Lifestyle

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ผู้ประกอบการSMEs ไทย ยังเป็นต้นแบบของการบูรณาการการสนับสนุนต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างครบวงจร และครอบคลุมทุกกลุ่มSMEs ผ่านแนวทางที่จะให้ทั้งความรู้

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทย Thailand Industry Expo 2018
แม้จะปิดฉากไปแล้ว สำหรับงานThailand Industry Expo 2018 ในปีนี้ กับแนวคิด “Change to SHIFT” เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับอุตสาหกรรมไทย”ซึ่งนอกจากเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยิ่งใหญ่ประจำปีนี้ ที่เกิดขึ้นเพื่อผู้ประกอบการSMEs ไทย ยังเป็นต้นแบบของการบูรณาการการสนับสนุนต่างๆ เข้าด้วยกันอย่างครบวงจร และครอบคลุมทุกกลุ่มSMEs ผ่านแนวทางที่จะให้ทั้งความรู้ ควบคู่ผลักดันถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นเข้มแข็ง พร้อมเข้าสู่ยุค Thailand 4.0 ตามนโยบายของรัฐบาล ภายใต้วิสัยทัศน์แห่งความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018

โดยในงานเดียวกันนี้ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank) โดย กระทรวงอุตสาหกรรม ได้จัดพิธีลงนามความร่วมมือ การส่งเสริมศักยภาพ SMEs สู่ความเป็นเลิศ กับพันธมิตร ได้แก่ สำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข สำนักปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักปลัดหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา กองบัญชาการกองทัพไทย และสถาบันการเงินของรัฐ (SFIs) คือ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารกรุงไทย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย (บตท.) บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยกรุงเทพ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยได้รับเกียรติจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความร่วมมือ
    นอกจากนี้เพื่อให้สอดรับกับนโยบายและวิสัยทัศน์ของประเทศ ภายในงาน มีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและผู้ประกอบการ ทั้งติดอาวุธปัญญา ควบคู่กับการเติมทุนด้วยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ รวมทั้งการจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากผู้ประกอบการชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ

 


Shift from OEM to ODM to OBM
    หนึ่งกิจกรรมเพื่อ “Change to SHIFT”ครั้งนี้ที่พลาดไม่ได้จริงๆ กับการยกศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 Industry Transformation Center (ITC) มาจัดแสดงในสไตล์โชว์เคสในงานนี้ เพราะนี่คือครั้งแรกของการจำลองเครื่องจักรและเครื่องมือที่เป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาไว้ในงานแบบครบวงจรในหลายอุตสาหกรรมสำคัญ
อาทิ ศูนย์ ITC ที่ กล้วยน้ำไท ซึ่งเป็นศูนย์หลักและเป็นศูนย์รวมนวัตกรรมด้านโรโบติค โดยศูนย์แห่งนี้ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเดนโซ่ ซึ่งเป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์โรบอท ภายใต้การสนับสนุน โดยกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมประเทศญี่ปุ่น โดยในงานยังนำหุ่นยนต์มาโชว์หลายรูปแบบ เช่น หุ่นยนต์งานบริการ หุ่นยนต์บดเมล็ดกาแฟและชงกาแฟ 

 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018
 
    อีกหนึ่งผลงานจากบริการของ ITC  ที่มาจัดแสดงในงาน ได้แก่ “เย็นใจ” กาแฟและเครื่องดื่มผงสำเร็จรูปของ“ชัยวัฒน์” สตาร์ทอัพหนุ่มจากเชียงใหม่ อีกผู้ผลิตซึ่งได้รับการสนับสนุนการวิจัยผลิตภัณฑ์จาก ITC  และในกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ก่อนออกสู่ตลาด โดยได้ใช้บริการเครื่องจักรและเทคโนโลยีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เครื่องจักรอบแห้งจาก ITC ในระยะเวลาหกเดือนสามารถก้าวเป็นผู้ผลิตและส่งออกสินค้าระดับนานาชาติ โดยปัจจุบันมียอดสั่งซื้อจากออสเตรเลีย สิงคโปร์ และกัมพูชา 
นอกจากนี้ ในงานยังมีการจำลองศูนย์เซรามิคที่ลำปาง ซึ่งกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้มีการจัดตั้ง Pilot Plant เพื่อให้บริการคลัสเตอร์กลุ่มผู้ผลิตทั้ง SMEs กลุ่มสตาร์ทอัพ หรือผู้ประกอบการเซรามิคที่ต้องการทดลองผลิตสินค้าในรูปแบบใหม่ๆ โดยศูนย์จะมีเครื่องมือสำหรับการขึ้นรูป ทำต้นแบบงานได้ฟรีที่ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งจะมีเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ อาทิ เครื่องพิมพ์ 3 มิติ เครื่องเอ็กเรย์ เครื่องทดสอบดินหรือวัตถุดิบ เครื่องทดลองเตรียมดินและเคลือบ รวมทั้งมีงานวิจัย ศูนย์แห่งนี้มีความพร้อมในการวิจัยพัฒนาที่ช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุนเพราะไม่ต้องเสียเวลาและทรัพยากรตนเองเพราะไม่ต้องลงทุนเอง

 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018
 
อีกศูนย์ที่เรียกความสนใจจากผู้ประกอบการและผู้ชมงานเป็นพิเศษในงานนี้ คงไม่พ้นศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Thailand Industrial Design Center : Thai-IDC) เป็นหน่วยงานสำคัญในการขับเคลื่อนการเพิ่มศักยภาพอุตสาหกรรมเป้าหมาย และการออกแบบสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างมีนวัตกรรม โดยใช้แนวทางการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริม SMEs ไทยให้เป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ที่สามารถนำนวัตกรรมและการออกแบบสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมให้เกิดมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยยกระดับการผลิตจากการรับจ้างผลิตสู่การออกแบบและผลิตสินค้าเป็นตนเอง 
 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018

 

ปีนี้นอกจากนำผลงานที่มีการพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์จนประสบความสำเร็จสู่ตลาด และจัดอบรม การเสวนาด้านการออกแบบและให้ความรู้เรื่องเทรนด์การออกแบบระดับสากลแล้ว ยังมีบริการให้คำแนะนำและรับออกแบบ หรือปรับปรุงดีไซน์ รวมถึงขึ้นรูปกล่องผลิตภัณฑ์ในงานแบบ One Stop Service ให้กับ SMEsซึ่งมีผู้ประกอบการที่สนใจทั้ง SMEs วิสาหกิจชุมชน หรือโอท็อปที่สนใจมาขอรับบริการเนืองแน่น
 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018


นอกจากนี้ บรรดา Big Brother หรือผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่แบรนด์ดัง ยังขนนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอวดกันจนแน่นบูท รวมไปถึงการจัดกิจกรรมสัมมนาในหัวข้อที่น่าสนใจ เพื่อให้ความรู้ติดอาวุธความคิดให้แก่ผู้ประกอบการและผู้สนใจโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรภาครัฐและเอกชนกว่า 40 หัวข้อ ตลอดระยะเวลาการจัดงานทั้ง 4 วัน 
“ฮาลาล” อีกโอกาสธุรกิจของ SMEs ไทย

ซึ่งอีกหนึ่งสัมมนาที่เป็นหัวข้อสำคัญและอาจชี้ช่องสร้าง “โอกาส” สำหรับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยในการตลาดธุรกิจการค้าที่กำลังมาแรง นั่นคือธุรกิจสินค้าฮาลาล ต่อศักดิ์ สุทธิชาติ ผู้เชี่ยวชาญพัฒนาธุรกิจอาวุโส ISMED กล่าวในเวทีสัมมนาอุตสาหกรรมฮาลาล โอกาสใหม่ของธุรกิจ SMEs ไทยที่คาดไม่ถึง ซึ่งจัดขึ้นในงาน Thailand Expo 2018 โดยกล่าวว่า อุตสาหกรรมฮาลาลถือเป็นตลาดบลูโอเชียน และกำลังเป็นอีกโอกาสทางธุรกิจสำหรับผู้ประกอบการไทย ซึ่งปัจจุบันประชากรโลกมุสลิมมี 1,800-2,000 ล้านคนทั่วโลก หรือร้อยละ 25 และคาดว่าภายในปี 2020 จะมีประชากรมุสลิมเพิ่มเป็น3,000 กว่าล้านคน อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ ร้อยละ 60 ของประชากรมุสลิมโลกมีอายุไม่ถึง 30 ปี หรืออยู่ในเจน Y ถือเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสำคัญของโลกจึงส่งผลให้มาร์เก็ตแชร์อุตสาหกรรมฮาลาลสูงทั้งในอุตสาหกรรมอาหาร แฟชั่น การแพทย์และเครื่องสำอาง การท่องเที่ยวโรงแรม  การเงิน
“เฉพาะเพื่อนบ้านอินโดนีเซียมีสมาชิก 200 กว่าล้านคน ในไทยมี 6 ล้านคนแล้ว จริงๆ ตลาดที่น่าสนใจของตลาดฮาลาลอยู่ในเอเชียและประเทศเพื่อนบ้าน เพราะในประชาคมอาเซียนเป็นมุสลิมถึงร้อยละ60-70 นี่คือศักยภาพตลาดฮาลาลที่เรายังมองข้ามอยู่”ต่อศักดิ์กล่าว
 

เปลี่ยนเพื่อปรับ ยกระดับชีวิตคนไทยThailand Industry Expo2018


กระทรวงอุตสาหกรรมจึงมีเป้าหมายพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าและบริการฮาลาลให้เป็นมาตรฐานในปี 2563 เพราะไทยเป็นประเทศเดียวที่ได้รับการรับรองเครื่องหมายฮาลาลที่ “ศาสนารับรอง วิทยาศาสตร์รองรับ”
“ประเทศไทยมีประวัติการรับรองฮาลาลยาวนาน มาตั้งแต่ปี 2490 ปัจจุบันมีผู้ประกอบการด้านฮาลาลกว่าห้าพันรายและมีสินค้ากว่าสองแสนผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้เรามีศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เหล่านี้คือศักยภาพบ้านเราที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ”
    ในภาคตัวอย่างผู้ประกอบการไทยที่มองเห็นโอกาสจากการติดป้าย “ฮาลาล” และยังส่งผลบวกต่อธุรกิจในหลายด้าน คือ บริษัท สยามเนเชอรัลโพรดักส์ จำกัด เจ้าของผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางแบบซองพกพาแบรนด์ สโนว์เกิร์ลที่จัดจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อ
“เราเป็นเจ้าแรกที่ทำราคา 39 บาท เพราะก่อนหน้านั้นเคยเจอปัญหาแจกสินค้าตัวอย่างไปแล้วไม่ยอมใช้พอฟรีเขาไม่เห็นคุณค่า แต่การแบ่งขายซองเล็กมองว่าสะดวกสำหรับผู้บริโภค ที่สำคัญซื้อง่ายขายคล่องส่วนการที่เราทำสินค้าให้มีมาตรฐานฮาลาลเพราะมองว่าการมีมาตรฐานเป็นการสร้างความได้เปรียบและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ที่แบรนด์อื่นยังไม่มี สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรามองตั้งแต่แรก”
โดยการมีมาตรฐานฮาลาลทำให้แบรนด์สโนว์เกิร์ลเป็นเจ้าเดียวที่มียอดจำหน่ายสูงใน 7-11 แถบภาคใต้  
“เป็นสิ่งที่ทำให้คู่แข่งอยากทำตามเรา รวมถึงมีตลาดต่างประเทศในมุสลิมที่ให้ความสนใจแบรนด์เรา”  
ดร.ธนธรรศ สนธีระ เจ้าแบรนด์สโนว์เกิร์ลกล่าว
ด้านกรรญดา ณ หนองคายเจ้าของแบรนด์ “ช้างแก้ว” เครื่องสำอางสมุนไพร ที่ผันตัวจากอดีตอาจารย์ข้าราชการ เริ่มต้นธุรกิจเป็นบริษัทจัดอบรมทำสมุนไพรไทยและเครื่องสำอางกว่ายี่สิบปี 
“พอเราได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจจากลูกค้าหลายรายที่มาผลิตสินค้ากับเรา จนทำให้มองว่าน่าจะทำแบรนด์ตัวเอง โดยเน้นจำหน่ายผ่านระบบเว็บไซต์ ออนไลน์และตัวแทนจำหน่าย”
ในการเริ่มขอมาตรฐานฮาลาล เริ่มจากมีลูกค้าที่เป็นชาวตะวันออกกลางได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ช้างแก้วอยู่หกเดือนแล้วรู้สึกประทับใจ
“มองว่าเป็นการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสของแบรนด์ เราอยากให้ผลิตภัณฑ์เราเป็นของมวลมนุษยชาติ เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้ไม่ว่าจะเป็นชาวมุสลิมหรือไม่ แต่จากการมีมาตรฐานฮาลาลทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นแตะหลักล้าน ลูกค้าโออีเอ็มก็เพิ่มขึ้น เราจึงมองว่าคุ้มค่ากับการลงทุน ผลิตภัณฑ์เรา 30 ตัวเป็นฮาลาลหมดเลย” กรรญดากล่าว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ