ข่าว

'สมัชชาคนจน'ต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"สมัชชาคนจน" ออกแถลงการณ์ "ต้านเขื่อนแก่งเสือเต้น" ยันไม่ช่วยน้ำท่วม แฉ นักการเมือง - นายทุนมีผลประโยชน์เบื้องหลัง

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมัชชาคนจน ได้ออกแถลงการณ์สมัชชาคนจน ฉบับที่ 10 เรื่่อง "หยุดผลประโยชน์นักการเมือง หยุดเขื่อนแก่งเสือเต้น" โดยมีเนื้อหาระบุว่า จากสถานการณ์น้ำจากแม่น้ำยมเอ่อล้นตลิ่ง จนทำให้เกิดน้ำหลากเข้าสู่พื้นที่การเกษตรและที่อยู่อาศัยของชาวบ้านแถบจังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดใกล้เคียง จนทำให้เกิดกระแสการปลุกผีเขื่อนแก่งเสือเต้น อีกครั้ง โดยอาศัยสถานการณ์น้ำเป็นข้ออ้าง ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นทุกปี ทั้งฤดูแล้ง และฤดูฝน ทั้งก่อนการเลือกตั้ง และหลังการเลือกตั้ง และหลายครั้งเมื่อนักการเมืองหายใจเข้าออก เป็นต้องน้ำลายหกด้วยผลประโยชน์ของไม่สักทองจำนวนมหาศาล ที่จะถูกตัดโค่นจากพื้นที่หากมีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ต่อสถานการณ์ดังกล่าว สมัชชาคนจน เห็นว่า

          1. เขื่อนแก่งเสือเต้น ได้มีการศึกษาจากนักวิชาการหลายสำนักที่ยุติตรงกันแล้วว่า ไม่สมควรสร้าง เพราะมีผลกระทบจำนวนมาก ในขณะที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหรือน้ำแล้งได้เลย

          2. เขื่อนแก่งเสือเต้น ตั้งอยู่ในแนวรอยเลื่อนของเปลือกโลก คือ รอยเลื่อนแพร่ ซึ่งยังมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลา ดังเช่นที่เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศพม่า แล้วส่งผลถึงอาคารในจังหวัดเชียงใหม่ปริร้าว ดังนั้นหากมีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถี่มากในขณะนี้ ย่อมสุ่มเสี่ยงต่อการพังของเขื่อนได้

          3.เขื่อนแก่งเสือเต้น จะนำไปสู่การทำลายป่าสักทองธรรมชาติผืนสุดท้ายของประเทศไทย กว่า 24,000 ไร่  และป่าเบญจพรรณอีกกว่า 36,000 ไร่  รวมพื้นที่ป่าที่จะสูญเสียไปกว่า 60,000 ไร่
 
          แนวคิดการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น มีเบื้องหลังคือผลประโยชน์ของบรรดานักสร้างเขื่อน ดังนี้ 1.กลุ่มนักการเมือง ซึ่งมีญาติเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้างก็จะได้งบประมาณก้อนโตนี้ไป  2.บริษัทที่ปรึกษา ซึ่งโยงใยกับนักการเมืองก็จะได้สัมปทาน ในการออกแบบเขื่อน การควบคุมการก่อสร้าง และอื่น ๆ อีกมากมาย 3.บริษัทขายอุปกรณ์การก่อสร้าง ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งโยงใยกับนักการเมืองก็จะได้สัมปทานการซื้อขายอุปกรณ์ในการสร้างเขื่อน ซึ่งไม่นับรวมถึงการคอรัปชั่นที่จะเกิดขึ้นตามมา 4.ญาตินักการเมืองจะได้รับสิทธิ์ในการเป็นผู้สัมปทานไม้สักทอง มูลค่ามหาศาลนี้

          ข้ออ้างเรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม และน้ำแล้ง ซึ่งที่ผ่านมาถูกใช้มาตลอดในพื้นที่ของการสร้างเขื่อน ดังเช่นเขื่อนราษีไศล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโขง ชี มูล ซึ่งล้มเหลวในการจัดการน้ำ และโครงการถูกยกเลิกไปในปัจจุบัน ขณะที่เขื่อนปากมูลซึ่งเดิมเป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้า แต่ก็ล้มเหลวจนมีการเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของเขื่อนมาเป็นเขื่อนเพื่อการชลประทาน ซึ่งก็ได้ล้มเหลวทั้งในด้านการใช้งานเขื่อน และทิ้งปัญหาไว้เป็นภาระของชาวบ้านในปัจจุบัน
 
          อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สังคมต้องตระหนักคือความจริงในทุกด้าน เขื่อนมักถูกสร้างขึ้นด้วยอุปทานที่ปั่นแต่งของนักการเมือง แต่เมื่อเขื่อนสร้างเสร็จแล้ว ไม่เคยมีนักการเมืองคนไหนออกมารับผิดชอบความเสียหาย และแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนเลย กรณีเขื่อนปากมูลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แกนนำค้านเขื่อนได้เป็นถึงรัฐมนตรี แทนที่จะผลักดันการแก้ไขปัญหาร่วมกับชาวบ้านปากมูล แต่กลับขัดขวางคัดค้านไม่ให้แก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้าน สภาพความเสียหายจากน้ำท่วม เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนและเต็มที่

          แต่หากคิดว่าการแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องต้นคือ น้ำจะท่วมชุมชนสะเอียบ ซึ่งเขาเหล่านั้นก็เป็นประชาชนไทยเช่นกัน อันเป็นการเพิ่มพื้นที่น้ำท่วมขึ้นมาใหม่ ในขณะที่พื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำยมก็ไม่มีหลักประกันว่าน้ำจะไม่ท่วม ดังนั้นการคัดค้านการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น จึงไม่ใช่การคัดค้านการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม หากแต่เป็นการป้องกันปัญหาน้ำท่วมที่ตั้งอยู่บนเหตุผลทางวิชาการและข้อเท็จจริง ทั้งยังเป็นการปกป้องป่าสักทองผืนสุดท้าย อันเป็นทรัพยากรธรรมชาติของคนไทยทั้งประเทศด้วย
 
          ความหื่นกระหายของบรรดานักสร้างเขื่อน ที่กำลังฉวยโอกาสในสภาพที่ประชาชนกำลังประสบกับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ด้วยการผลักดันให้มีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ขณะที่ในด้านกลับกันไม่มีนักการเมือง ราชการแม้แต่คนเดียวที่จะออกมาพูดถึงปัญหาที่เกิดจากการสร้างเขื่อนมาแล้ว เช่นเขื่อนปากมูล ว่าจะแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงอย่างไร
 
          พวกเรา ซึ่งล้วนแต่มีประสบการณ์อันเจ็บปวดจากการสร้างเขื่อน ความเสียหายเกิดขึ้นมายาวนานกว่า  20 ปี โดยที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจรับผิดชอบ พวกเราได้พิจารณาข้อมูลข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านแล้ว พวกเราไม่เห็นประโยชน์อันใดที่สังคมจะได้รับจากการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ดังนั้นพวกเราจึงมิอาจยินยอมให้พวกท่านดำเนินการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นได้ และเราจะเข้าร่วมสนับสนุนชาวบ้านสะเอียบทุกวิถีทาง เพื่อปกป้องป่าสักทองผืนสุดท้ายของประเทศไทย และวิถีชีวิตของพี่น้องจนถึงที่สุด
 
          สมัชชาคนจน ขอเรียกร้องให้นักสร้างเขื่อนทั้งหลาย ได้กรุณารับผิดชอบต่อเขื่อนที่พวกท่านได้สร้างไว้ด้วย เช่น เขื่อนปากมูล เขื่อนราษีไศล เขื่อนหัวนา และเขื่อนอื่นทั่วประเทศ ที่มีการเรียกร้องความเป็นธรรมอยู่ พวกท่านควรจะไขปัญหาเก่าที่ค้างอยู่ให้เสร็จก่อน ขอความกรุณาอย่างสร้างปัญหาใหม่อีกเลย

          ท้ายที่สุด ในสภาพสังคมที่กำลังเข้าสู่บรรยากาศแห่งความปรองดอง การโหมกระแสเรื่องเขื่อนแก่งเสือเต้นนี้ ย่อมเป็นการเสี้ยมให้เกิดการเผชิญหน้าระหว่างชาวบ้านกับรัฐบาล ซึ่งท้าทายภาวะความเป็นผู้นำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าจะกำราบบรรดานักการเมืองน้ำเน่าที่อยู่ในคณะรัฐบาลนี้ได้หรือไม่ หรือจะจัดสรรปันส่วนแบ่งเอื้อประโยชน์กันเอง เขื่อนแก่งเสือเต้น คือบทพิสูจน์นายกรัฐมนตรี

 

"เสธ.หนั่น"เตรียมชงนายกฯสร้างแก่งเสือเต้น

           เมื่อเวลา 10.00 น ที่ผ่านมา พลตรีสนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทย ได้เดินทางไป แจกถุงยังชีพ ให้กับราษฎร ตำบลหอไกร อำเภอบางมูลนากจังหวัดพิจิตรจำนวน กว่า 500 ชุด หลังจากน้ำในแม่น้ำน่าน ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนไร่ นา ได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนมาก

           พลตรีสนั่น กล่าวว่า ตนเองเป็นคนเริ่มต้นเพื่อจะผลักดันสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น ซึ่งเคยเสนอกับรัฐบาลที่ผ่านมาแต่ปรากฏว่าไม่สำเร็จ จนมาถึงรัฐบาลของนางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินรวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้ตนเองคงจะต้องหยิบยกขึ้นเพื่อจะเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณา หากไม่สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น คนที่อยู่ลุ่มน้ำในแม่น้ำยมนั้นจะได้รับผลกระทบอย่างมาก เพราะหากมีการก่อสร้างจะแก้ปัญหาน่ำท่วมซ้ำซากได้ ซึ่งเรื่องนี้จะผักดันการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นให้ถึงที่สุด

           ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดว่าการสร้างแก่งเสือเต้นไม่ได้แก้ปัญหาน้ำท่วม พลตรีสนั่น กล่าวว่า ตนเองมองว่าการที่นายกรัฐมนตรีออกมาพูดอย่างนี้ คงจะไปฟังใครเสนอแนะ ซึ่งตนเองมองว่าตัวนายกรัฐมนตรีเองในเรื่องนี้ก็คงยังไม่ทราบดีในเรื่องลุ่มแม่น้ำยม เรื่องแก่งเสือเต้นเป็นอย่างไร แต่ถ้าไม่สร้างควรที่จะต้องทำอะไรชดเชย ให้กับ คนที่ได้รับผลกระทบ หลายจังหวัดไม่ว่าจะเป็นขุดลอก หนองคลองบึง หรือทำแก้มลิง ซึ่งคนที่ ได้รับควงามเดือดร้อน เป็นล้านคน ที่ได้รับความเดือดร้อนไร่นาได้รับความเสียหาย ได้รับผลกระทบทุกปี ดังนั้น นายกรัฐมนตรีจะต้องออกมาแก้ไขปัญหาลุ่มน้ำยมให้ได้ ซึ่งอยากให้นายกรัฐมนตรี และรัฐบาลฟังเสียงคนส่วนใหญ่ รัฐบาลก็ต้องฟังเสียงประชาชนคนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ฟังแต่คนเสียงส่วนน้อย

 

วันหยุดชาวเมืองสองแควพาครอบครัวแห่ดูน้ำท่วมบางระกำ

           สถานการณ์น้ำท่วมอ.บางระกำ จ.พิษณุโลก ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ของชาวเมืองพิษณุโลกจากทุกสารทิศ ที่ต่างขับรถยนต์ส่วนตัวพาครอบครัวมาชมเหตุการณ์น้ำท่วม โดยเฉพาะถนนสายพิษณุโลก-บางระกำ ที่น้ำจากแม่น้ำยมกำลังไหลแรงและหลากเต็มท้องทุ่งนา ชาวเมืองพิษณุโลกจำนวนมากได้จอดแวะริมทางถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก บางครอบครัวหอบเสื่อซื้ออาหารมาตั้งวงปิกนิกหัน และอีกจำนวนมาก ต่างเตรียมอุปกรณ์ตกปลา มาหย่อนเบ็ดแบบสบายใจ

           บริเวณสะพานข้ามคลองชลประทาน DR.15.8 สะพานข้ามคลองบ้านวังกุ่ม และศาลาพักริมถนนสายพิษณุโลก-บางระกำ ได้กลายสภาพเป็นตลาดปลาย่อม ๆ ชาวเมืองพิษณุโลกทีพาครอบครัวมาดูน้ำท่วม ได้จอดรถแวะซื้อหาปลาสด ปลาแดดเดียว ที่ชาวบางระกำใช้หลากหลายอุปกรณ์จับปลาขึ้นมาได้ขายกันสด ๆ สร้างรายได้ให้กับชาวบางระกำเป็นอย่างมาก
 
           น้ำท่วมบางระกำสิงหาคม 2554 ครั้งนี้ ถือว่ามีปริมาณมาก ใกล้เคียงกับน้ำท่วมปริมาณมาก ๆ ในปี 2549 และปี 2538 แม้ว่าระดับน้ำขนาดนี้จะยังไม่ถึงปีที่ท่วมสูงสุดก็ตาม แต่ยังมีแนวโน้มเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ วันละ 6 เซนติเมตร คาดว่าในระยะเวลาประมาณ 10 วันนับจากนี้ น้ำจากจ.สุโขทัยจะไหลมาถึง และน้ำในท้องทุ่งอ.บางระกำ จะกลายเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดย่อมๆ เลยทีเดียว

 

กำแพงเรือนจำหญิงหล่มสักร้างถูกกระแสน้ำป่าสักที่เอ่อทะลักพัดทรุดพัง

           เมื่อเวลา 03.00 น. กระแสน้ำที่เอ่อทะลักจากจากแม่น้ำป่าสัก ทำให้กำแพงคอนกรีตของเรือนจำหญิงหล่มสักเดิม ซึ่งอยู่บริเวณถนนพิทักษ์ ชุมชนไพรสณฑ์ เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก ทรุดพังเป็นแนวยาวราว 35 เมตรและกระแสน้ำได้ไหลทะลักเข้าไปภายในเรือนจำ  แต่เนื่องจากเรือนจำหญิงดังกล่าวปัจจุบันไม่ได้ใช้เป็นที่ควบคุมนักโทษแล้ว ทำให้ไม่เกิดความวุ่นวายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ในชุมชนเดียวกันต่างตกอยู่ในภาวะจมน้ำ โดยเฉพาะทรัพย์สินได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกระแสน้ำไหลเชี่ยวกรากและเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว ต่อมากระแสน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 09.00 น.วันเดียวกัน

           เมื่อเวลา 10.00 น. นายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ พร้อมนายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์และนายกิตติ พั้วช่วย นายกเทศมนตรีเมืองหล่มสัก เดินทางไปตรวจสภาพน้ำท่วมในเขตชุมชนต่างๆในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักที่ตกอยู่ภาวะจมน้ำ นอกจากนี้ยังเดินทางไปตรวจดูแนวกำแพงเรือนจำหญิงหล่มสักที่ถูกกระแสน้ำพลัดจนทรุดพังอีกด้วย

           นายกองเอกวิลาศ กล่าวว่า ปริมาณน้ำที่เข้าท่วมในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหล่มสักครั้งนี้มากกว่าทุกปีที่ผ่านมา ทั้งที่ปริมาณฝนตกในพื้นที่ก็ไม่มาก แต่เนื่องจากน้ำป่าสักที่ไหลมาจากพื้นที่ตอนบนไหลเข้าหนุนทำให้แนวป้องกันของทางเทศบาลต้านไม่อยู่ ส่วนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในเขตเทศบาลเมืองหล่มสักนั้นในระยะยาวนั้น ต้องมาดูว่าการทำบายพาสน้ำไม่ให้น้ำเข้าเมืองจะมีความเป็นไปได้หรือไม่
 
           "เทศบาลหลายแห่งไม่ว่าจะเป็นเทศบาลเมืองหล่มสัก เทศบาลหล่มเก่าและเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ต่างมีแม่น้ำป่าสักไหลผ่านกลางเมือง ฉะนั้นโอกาสป้องกันค่อนข้างทำได้ลำบาก จึงควรให้น้ำกระจายออกไปไม่ไหลพุ่งเข้าสู่ตัวเมือง หากทำได้ก็จะเป็นทางแก้ภาวะน้ำท่วมที่ยั่งยืนได้" นายกองเอกวิลาศ กล่าว

           ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า สำหรับกำแพงเรือนจำหญิงหล่มสักที่ถูกกระแสพัดจนพังนั้น เนื่องจากเป็นเรือนจำที่ไม่ได้ใช้การแล้วและมีความเก่าจึงไม่น่าจะมีผลกระทบอะไร แต่คงต้องไปถามทางเรือนจำก่อนว่ามีความจำเป็นจะต้องเก็บไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่นหรือไม่  หากกรมราชฑัณฑ์ไม่มีความจำเป็นก็อยากให้ทางท้องถิ่นมาดูแล เพื่อพัฒนาให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป

 

ปภ.เตือนนิคมอุตสาหกรรมภาคเหนือเตรียมรับมือน้ำท่วม

           นายทวี อุปสุขิน ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน เขต 1 กล่าวถึง สถาการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นบริเวณกว้างใน อ.เมือง และ อ.บ้านธิ ว่าจนถึงขณะ นี้ยังไม่มีผลกระทบและยังไม่มีรายงานขอปิดการการเรียนการสอนชั่วคราวมาจาก ผู้อำนวยโรงเรียนในเขต 1 ที่ประกอบด้วย อ.เมือง อ.บ้านธิ อ.ป่าซาง และ อ.แม่ทา

           อย่างไรก็ตามได้กำชับไปถึงผู้อำนวยการโรงเรียนทั้ง 4 อำเภอ ให้ติดตาม สถานการณ์อย่างใกล้ชิดในคืนนี้ ( 21 ส.ค.)  เนื่องจากขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำกวง ยังไม่ลดลงและอาจมีฝนตกลงมาเพิ่มเติมได้อีก หากมีน้ำท่วมให้ใช้อำนาจสั่งปิดเพื่อความปลอดภัยของเด็กนักเรียนและคณาจารย์จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยให้รายงานมาที่ สพป.เขต 1  ทันที

           ด้านนายชุมพร อินต๊ะเทพ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำพูน  กล่าวว่า ได้ประกาศเตือนไปถึงประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ริม สองฝั่งแม่น้ำกวงและที่ลุ่มให้ติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับพื้นที่นิคม อุตสาหกรรมภาคเหนือ (ลำพูน) ที่จะต้องเฝ้าระวังและต้องเตรียมความพร้อมรับมือ  เพราะระดับน้ำในแม่น้ำกวงล่าสุดอยู่ที่ 5.58 เมตร หากเพิ่มสูงแตะระดับ 6 เมตร อาจไหลเข้าท่วมในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมได้

 

ทหารมทบ.32ลำปางนำกำลังเข้าฟื้นฟูทำความสะอาดบ้านเรือนราษฎรประสบภัยน้ำท่วม

           พลโทชานุกร ตัณฑโกศล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี จ.ลำปาง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ทหารจากค่าย สุรศักดิ์มนตรี มนฑล ทหารบกที่ 32 จ.ลำปาง จำนวน 60 นาย เดินทางเข้าไปให้การช่วยเหลือราษฎร ใน ตำบล ต้นธงชัย อ.เมือง จ.ลำปาง หลังถูกน้ำป่าจากห้วยแม่ทรายคำไหลหลาก เข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนใน 3 หมู่บ้าน บ้านเรือนประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวน 100 หลังคาเรือน

           โดยกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ได้เข้าไปทำความสะอาด วัดและบ้านเรือนราษฎร ที่ถูกน้ำท่วมและเก็บกวาดเศษรากไม้และเศษวัชพืชดินโคลนต่างๆ จนขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมหมู่บ้านดังกล่าว ได้กลับเข้าสู้สภาวะปกติแล้ว

 

สุโขทัย-พบผู้ป่วยเครียดจากปัญหาประสบภัยน้ำท่วม

           เมื่อเช้าวันที่ 21 ส.ค.54 ระดับน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยล่าสุดที่จุดตรวจวัดระดับน้ำสถานีวาย 4 ด้านหน้าจวนผู้ว่าฯ อ.เมือง จ.สุโขทัย ระดับน้ำเพิ่มสูงถึง 6.89 เมตร เมื่อเวลา 08.00 น. ส่งผลให้หลายพื้นที่ในอำเภอเมืองมีน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมซ้ำ

           ทั้งนี้  ชาวบ้านวังทอง หมู่ที่ 6 ต.วังทอง อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย ยังคงต้องประสบปัญหาระดับน้ำจากแม่น้ำยมไหลเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ซ้ำอีกครั้งเหตุระดับน้ำในแม่น้ำยมสูงเพิ่มขึ้นดังกล่าวโดยน้ำที่เอ่อล้นเข้าท่วมซ้ำทำให้ระดับน้ำท่วมขังในพื้นที่สูงกว่า 1.00 เมตร แล้ว เช่นเดียวกับ ชาวบ้านหมู่ที่ 4 บ้านปากแคว และ หมู่ที่ 6 บ้านบางคลอง ในตำบลปากแคว อ.เมืองสุโขทัย ต้องประสบปัญหาน้ำจากแม่น้ำยมเริ่มไหลเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่อีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ ส่งผลให้ชาวบ้านอีก 2 ครอบครัวต้องนอนริมถนนพร้อมข้าวของเครื่องใช้ที่ยังไม่สามารถขนย้ายกลับเข้าตัวบ้านได้ อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าปริมาณน้ำจากทางตอนเหนือที่จังหวัดแพร่ปริมาณยังน้อยคงจะสร้างผลกระทบต่อพื้นที่สุโขทัยไม่มากนักแต่ระดับน้ำจะยังคงท่วมขังในพื้นที่อีกไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์

           ล่าสุด   มีรายงานจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุโขทัยมีชาวบ้านประสบปัญหาโรคเครียดมีภาวะเสี่ยงจะฆ่าตัวตายจากปัญหาน้ำท่วมแล้วถึง 28 ราย และเป็นโรคซึมเศร้าแล้ว 186 คนรวมทั้งมีปัญหาเครียดมากอีก 47 คน โดยรายงานยังบอกว่าผู้ประสบความเครียดในภาวะน้ำท่วมพื้นที่นั้นมียอดผู้ป่วยรวม 1,024 ราย ของจังหวัดสุโขทัย ทั้งนี้  ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงฆ่าตัวตายจำนวน 28 ราย และ ผู้ป่วยเครียดมากอีก 10 ราย ได้ส่งตัวพบจิตแพทย์และเยียวยาอาการแล้ว รวมทั้ง จนท.ได้ติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

 

เด็ก9ขวบชาวเพชรบูรณ์ถูกน้ำป่าพัดเสียชีวิต

           เมื่อเวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยร่มโพธิ์และชาวบ้าน  ช่วยกันนำศพของดช. ทะนงศักดิ์  ดีเกิด อายุ 9 ปี   ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดดาวเรือง  ต.นาป่า อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์  ซึ่งเสียชีวิตจากการที่ถูกกระแสน้ำป่าพัดหายไปเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา   โดยเจ้าหน้าที่รวมถึงชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเร่งติดตามหาร่างที่สูญหาย   ต้องใช้เวลากว่า  3 ชั่วโมง จึงพบร่าง ด.ช.ทะนงศักดิ์ เสียชีวิต ท่ามกลางความโศกเศร้าของพ่อแม่และญาติพี่น้อง


           จากการสอบถามนางบัวเรียน ดีเกิด มารดา บอกว่า บ้านพักอยู่ติดกับวัดดาวเรือง  ซึ่งลูกชายมักมาวิ่งเล่นในวัด  และลงไปเล่นน้ำในคลองวัดดาวเรืองประจำ  แต่วันนี้ฝนตกอย่างหนัก และต่อเนื่องหลายวัน บนเทือกเขาเฉลียงลับ ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมหมู่บ้าน คาดว่าเป็นช่วงที่เด็กชายทะนงศักดิ์ ลงไปเล่นน้ำในคลอง จึงถูกกระแสน้ำพัดหายไป


           ด้านนายสุชาติ ราษดุษดี ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า   ทางจังหวัดได้ประกาศเตือนประชาชนให้เพิ่มความระมัดระวังน้ำป่าไหลหลากในช่วงนี้ โดยเฉพาะบ้านเรือนที่อยู่ติดภูเขาที่มีธารน้ำไหลผ่าน   เพราะอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มได้ รวมทั้งการเตือนบุตรหลาน และดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้ลงเล่นน้ำ เพราะอาจพลัดตกน้ำเกิดอันตรายต่อชีวิตได้ สำหรับ ดช. ทะนงศักดิ์ที่เสียชีวิตทางจังหวัด จะให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน 

 

ต.จำปาหล่ออ่างทอง ไม่รอดน้ำทะลัก10หลักคาเรือนจม

            สถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดอ่างทองยังไม่คลี่คลายล่าสุดน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ 15 ซ.ม. ทำให้น้ำได้ล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่หมู่ที่ 1 ต.จำปาหล่อ ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมทันที 10 หลังคาเรือนบางจุดน้ำสูงถึง 30 ซ.ม. ทางองค์การบริหารส่วนตำบลจำปาหล่อต้องเร่งนำดินมาถมทำคันกั้นน้ำเพื่อป้องกันพื้นที่ที่ยังไม่ถูกน้ำท่วม


            ในส่วนพื้นที่ ต.โผงเผง ซึ่งถูกน้ำท่วมมาก่อนหน้านี้น้ำยังสูงขึ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องประชาชนต่างต้อง เร่งกันกระสอบทรายเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้าท่วมบ้านเรือนของตัวเอง ส่วนบ้านเรือนที่ถูกน้ำท่วมต่างได้รับผลกระทบในการเดินทางเข้าออกจากบ้านต้องใช้เรือเป็นพาหนะบางบ้านที่ไม่มีเรือต้องใช้ลุยน้ำเอง ทำให้หลายหน่วยงานรุดเข้าช่วยเหลือ


            โดยเฉพาะพื้นที่ตำบลโผงเผงในวันนี้ พ.ท.สิทธิจักร  ร่มโพธิ์ษี ผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ที่11 รักษาพระองค์ ได้ส่งกำลังนายทหารนำโดย ร.ท.มาโนช   จิตราโภชน์ หัวหน้าชุดผู้ช่วยรองผบ.ร้อย พร้อมทหารจำนวน 21 นาย  เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่และชาวบ้านในตำบนโผงเผงจำนวนกว่า 50 คน นำโดย นางกุลฟาร์ลี  เทพรักษ์ นายกอบต.โผงเผง เร่งระดมกอกกระสอบทรายเพื่อกั้นน้ำบริเวณชั้นในของหมู่บ้านที่ขณะนี้น้ำกำลังจะล้นสันถนนภายในหมู่บ้าน ซึ่งถ้าน้ำทะลักข้ามถนนมาได้จะทำให้ชาวบ้านอีกประมาณ 200 กว่าหลังคาเรือนได้รับความเดือดร้อน


            นางกุลฟาร์ลี  กล่าวว่า ตอนนี้ทางเขื่อนเจ้าพระยาได้ทำการระบายน้ำลงท้ายเขื่อนที่ระดับ 1882 ลบ.ม./วินาที  ทำให้ในขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมหมู่บ้านในเขต ต.โผงเผงทั้งหมด 8 หมู่บ้านจากจำนวนทั้งหมด 10 หมู่ประชาชนที่อยู่ริมฝั่งแม่น้ำและจุดเสี่ยงต่างหวาดกลัวเนื่องจากระดับสูงขึ้นทุกช.ม.เฉลี่ย10-20 ซ.ม./ชั่วโมง ขณะนี้มีจำนวนครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 195 ครัวเรือนและคาดว่าจะมีจำนวนที่สูงขึ้นถ้าระดับน้ำยังไม่คงที่

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ