ข่าว

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘ชัยธวัช’ เลขาฯ ก้าวไกล ชี้พิรุธ คลิปเสียง-ขัดแย้ง ผลประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ ดักคอขบวนการสกัด ‘พิธา’ นั่งนายกฯ จี้คนเกี่ยวข้องเคลียร์ มั่นใจรอดคดี ม.151 เหมือนคดีหุ้นวีลัค ‘ธนาธร’ ขอบคุณสื่อเปิดโปง

ที่อาคารอนาคตใหม่ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แถลงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบการถือหุ้นสื่อบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ‘หุ้นitv’ ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีว่า จากการรายงานข่าวของรายการข่าว 3 มิติ เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2566 มีข้อมูลที่มีนัยสำคัญ ดังนี้

 

1.ความขัดแย้งระหว่างคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 กับรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัท ในประเด็นที่ว่าไอทีวียังดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือไม่

คลิปไม่ตรงกับบันทึกประชุมผู้ถือ หุ้นitv

นายชัยธวัชระบุว่า ถ้าดูคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 ซึ่งเกิดขึ้นหลังการรับสมัครเลือกตั้งจะปรากฏข้อเท็จจริงว่านายภาณุวัฒน์ ขวัญยืนในฐานะผู้ถือหุ้น ได้ถามในที่ประชุมว่า“บริษัท ไอทีวี มีการดำเนินกิจการเกี่ยวกับสื่อหรือทีวีไหมครับ” 

 

จากนั้นนายคิมห์ สิริทวีชัยประธานคณะกรรมการบริษัท ในฐานะประธานในที่ประชุม ได้ตอบอย่างชัดเจนว่า“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ” 

 

อย่างไรก็ตามในเอกสารรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ บมจ.ไอทีวี กลับบันทึกไม่ตรงกับคลิปการประชุมอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ กลับบันทึกรายงานการประชุมว่า นายคิมห์ สิริทวีชัย ได้ตอบคำถามของคุณภาณุวัฒน์ ขวัญยืนว่า“ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ”

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

 

นายชัยธวัชกล่าวอีกว่า หลังจากมีการจัดทำรายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ บมจ.ไอทีวี ออกมานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะก็ได้นำเอกสารนี้ไปใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการยื่นร้องต่อ กกต.ให้ตรวจสอบการถือหุ้นไอทีวีของนายพิธาเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 

นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชี้พิรุธประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวี

 

ทั้งนี้ ก่อนที่นายเรืองไกร จะไปยื่นร้องต่อ กกต.นั้นนายนิกม์ แสงศิรินาวิน ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊กของตนเองเมื่อวันที่ 24 เมษายน ก่อนการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทไอทีวี 2 วันว่า“นักการเมืองที่กำลังถือหุ้น ITV เตรียมตัวประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี และมอบตัว กกต.ด้วยนะครับ หัวหน้าพรรคหนึ่งถือ 42,000 หุ้น”

 

เข้าข่ายทำรายงานประชุมผู้ถือ 'หุ้นitv' เป็นเท็จ

นายชัยธวัช ระบุว่า โพสต์ดังกล่าวทำให้เป็นที่น่าสงสัยว่ามีการวางแผนจะให้นายภานุวัฒน์ ผู้ถือหุ้นไอทีวีที่รับโอนหุ้นมาจากนายนิกม์ และยังเป็นผู้จัดการคลินิกของครอบครัวของนายนิกม์ด้วยนั้น ตั้งคำถามในที่ประชุมผู้ถือ ‘หุ้นitv’  เพื่อต้องการให้ผู้บริหารของไอทีวีตอบว่าไอทีวียังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่ใช่หรือไม่แต่ 

 

เมื่อนายคิมห์ตอบคำถามในที่ประชุมว่าตอนนี้ไอทีวียังไม่มีการดำเนินกิจการสื่อ ภายหลังกลับมีการบันทึกการประชุมให้เข้าใจได้ว่าปัจจุบันไอทีวียังดำเนินกิจการสื่ออยู่พฤติการณ์เช่นนี้เข้าข่ายการทำรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นเท็จหรือไม่ และถือเป็นการทำผิดกฎหมายอีกหลายฉบับใช่หรือไม่เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้มีอำนาจในบริษัทไอทีวี รวมทั้งนายจิตชาย มุสิกบุตรกรรมการผู้สอบทานและแก้ไขรายงานการประชุม ต้องตอบคำถามต่อสังคมให้ชัดเจน

 

เป็นที่น่าสังเกตว่า นายจิตชาย กรรมการผู้สอบทานและแก้ไขรายงานการประชุมนั้น ยังเป็นผู้บริหารสายงานกฎหมายและเลขานุการบริษัทของ บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของไอทีวีอีกด้วย ทำให้มีคำถามว่า บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ รับรู้หรือเกี่ยวข้องกับแก้ไขรายงานให้ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงในการประชุมด้วยหรือไม่

 

พยายามฟื้นชีพไอทีวีสกัดก้าวไกลตั้งรัฐบาล

“ประเด็นที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นหนึ่งในข้อพิรุธที่นายพิธาได้เคยตั้งคำถามไว้ว่านี่คือความพยายามฟื้นคืนชีพไอทีวีให้กลับมาเป็นสื่อมวลชน เพื่อสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลตามฉันทานุมัติของประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ใช่หรือไม่ ซึ่งพฤติการณ์เช่นนี้อาจเข้าข่ายกระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อจะแกล้งให้ผู้สมัคร สส.ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 143 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.” เลขาฯพรรคก้าวไกลระบุ

 

2.ความขัดแย้งกันระหว่างคลิปการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ของ บมจ.ไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2566 กับแบบนำส่งงบการเงิน (ส.บช.3) ที่ไอทีวียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2566 และเอกสารงบไตรมาสแรกปี 2566 ของ บมจ.ไอทีวี ข้อพิรุธอีกประการหนึ่ง หากพิจารณาใจความสำคัญของข้อความที่ถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขในบันทึกรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของไอทีวี กล่าวคือ แก้ไขคำตอบของนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานในที่ประชุม ต่อนายภาณุวัฒน์ ขวัญยืน จาก“ตอนนี้บริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ นะครับ ก็รอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อนนะครับ” 

 

กลายเป็น“ปัจจุบันบริษัทยังดำเนินกิจการอยู่ ตามวัตถุประสงค์ของบริษัท และมีการส่งงบการเงินและยื่นแบบภาษีเงินได้นิติบุคคลตามปกติ” นั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ“แบบนำส่งงบการเงิน”(ส.บช.3) ที่ไอทีวียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าในวันที่ 10 พ.ค. 2566 ก่อนวันเลือกตั้ง 4 วัน และเป็นวันเดียวกับที่นายเรืองไกรไปยื่นร้องต่อ กกต.หรือไม่

 

เพราะเมื่อพิจารณา “แบบนำส่งงบการเงิน” (ส.บช.3) ที่ไอทีวียื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2566 (ซึ่งเป็นงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2565) จะพบว่ามีการระบุประเภทธุรกิจว่า“สื่อโทรทัศน์”และระบุสินค้า/บริการว่า“สื่อโฆษณาและผลตอบแทนจากการลงทุน”จากเดิมที่เอกสารงบการเงิน (ส.บช.3) ของไอทีวีในปีบัญชี 2561-2562 ระบุประเภทธุรกิจว่า“กิจกรรมของบริษัทโฮลดิ้งส์ที่ไม่ได้ลงทุนในธุรกิจการเงินเป็นหลัก”แล้วในปีบัญชี 2563-2564 ระบุประเภทธุรกิจว่า“สื่อโทรทัศน์”

 

โดยในส่วนสินค้า/บริการ ระบุว่า“ปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการเนื่องจากติดคดีความ”การเปลี่ยนแปลงข้อความในแบบนำส่งงบการเงินครั้งหลังสุดของไอทีวีดังกล่าวขัดแย้งกับการตอบของนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 26 เมษายน 2566 ต่อข้อซักถามอีกข้อหนึ่งที่ว่า“หากคดีความต่างๆ จบสิ้นเรียบร้อย บริษัทจะมีปันผลไหม บริษัทจะมีแผนการดำเนินงานธุรกิจต่อไป หรือจะเข้าตลาดหลักทรัพย์อีกหรือเปล่า บริษัทจะมีแผนชำระบัญชี หรือกิจการคืนเงินแก่ผู้ถือหุ้นหรือไม่”

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

 

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

 

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

 

ที่บอกว่าขัดแย้งกันเพราะนายคิมห์ได้ตอบข้อซักถามดังกล่าวว่า“ผลของคดีเป็นจุดสำคัญที่สุดของบริษัท ถ้าผลคดียังไม่ได้ออกมา มันเป็นไปได้ยากมากที่เราจะดำเนินการใดๆ กับไอทีวี ณ ขณะนี้นะครับ อย่างในอดีตที่ผ่านมา เราก็ได้มีการว่าจ้างที่ปรึกษาทางการเงินมาดูเงื่อนไขต่างๆ ทางเลือกต่างๆ ยังไม่มีทางเลือกใดๆ ที่เหมาะสม ณ ขณะนี้ ฉะนั้น ทั้งหมดทั้งมวลก็ต้องรอผลของคดี ถ้าผลคดีสิ้นสุดลงแล้วทางบริษัทก็จะพิจารณาทางเลือกที่เหมาะสมให้กับทางผู้ถือหุ้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพิจารณาจะจ่ายเงินปันผลอย่างไร จะดำเนินธุรกิจต่อไปหรือไม่ อย่างไร หรือจะชำระบัญชี อะไรยังไง ทางเราจะพิจารณาทางเลือกที่มีอยู่ทั้งหมด และเลือกทางเลือกที่เหมาะสมให้กับผู้ถือหุ้นต่อไปนะครับ”

 

คำตอบของนายคิมห์ในที่ประชุมผู้ถือ ‘หุ้นitv’ แสดงให้เห็นว่า ณ วันที่ 26 เม.ย. 2566 นายคิมห์ สิริทวีชัย ในฐานะประธานที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นและประธานกรรมการบริษัท มิได้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่ว่าไอทีวีประกอบกิจการ“สื่อโทรทัศน์”และมีรายได้จาก“สื่อโฆษณา”แต่อย่างใด แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรว่าแบบนำส่งงบการเงิน (แบบ ส.บช.3) ที่ไอทีวีนำส่งงบการเงินรอบปีบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2565 ในวันที่ 10 พ.ค. 2566 จะระบุว่ารายได้ของไอทีวีในรอบปี 2565 มาจากสื่อโทรทัศน์ โดยมีสินค้า/บริการคือ “สื่อโฆษณา” มิพักต้องกล่าวถึงกรณีที่นายคิมห์ได้ตอบผู้ถือหุ้นถึงแนวโน้มที่จะมีการชำระบัญชี ปิดบริษัทหลังจากทราบผลของคดีด้วยซ้ำ

 

‘ก้าวไกล’ แถลงพิรุธ ประชุมผู้ถือ ‘หุ้น ITV’ บี้เปิดคลิปฉบับเต็ม

 

ข้อพิรุธนี้ยังทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับรายงานงบแสดงฐานะการเงินไตรมาส 1/2566 ของไอทีวี  เพราะในหมายเหตุประกอบงบการเงินงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม หน้าสุดท้ายมีการระบุว่า “เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ บริษัทมีการนำเสนอการลงสื่อให้กับกิจการที่เกี่ยวข้องกัน และเมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา จากการที่บริษัทได้มีการให้บริการแก่บริษัทในกลุ่มข้างต้น บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2566”

 

นายชัยธวัช ตั้งข้อสังเกตว่า  คำถามคือเป็นไปได้อย่างไรที่ไอทีวีจะมีรายได้จากการเป็น“ผู้ให้บริการลงสื่อโฆษณา”ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 โดยวันประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เม.ย. 2566 ซึ่งอยู่ในช่วงไตรมาส 2/2566 เป็นช่วงเวลาที่มีการรายงานงบแสดงฐานะการเงินไตรมาส 1/2566 นายคิมห์กลับตอบคำถามว่าบริษัทยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ต้องรอผลคดีความให้สิ้นสุดก่อน และเป็นไปได้อย่างไรว่าหลังจากประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 26 เมษายนแล้ว ซึ่งประธานในที่ประชุมได้ระบุว่าบริษัทไม่ได้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับสื่อ แต่ในหมายเหตุประกอบงบการเงินสำหรับงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค. 2566

 

กลับไประบุว่า“ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2566 มีมติรับทราบรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยเป็นผู้ให้โฆษณาลงสื่อโฆษณา จากการที่บริษัทได้มีการให้บริการแก่บริษัทในกลุ่มข้างต้น บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 2 ของปี 2566”

 

ข้อความดังกล่าวขัดแย้งต่อกับสิ่งที่นายคิมห์กล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นอย่างชัดเจน เพราะถ้าไอทีวีมีแผนธุรกิจดังกล่าวจริง นายคิมห์ย่อมต้องแจ้งในที่ประชุมผู้ถือหุ้นตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ถึงความเป็นไปได้ในการมีแผนธุรกิจใหม่แล้ว แต่ปรากฏว่าหลังจากการประชุมผู้ถือหุ้นเพียง 2 วัน คือวันที่ 28 เม.ย. 2566 คณะกรรมการบริษัทมีมติรับทราบ “แผนธุรกิจใหม่” ในช่วงไตรมาสที่ 2/2566 และบริษัทจะรับรู้รายได้ในไตรมาสเดียวกันทันที ซึ่งผิดวิสัยเป็นอย่างยิ่ง

 

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น 2 วัน นายคิมห์ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมผู้ถือหุ้นยังไม่เคยรับทราบความเป็นไปได้ในการดำเนินกิจการใดๆ และยังให้ข้อมูลตอบผู้ถือหุ้นว่าจนกว่าคดีจะถึงที่สุด เป็นไปได้ยากมากที่บริษัทจะดำเนินการใดๆ

 

ฉะนั้น เรื่องนี้จะเห็นได้ว่าในแง่พฤติการณ์ ข้อเท็จจริง และช่วงระยะเวลาการเสนอแผนธุรกิจ รวมถึงการรับรู้รายได้จากแผนธุรกิจใหม่มีความไม่สอดคล้องกันและขัดแย้งกันเองเป็นอย่างยิ่งการดำเนินการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในบันทึกรายงานการประชุมดังกล่าวให้แตกต่างจากการตอบข้อซักถามตามคลิปการประชุมจึงไม่น่าจะใช่ความผิดพลาดโดยบังเอิญ หรือเป็นการจัดทำเอกสารรายงานการประชุมตามแบบแผนปกติหากแต่เมื่อวิญญูชนได้ทราบถึงพฤติการณ์ดังกล่าวแล้ว ย่อมเกิดข้อสงสัยได้ว่า เป็นการจงใจแก้ไขให้สอดรับกับบรรดาเอกสารต่างๆ ที่ตกแต่งจัดทำขึ้นในภายหลังหรือไม่

 

ก้าวไกล เชื่อมั่น กกต.ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยุติธรรม

3.สุดท้ายพรรคก้าวไกล ขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องรักษาเสียงของประชาชน ผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศในระบอบประชาธิปไตยให้ได้ แม้จะมีความพยายามจากบุคคลบางกลุ่มที่ต้องการจะใช้ประเด็นหุ้นไอทีวีเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ก่อนจะมีการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

 

“พรรคก้าวไกลยังเชื่อมั่นว่าอำนาจของประชาชนจะได้รับชัยชนะในที่สุด และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างบริสุทธิ์และยุติธรรมตามเจตจำนงของรัฐธรรมนูญ ประกอบกับบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญและศาลฎีกาที่ผ่านมา” เลขาณก้าวไกล กล่าวด้วยความเชื่อมั่น

 

ส่วนกรณีที่ กกต.อาจจะดำเนินคดีกับนายพิธาในอนาคต ตามความผิดฐานรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.นั้น นายชัยธวัช แจกแจงว่า พรรคก้าวไกลมั่นใจว่าข้อกล่าวหานี้ ไม่มีพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักเพียงพอ เช่นเดียวกับที่อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ในคดีหุ้นวีลัค

 

“สำหรับการเปิดโปงขบวนการปลุกผีไอทีวีครั้งนี้ พรรคก้าวไกล ขอขอบคุณการทำงานอย่างหนักของสื่อมวลชน อดีตผู้สื่อข่าวไอทีวีเก่า แม้ไอทีวีจะยุติการดำเนินงานไปหลายปีแล้ว แต่จิตวิญญาณของสื่อมวลชนมืออาชีพที่ก่อร่างมาตั้งแต่ยุคไอทีวี ยังคงอยู่ในตัวผู้สื่อข่าวเหล่านี้เสมอ”เลขาฯก้าวไกล กล่าวขอบคุณอดีตผู้สื่อข่าวไอทีวี

 

ปลุกผี ITV ไม่ชอบด้วยกฏหมาย

เมื่อถามว่า หลักฐานคลิปวิดีโอไม่ได้หักล้างโดยตรงว่านายพิธาได้ถือหุ้นไว้จริงหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า มีส่วนสำคัญ หากฟังดีๆ จะมีเนื้อหาบางส่วนที่มีนัยสำคัญว่าตกลงไอทีวียังดำเนินกิจการสื่อมวลชนอยู่หรือไม่ และอาจนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีกับกระบวนการ ‘ปลุกผี ITV’ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหลายราย

 

เมื่อถามว่า ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังกระบวนการนี้ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะกล่าวหาคนใดคนหนึ่ง แต่เชื่อว่าพี่น้องประชาชนสามารถคาดเดาได้จากพฤติกรรมดังกล่าวว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ พรรคก้าวไกลเริ่มเห็นแล้วว่าพอจะมีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ทราบว่ามีพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ส่วนจะดำเนินคดีกับใครและเมื่อไหร่นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่

 

ก้าวไกล บี้ ผู้บริหารไอทีวีเปิดคลิปฉบับเต็ม

เมื่อถามว่า หาก กกต.มีการสอบสวนเรื่องนี้เพื่อเตรียมส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ นายชัยธวัชกล่าวว่า เราก็จะต่อสู้เต็มที่ทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครกล้ารวบรัดตัดตอนฟ้องร้องได้อีก เพราะเห็นแล้วว่ากรณีนี้มีความซับซ้อน และทางไอทีวีไม่มีเหตุผลที่จะรีรอ ไม่ชี้แจง ควรต้องเปิดเผยคลิปการประชุมฉบับเต็ม เพื่อให้สังคมหายสงสัย ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการเปิดคลิปออกมา

 

เมื่อถามย้ำว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังใช่อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่หรือไม่ นายชัยธวัชตอบทันทีว่าไม่ใช่ ตัวเล็กไป

 

“สำหรับเรื่องที่บอกว่ามีการสร้างเอกสารเท็จ โจทก์อาจกลายเป็นผู้ต้องหา และผู้ต้องหาอาจจะกลายเป็นโจทก์ก็ได้ อย่าเพิ่งสรุปตอนนี้ ต้องรอดูข้อเท็จจริงจากไอทีวีและผู้เกี่ยวข้อง ถ้าเรื่องนี้ตรงไปตรงมาจริงๆ ก็ไม่มีเหตุผลที่จะชะลอการชี้แจงและเปิดเผยหลักฐานทั้งหมด โดยเฉพาะคลิปฉบับเต็ม” นายชัยธวัชกล่าว

 

นายชัยธวัชยังกล่าวอีกว่า หากเรื่องนี้มีความกระจ่างสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ก็ไม่มีข้ออ้างในการโหวตนายพิธาเป็นนายกฯ ขณะที่รายละเอียดในการต่อสู้ทางกฎหมายต้องรอว่า กกต.จะส่งเรื่องมาที่พรรค ก.ก.อย่างไร

 

“ผมคิดว่าตอนนี้สังคมกำลังรอคำตอบจากไอทีวีส่งถึงผู้บริหารสายงานกฎหมายของอินทัชที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลง การตรวจสอบ และอีกหลายคนที่อาจเกี่ยวข้องกับงบการเงินของบริษัทไอทีวี” นายชัยธวัชกล่าว

 

รายงานงบแสดงฐานะการเงินไตรมาส 1/2566 ของไอทีวี (สามารถดูได้ในเว็บไซต์ คลิก)

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ