.แต่ที่จะซื้อที่ดินนี้ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้ที่ดินนี้มาจะมาพัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียว มีลานอเนกประสงค์ให้คนแก่และเด็กในชุมชนเข้ามาพักผ่อนมาทำกิจกรรม มีที่จอดรถบริการให้คนที่มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เท่านั้น ซึ่งทุกวันนี้มีผู้มาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เฉลี่ยเดือนละ 800 คน” รศ.วราพร กล่าว

           รศ.วราพร กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้มีผู้บริจาคเงินเข้ามาแล้ว 300,000 บาท ซึ่งตนตั้งใจจะว่าถ้าครบจำนวน 10 ล้านบาทก็จะไม่ขอรับบริจาคอีก แต่หากมียอดเงินที่เกินมาก็จะนำมาใช้เพื่อดูแลพัฒนาพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกแห่งนี้