ข่าว

‘วิโรจน์’ ปูด มีคนในรัฐบาล จ้องตบทรัพย์ งบเรือฟริเกต

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘วิโรจน์’ ปูด มีคนในรัฐบาล จ้องตบทรัพย์ งบเรือฟริเกต แต่กองทัพเรือไม่ยอม เลยถูกตัดงบจัดซื้อจาก 1,600 ล้าน เหลือ 850 ล้าน ที่ดินรกร้างของกองทัพมีเยอะเกิน จัดการไม่โปร่งใส

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ถึงนโยบายการปฏิรูปกองทัพของรัฐบาล โดยย้ำว่า การปฏิรูปกองทัพ จะทำให้กองทัพมีความโปร่งใส ประชาชนมีความเชื่อใจในภารกิจทหาร และการปฏิรูปกองทัพ ไม่ใช่การทำลายกองทัพ หรือด้อยค่ากองทัพ ตามที่นายสุทินให้สัมภาษณ์ แต่เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างกองทัพ กับประชาชนดีขึ้น หากไม่ดำเนินการจริงจัง ทุกการกระทำของกองทัพประชาชนจะตั้งแง่คิดทางลบ หากกองทัพฝืนดำเนินการ ฝืนซื้ออาวุธ โดยไม่สนใจเสียงประชาชน ก็จะทำให้ภาพลักษณ์กองทัพตกต่ำลง และมีกลุ่มก้อนการเมือง ฉวยอคติประชาชนไปตบทรัพย์งบประมาณของกองทัพ พร้อมเปิดเผยว่า ตนมีสายข่าวในกองทัพเรือ ถึงการจัดซื้อเรือฟริเกต วงเงิน 1,700 ล้าน มีคนของรัฐบาล พยายามต่อสายจะคุยกับกองทัพเรือด้วย แต่กองทัพฯ ปฏิเสธ และยอมถูกตัดงบเหลือ 850 ล้าน แต่สุดท้ายกองทัพเรือกลับถูกตัดงบประมาณดังกล่าว แม้กองทัพเรือจะขออุทธรณ์ กรรมาธิการงบประมาณ ก็ยังตัดงบประมาณ

 

นายวิโรจน์ ยังระบุว่า ในอีก 2 ปี เรือฟลิเกตไทยต้องจะต้องปลดระวางลงอีก 1 ลำ ทำให้เหลือเรือฟลิเกตไทยเพียง 3 ลำ อาจทำให้ไม่เพียงพอ ทั้งที่มีความจำเป็น เพราะจะต้องคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางเรือ คุ้มกันเรือน้ำมัน และเรือสินค้า รวมถึงลาดตระเวนแท่นขุดเจาะน้ำมัน พร้อมยังย้ำว่า การจัดซื้อเรือฟริเกตลำนี้ จะเป็นการต่อเรือรบขนาดใหญ่ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทย และได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมต่อเรือในประเทศ เกิดการจ้างงาน และซื้อวัสดุในประเทศมหาศาล ดังนั้น การตัดงบประมาณครั้งนี้ จึงเป็นการตัดโอกาสประเทศ และอาจจะต้องรอถึงปี 2569 กองทัพเรือ ถึงจะสามารถของบประมาณใหม่ได้

นายวิโรจน์ ยังได้เปิดคลิปงานสัมมนาทิศทางอุตสาหกรรมเพื่อความมั่นคง ที่นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุขอให้สภากลาโหม จัดซื้อยุทโธปกรณ์ในประเทศ หรือหากซื้อไม่ได้ ก็ขอให้มีเงื่อนไขในการซื้อชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศ หรือถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ด้วยว่า นายสุทิน เป็นรัฐมนตรีกลาโหม มีอำนาจสั่งการ แต่กลับขอกองทัพ จึงทำให้รู้สึกสิ้นหวัง และยืนยันได้ว่า หากนายสุทิน เป็นรัฐมนตรีอยู่ จะทำให้ธุรกิจอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีแต่ความมืดมน

 

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงการลดจำนวนนายพล ที่รัฐบาลหลอกประชาชน ที่ประกาศในปี 2570 จะลดจำนวนนายพลลงร้อยละ 50 ซึ่งเป็นนายพลที่ไม่มีหน้าที่ที่ชัดเจน โดยตั้งข้อสังเกตว่า จำนวนนายพลที่ไม่มีความจำเป็นควรเป็นศูนย์ พร้อมเห็นว่า นายสุทิน ไม่จำเป็นต้องดำเนินการใด ๆ เพราะจำนวนนายพล จะลดลงอยู่แล้ว ซึ่งที่ผ่านโรงเรียนเตรียมทหาร รับจำนวนนักเรียนเตรียมทหารลดลง 150 คน ตั้งแต่รุ่นผู้บัญชาการเหล่าทัพชุดปัจจุบัน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จึงถือเป็นการตบตาประชาชน ฉกฉวยโอกาสการลดจำนวนนักเรียนเตรียมทหารที่รับเข้าน้อยลงมาอ้างผลงาน เช่นเดียวกับโครงการเออรี่ รีไทร์ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และงบประมาณบุคลากรของกองทัพ ก็ไม่ได้ลดลง

ส่วนที่ดินราชพัสดุ 12 ล้านไร่ของกองทัพนั้น นายวิโรจน์ ระบุว่า กองทัพบกครอบครอง ถึง 4,500,000 ไร่, กองทัพอากาศ-กองทัพเรือ รวมกัน 1,750,000 ไร่ รวมถึงยังมีที่ดินรกร้าง ทั้งที่เกษตรกรยังขาดแคลนที่ดินทำกิน แต่ที่ดินกองทัพบางส่วนถูกนำไปใช้ทำสวัสดิการธุรกิจ ทั้งสนามกอล์ฟ สถานพักตากอาหาศ และสนามมวย โดยขาดความโปร่งใส ไม่ชี้แจงการจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ และมีการทำบัญชีถูกต้องหรือไม่ และที่ผ่านมา รายงานกำไรเพียงเล็กน้อยทุกเหล่าทัพ เพียง 70 ล้านเท่านั้น พร้อมเห็นว่า รัฐบาล ควรนำที่ดินที่เกินจำเป็นของกองทัพ คืนแก่รัฐบาล เพื่อนำไปแบ่งสรรให้ท้องถิ่น สร้างสาธารณูปโภคที่จำเป็น เพื่อให้เกิดความเจริญ และเศรษฐกิจชุมชน

 

นายวิโรจน์ ยังกล่าวถึงการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ ที่เหตุใดไม่ซื้ออาวุธ กับผู้ประกอบการในประเทศ ที่มีที่ตั้งเป็นหลักแหล่ง มีอะไหล่สำรอง และมีวิศวกรซ่อมแซม แต่กลับจัดซื้อกับโบรคเกอร์ ที่อ้างเป็น SMEs และใช้ช่องว่างทางกฎหมาย ล็อบบี้ เคลียร์เงินทอน ยกเว้นภาษี และนำอาวุธจากต่างประเทศ มาขายให้กับกองทัพ เมื่อชำรุดก็ต้องรออะไหล่นาน หรือปิดบริษัททิ้ง

 

นายวิโรจน์ ยังเห็นว่า นโยบายต่าง ๆ ของรัฐบาลในการบริหารกองทัพ ไม่ได้มีนโยบายใดใหม่ แต่เป็นนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จึงขอถามนายสุทิน กล้ามองหน้ากองทัพเรือ ที่ยึดหลัก และรายละเอียด เพื่อให้เกิดการอุตสาหกรรมการต่อเรือในประเทศไทยหรือไม่ และขอให้นายสุทิน หยุดเล่นละครการพัฒนาร่วมกัน เพราะละครเช่นนี้ จะไม่สามารถหวังได้คะแนนเลือกตั้งได้อีกแล้ว เพราะประชาชนกินข้าว ไม่ได้กินช็อกมินต์

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ