...
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมการประชุม UN ด้านสตรี สมัยที่ 63 ณ สำนักงาน UN สหรัฐอเมริกา
เมื่อวันที่ 11-12 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และ นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร พม. เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมาธิการว่าด้วยสถานภาพสตรี (Commission on the Status of Women - CSW) สมัยที่ 63ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายใต้หัวข้อหลัก คือ ระบบการคุ้มครองทางสังคมการเข้าถึงบริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนเพื่อความเท่าเทียมระหว่างเพศ และการเสริมพลังสตรีและเด็กหญิง
ในการนี้ รมว.พม.ได้รับเกียรติให้กล่าวถ้อยแถลงในนามกลุ่มประเทศอาเซียนในวันแรกของการประชุมฯ ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดย รมว.พม. ได้กล่าวถึงบทบาทที่สำคัญของอาเซียนในการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ไปพร้อมกับการส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคง โดยธำรงไว้ซึ่งหลักการพื้นฐานด้านความเสมอภาคเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมจากชุมชนและภาคส่วนต่างๆ โดยไม่จำกัดความร่วมมือเพียงในระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภาคีเครือข่ายต่างๆ นอกอาเซียนด้วย มาตรการการคุ้มครองทางสังคมและโครงสร้างพื้นฐานที่มีมุมมองทางเพศ เคารพสิทธิมนุษยชน และมีความยั่งยืนจะช่วยให้สตรีและเด็กผู้หญิงสามารถพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพ สามารถรับมือ ใช้ชีวิต และตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ของตนเองได้อย่างมีความสุข มีความเสมอภาคและเท่าเทียม
จากนั้น รมว.พม.ได้กล่าวถ้อยแถลงในนามประเทศไทย ในการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี หัวข้อ “แนวปฏิบัติที่ดีและนโยบายสำหรับการวางแผน จัดเตรียม และดำเนินงานการคุ้มครองทางสังคม บริการสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน รวมถึงการส่งเสริมการมีผู้แทนสตรีในภาคส่วนต่างๆ ในทุกระดับ”โดยได้แบ่งปันความพยายามและประสบการณ์การดำเนินงานในส่วนที่เกี่ยวข้อง อาทิความเป็นผู้นำทางสังคมในอาเซียน ในการมีพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 ที่ได้รับการบัญญัติมาเพื่อคุ้มครองสิทธิทั้งผู้หญิง ผู้ชาย และผู้ที่แสดงออกแตกต่างจากเพศกำเนิดพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ถูกกระทำด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. 2550 ศูนย์ช่วยเหลือสังคมสายด่วน 1300 และการรณรงค์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงการไม่ยอมรับและไม่นิ่งเฉยต่อปัญหาความรุนแรง รวมทั้งส่งเสริมให้ผู้ชายและเด็กชายเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลง สตรีและเด็กผู้หญิงยังได้รับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ในการได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และความช่วยเหลือต่างๆ อาทิ บริการตามสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูบุตรและสิทธิวันลาคลอดบุตรที่เพิ่มขึ้นสอดรับกับอนุสัญญาขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) และนักเรียนหรือนักศึกษาซึ่งตั้งครรภ์อยู่ในสถานศึกษาสามารถเรียนต่อได้ตามปกติ รวมทั้งการได้รับการส่งเสริมให้มีส่วนร่วมทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เป็นต้น
รมว.พม.ยังได้รับเกียรติเป็นประธานกล่าวเปิดกิจกรรมคู่ขนานหัวข้อ “การคุ้มครองทางสังคมที่คำนึงถึงมิติทางเพศในอาเซียน : การดำเนินการในระดับภูมิภาคเพื่อความเสมอภาค ยั่งยืน และเติบโตอย่างทั่วถึงเท่าเทียม” โดยความร่วมมือระหว่างประเทศไทย ฟิลิปปินส์ UNWOMEN และสำนักเลขาธิการอาเซียน และมีส่วนร่วมในการประชุมสำคัญๆ อาทิ การประชุมระดับสูงของประธานสมัชชาสหประชาชาติ และการหารือระดับสูง หัวข้อ “การเร่งอนุวัติปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติเพื่อความก้าวหน้าของสตรี: เตรียมความพร้อมสำหรับการทบทวนและประเมินผล ในโอกาสการครบรอบ 25 ปีของการรับรองปฏิญญาฯ”
นอกจากนี้ รมว.พม. ได้ประชุมร่วมกับสถานกงสุลใหญ่ในนครนิวยอร์ก และหารือกับเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และพบหญิงไทย เพื่อพัฒนาความร่วมมือและสร้างเครือข่ายคนไทยในต่างประเทศและเพื่อรับทราบสภาพความเป็นอยู่ที่แท้จริงของชุมชนไทย
ในโอกาสที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปี พ.ศ. 2562 โดยมีแนวคิดหลัก “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” รมว.พม. ได้เน้นย้ำความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลางในการขยายระบบคุ้มครองสังคม บริการสาธารณะ และโครงสร้างพื้นฐานที่มีความยั่งยืน โดยเฉพาะต่อสตรีและเด็กผู้หญิง เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครถูกทิ้งไว้เบื้องหลังในการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง