ข่าว

ร้องนายกฯช่วย!ลูกถูกเด็กต่างสถาบันฟันสาหัส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พ่อโพสต์ภาพลูกชายนอนรักษาตัวที่รพ. หลังตกเป็นเหยื่อความคึกคะนองของเด็กช่างต่างสถาบัน ร้อง หัวหน้า คสช.ช่วย ยกเป็นตัวอย่างคดีที่ 2 จากเหตุยิงใส่อริในรถเมล์

 

         2 ก.ค. 59  จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "ประเสริฐ พุ่มสอาด" โพสต์ภาพลูกชายที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พร้อมระบุข้อความว่า

         "ช่วยแชร์กันด้วยครับ ลูกผมเป็นเหยื่อแห่งความคะนองของเด็กช่างต่างสถาบัน เพียงแค่เห็นต่างสถาบัน ซึ่งลูกผมไปเรียนได้แค่ 2 เดือน ขณะวันเกิดเหตุพึ่งกลับจากเรียน รด. แท้ๆ กับโดนฟันจนปอดทะลุ รอผ่าตัด ช่วยด้วยครับ คสช. นายกฯประยุทธ์ ให้เป็นคดีตัวอย่างคดีที่ 2 จากยิงใส่รถเมล์"

 

ร้องนายกฯช่วย!ลูกถูกเด็กต่างสถาบันฟันสาหัส

(ที่มา FB : ประเสริฐ พุ่มสอาด)

 

         ล่าสุด ทีมข่าว “คม ชัด ลึก” ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อติดตามความคืบหน้า ได้พบนายประเสริฐ พุ่มสอาด วัย 44 ปี และนางนภัสกร พุ่มสอาด ภรรยา วัย 43 ปี พ่อและแม่ของนายนพวิชญ์ พุ่มสอาด อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นปีที่ 1 แผนกช่างยนต์ วิทยาลัยเทคนิคปทุมธานี ที่ถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ยังรักษาตัวอยู่ในห้องฉุกเฉิน

         นายประเสริฐ เล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นวันที่ 29 มิถุนายน ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับจากโรงเรียน โดยช่วงเช้าลูกชายแต่งกายด้วยชุดนักศึกษาวิชาทหาร (รด.) สวมเสื้อยืดสีเขียว กางเกงขายาว และยังสวมเสื้อคลุมผ้าร่มที่ใส่เวลาขี่รถจักรยานยนต์ หลังจากที่ไปเรียนวิชา รด.เสร็จ ช่วงบ่ายลูกชายขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่โรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือตามปกติ

         นายประเสริฐ กล่าวว่า หลังจากเรียนเสร็จแล้วลูกชายได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านตามลำพัง ไม่ได้มีเพื่อนมาด้วย ระหว่างทางลูกชายรู้สึกว่ามีคนขี่รถจักรยานยนต์ตามมา 7-8 คัน ซึ่งตอนนั้นอยู่บริเวณถนน 347 ช่วงปทุมฯ-บางไทร ตอนนั้นลูกชายคิดหาวิธีเอาตัวรอด โดยขี่รถจักรยานยนต์หนีเข้าช่องทางด่วน แต่ก็ไม่พ้น มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขี่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ลูกชายพยายามหนี โดยจะหนีข้ามไปอีกฝั่งถนน

         “จังหวะชะลอรถเพื่อจะเลี้ยวคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามมาทัน แล้วใช้อาวุธมีดฟันเข้าที่หลังได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ลูกผมก็ยังพยายามจะหลบหนีเข้าไปในปั๊มน้ำมัน แต่คนร้ายก็ยังตามไปอีก และถืออาวุธมีดข่มขู่พร้อมกับตะโกนว่า ในตัวมีอะไรบ้าง ลูกชายก็ตอบไปว่า ผมไม่มีอะไรไม่ได้พกอะไร ผมมาเรียนครับ จากนั้นคนร้ายเข้าไปถอดเข็มขัดยี่ห้อลีวายส์จากกางเกงลูกชายไป ระหว่างนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือและเรียกรถกู้ภัยพาลูกชายมาส่งโรงพยาบาล" นายประเสริฐ กล่าว

         นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ตอนนั้นลูกชายอาการสาหัส เลือดออกในปอด หมอต้องเจาะเอาเลือดคั่งออกจากปอด ซึ่งถ้าแรงกว่านี้อีกนิดเดียวก็จะถึงหัวใจแล้ว แต่ตอนนี้หมอบอกว่า ลูกชายอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว หมอได้นำตัวลูกชายเข้าห้องผ่าตัดเพื่อเอาลิ่มเลือดที่ตกค้างออก หลังจากนี้ต้องพักฟื้นอีกสักระยะจนกว่าจะหายดีเป็นปกติ

         นางนภัสรกร มารดา กล่าวว่า ลูกชายเพิ่งจะเข้าเรียนโรงเรียนดังกล่าวได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นเรื่องระหว่างสถาบันที่มีมานานระหว่างสองโรงเรียน และที่ลูกชายเลือกเรียนที่นี่ เพราะมีความฝันต้องการจะเดินตามพี่ชายที่กำลังจะจบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จึงมาเลือกเรียนช่างยนต์เพื่อจะได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบพี่ชาย

         “เรื่องที่เกิดขึ้นดิฉันอยากจะฝากไปถึงพ่อ แม่ ผู้ปกครองของเด็ก ท่านไม่รู้หรอกว่าลูกหลานออกไปข้างนอกทำอะไรบ้าง อยากให้คอยช่วยกันเฝ้าดูแลพฤติกรรมบุตรหลานของท่าน อย่าให้ไปก่อเรื่องกับคนอื่น เพราะคนที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่ไม่ใช่คนที่มีท่าทีจะมีเรื่องกับใคร แต่เป็นคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยเลย แค่จะเดินทางไปเรียนก็ต้องมาถูกทำร้าย ทั้งๆ ที่ไม่รู้จักกัน ส่วนคนที่จ้องจะทำร้ายกัน จะมีเรื่องกัน ส่วนใหญ่จะไม่ได้รับบาดเจ็บ เพราะป้องกันตัวเองอยู่แล้ว และอยากฝากขอบคุณพลเมืองดีที่ช่วยเรียกรถกู้ภัยจนพาลูกชายมาส่งโรงพยาบาลได้ทันท่วงที และขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับคนร้ายได้ในเวลาอันรวดเร็ว อยากฝากถึงผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยกันแก้ไขปัญหา อย่าให้คนบริสุทธิ์ต้องมาเดือดร้อนอีก” นางนภัสกร กล่าว

         ด้าน ร.ต.ท.หญิงจีระรัช โพธิติ ร้อยเวรสอบสวน สภ.สามโคก เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากได้ข้อมูลเบาะแส ซึ่งเหตุเกิดวันที่ 29 มิถุนายน ในช่วงบ่ายวันที่ 30 มิถุนายน ก็ได้เชิญตัวเยาวชน 2 คน ซึ่งเรียนอยู่ชั้นปี 1 และปี 3 โรงเรียนที่เป็นคู่อริกับโรงเรียนของนายนพวิชญ์ มาสอบปากคำ ทั้ง 2 คนรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคู่อริ หลังจากนั้นได้เชิญผู้ปกครองของเยาวชนทั้ง 2 คน มารับทราบข้อมูลของลูก ซึ่งทางผู้ปกครองก็ยอมรับว่าเป็นครั้งแรกที่ทราบพฤติกรรมของลูกชาย และยินดีจะชดใช้ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น

         “สำหรับโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง เป็นคู่อริกันมานาน และมักจะมีปัญหากันเป็นประจำ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการจัดกำลังสายตรวจคอยตรวจตราในเส้นทางที่ทั้ง 2 โรงเรียนเดินทาง แต่อาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หลังจากนี้อาจต้องเข้าไปพูดคุยกับทางผู้บริหารของทั้ง 2 โรงเรียน เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวต่อไป” ร.ต.ท.หญิงจีระรัช กล่าว

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ