สยองจุดพักรถ!พบศพแขวนคอบนเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง 

            วันที่ 28 มิ.ย.2559 เวลา 10.30 น. ร.ต.ท.สรสิช นิลลานนท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากผู้ใช้เส้นทางถนนสาย 331 สัตหีบ-เขาหินซ้อน ว่าพบศพแขวนอยู่บนเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.) ขณะกำลังไปเข้าห้องน้ำที่บริเวณจุดพักรถด้านหลังร้านอาหาร  มุ่งหน้าไปทางเขาหินซ้อนประมาณ 4 กม. จึงเดินทางไปตรวจสอบ

            ที่เกิดเหตุพบร่างของผู้เสียชีวิตเป็นชายอยู่ในสภาพแขวนคออยู่ที่ด้านบนเสาไฟฟ้า บริเวณใกล้กับจุดกึ่งกลางความสูงของเสาส่งไฟฟ้าแรงสูง กฟผ. ซึ่งมีความสูงรวมจากพื้นดินประมาณ 60 เมตร โดยเสาไฟฟ้าต้นดังกล่าวนี้ เป็นเสาลักษณะสร้างด้วยเหล็กถักเป็นโครงสร้างโลหะ ตั้งอยู่ห่างจากทางด้านหลังร้านอาหารดังกล่าวประมาณ 150 เมตร  พื้นที่ ม.13 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา และพบรถจักรยานยนต์ ทะเบียน กยฉ 741 ฉะเชิงเทรา ของผู้ตายจอดทิ้งอยู่ริมถนนทางเข้าวัดดอนขี้เหล็กใกล้กับโคนเสาไฟฟ้า

            จากการสอบปากคำ นางเฉลียง เกตุคำ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 285/1 ม.1 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งแสดงตนว่าเป็นน้องสาวของผู้ตาย ให้การว่า ผู้ตายคือ นายไพเวศ เกตุคำ อายุ 52 ปี พี่ชาย ซึ่งหายตัวออกจากบ้านไปเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 27 มิ.ย.  และมีการพูดคุยโทรศัพท์กันครั้งสุดท้ายในช่วงเย็น ก่อนที่จะมีผู้มาพบกลายเป็นศพเมื่อช่วงเช้าของวันนี้ ในลักษณะแขวนคออยู่บนเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ดังกล่าว ที่ผ่านมาพี่ชายได้แยกกันอยู่กับภรรยา และได้มาอาศัยอยู่ที่บ้านกับตนมานานประมาณ 1 ปีแล้ว และยังได้ยินบ่นว่าอยากจะผูกคอตายอยู่หลายครั้ง โดยได้มีการนำเชือกมาผูกไว้กับหัวเตียงนอน และยังบ่นอีกว่าเงินเดือนที่ได้จากอาชีพ รปภ.เดือนละ 12,000 บาท รวมกับค่าตำแหน่งหัวหน้ากะอีก 500 บาท นั้นไม่พอใช้ เพราะต้องออกเดินสายตรวจการเข้าทำงานของลูกน้องไปหลายจุดด้วย จึงรู้สึกเหนื่อยมาก โดยบอกว่าค่าจ้างที่ได้ไม่คุ้มค่ากับความเหน็ดเหนื่อยที่ทำ

            “นอกจากนี้ พี่ชายยังตรวจพบโรคเบาหวานในร่างกายมาได้ประมาณ 1 ปีอีกด้วย จากการวัดค่าน้ำตาลได้ประมาณ 120 แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าสาเหตุที่ทำให้ต้องมาคิดสั้นจนต้องมาหาทางฆ่าตัวตายแบบพิสดารในที่สูงแบบนี้ มีสาเหตุมาจากอะไร” นางเฉลียง กล่าว

            ด้าน นางลัดดา เข็มเรือง อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 166/3 ม.13 ต.เกาะขนุน อดีตภรรยาซึ่งเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ กล่าวว่า เคยอยู่กินกับนายไพเวศมานานนับสิบปี แต่ไม่มีบุตรด้วยกัน ปกติสามีมีอาชีพเป็น รปภ. สาเหตุที่ต้องแยกกันอยู่นั้นเพราะผู้ตายมักชอบดื่มสุรา และมักจะมีปากเสียงกันอยู่เป็นประจำ จึงได้ขอแยกกันอยู่กันแบบชั่วคราวไปก่อน โดยที่ยังไม่ได้อย่าขาดจากกัน และก็ยังพูดคุยกันดีอยู่ โดยผู้ตายก็ยังคงเดินทางไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำ

            “ที่ผ่านมาเคยเห็นสามีระบุว่าอยากตายมาหลายครั้งแล้ว และยังเคยเอาเชือกไปผูกทิ้งไว้บนขื่อของบ้าน พร้อมกับบอกว่าหากฉันจะตายก็ขอตายในบ้านนี่ล่ะ แต่ตนก็ได้ขอร้องให้แกะเอาเชือกออก พร้อมกับบอกกับเขาไปว่า อย่าไปคิดอะไรมาก พร้อมกับถามว่าสิ้นท่าแล้วหรืออย่างไรจึงคิดผูกคอตาย คนที่มือขาด ขาด้วนเขายังทำกินกันอยู่เลย อะไรมันจะเกิดก็ให้มันเกิด อย่าไปคิดทำอย่างนั้นมันไม่ดี ถึงเราจะทะเลาะกันด่ากันก็ช่างมัน อยู่ด้วยกันได้เห็นกันดีกว่าตายจากกันแล้วไม่ได้เห็นกัน และยังบอกกับเขาว่า ให้เลิกสุราสิจะได้ได้กลับมาอยู่ด้วยกัน” นางลัดดา กล่าว

            ร.ต.ท.สรสิช กล่าวว่า เบื้องต้นทางญาติไม่ได้ติดใจต่อสาเหตุการตายของผู้เสียชีวิต เพราะเคยได้ยินผู้ตายบ่นอยากตาย และมีการสั่งลาอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว และบริเวณโดยรอบที่เกิดเหตุยังไม่พบร่องรอยหลักฐานของการต่อสู้ หรือการถูกทำร้าย จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตายเอง