ข่าว

'สมศักดิ์' ชง ครม. เพิ่มอำนาจ ป.ป.ท. ตรวจสอบ ขรก. 'ออกหมายจับ-จับกุม-ชี้มูล'

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'รองนายกฯสมศักดิ์' เสนอแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจ ป.ป.ท. ตรวจสอบ ไต่สวน ไม่ต้องรอรับไม้ต่อ ป.ป.ช. สามารถ 'ออกหมายจับ-จับกุม-ชี้มูล' ได้เอง

ประชุมคณะรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เสนอปรับปรุงกฎหมาย ในส่วนของพระราชบัญญัติมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2551 จากเดิมที่มี 67 มาตรา ซึ่งจะมีการปรับแก้ 29 มาตรา บัญญัติใหม่ 14 มาตรา ยกเลิก 1 มาตรา รวมทั้งสิ้นจะมีเพิ่มขึ้นเป็น 80 มาตรา โดยกฎหมายนี้ มีการใช้มาแล้วถึง 16 ปี

 

 

ซึ่งควรจะมีการปรับให้เข้ากับสมัย เพิ่มอำนาจเพิ่มประสิทธิภาพ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท.ทดำเนินการตรวจสอบ การประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ สามารถไต่สวนชี้มูลได้ด้วยตนเอง เนื่องจากที่ผ่านมา ต้องผ่านคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ส่งมอบให้ก่อนท่านั้น ตนมองว่า การทำในลักษณะนี้ จะเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้เกิดการทุจริตได้

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กฎหมาย ป.ป.ท. ปัจจุบัน ไม่มีบทบัญญัติ ในเรื่องของหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร แต่ร่างกฎหมายฉบับใหม่ จะมีให้เปิดเผยได้ถึง 3 ขั้นตอน คือ 1.ก่อนการไต่สวน 2.เมื่อได้ดำเนินการไต่สวนแล้ว และ 3.คณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูล 

 

ยังมีอำนาจในเรื่องการออกหมายจับ โดยสามารถขอศาลออกหมายจับได้เอง รวมถึงดำเนินการจับ ปล่อยตัวชั่วคราว หรือ จะมอบพนักงานสอบสวนทำแทน ซึ่งหากยกตัวอย่าง เช่น เราเป็นผู้ประกอบการ จะขอใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน แต่เมื่อผ่านไป 1 เดือน ก็ยังไม่มีการอนุมัติ ป.ป.ท.ก็สามารถเข้าไปดูถึงเหตุผลได้ เพื่อป้องกันการเรียกรับเงิน โดยก็จะทำให้ภาคธุรกิจมีความโปร่งใสมากขึ้น 

 

นอกจากนี้ด้านการศึกษา ป.ป.ท. ก็สามารถเข้าไปตรวจสอบพฤติกรรมที่มีข่าวอยู่ในเวลานี้จำนวนมากได้ เช่น พฤติกรรมครูลวนลามอนาจารนักเรียน ซึ่งสามารถเข้าไปตรวจสอบในเรื่องวินัย และเอาผิดในเรื่องเพศอนาจารได้ เพราะเป็นความผิดทางอาญา , สามารถตรวจสอบเจ้าหน้าที่ราชการ เลิกงานไวกว่าเวลาได้ , กรณีการนำรถหลวงไปใช้ส่วนตัวในเวลานอกราชการ 

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี

เรื่องแบบนี้ ป.ป.ท.สามารถที่จะเอาผิดได้ โดยสืบสวนสอบสวนได้ทันที จึงถือเป็นเรื่องการสร้างความโปร่งใสป้องกันการประพฤติมิชอบของส่วนราชการ จะสอดคล้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต หรือ UNCAC ด้วย

 

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า กฎหมายควรทันสมัย และต้องไม่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งกัน ดังนั้นการเสนอกฎหมายนี้ ไม่ได้เป็นการเพิ่มอำนาจ หรือ แย่งอำนาจไป แต่เป็นการทำงานในภาครัฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดในเรื่องของการป้องกันการทุจริต ประพฤติมิชอบ 

 

โดยผ่านรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนมาแล้วถึง 2 ครั้ง ก่อนที่ตนจะเสนอกฎหมายนี้เข้าครม.และมีมติอนุมัติหลักการแล้ว จากนี้ก็จะส่งเข้าสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามขั้นตอนต่อไป

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ