ข่าว

'พิธา' คุย ACT เห็นตรงกันหลายเรื่อง เตรียมแถลง 4 โมง ติดตามไลฟ์สดที่นี่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' แย้มอยากทำงานให้ใกล้ชิดองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) มากกว่านี้ หลายเรื่องคิดเห็นตรงกัน วันนี้มาคุยเพื่อตกผลึกนโยบายต้านโกง

เมื่อเวลา 14.00 น. (8 มิ.ย. 2566) ที่อาคารศรีจุลทรัพย์  "นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์" แกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำพรรค เดินทางเข้าพบ "นายวิเชียร พงศธร" ประธาน ACT ก่อนประชุมหารือนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน "นายพิธา" ได้พูดคุยกับสื่อมวลชน ว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่ออยากทำงานให้ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ เพราะมีหลายเรื่องที่คิดเห็นตรงกัน  แต่ยังไม่ได้คุยตกผลึก วันนี้จึงจะพูดคุยหารือเพื่อความชัดเจน แต่เบื้องต้นจะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาจับทุจริต

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แกนนำจัดตั้งรัฐบาล พรรคก้าวไกล (ขวา) และนายวิเชียร พงศธร ประธาน ACT ถ่ายภาพร่วมกันก่อนการประชุมหารือนโยบายนต้านคอร์รัปชัน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 2566

 

 

"นายวิเชียร" กล่าวด้วยว่า วันนี้เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องของการทุจริตคอรัปชั่น ซึ่งจะคุยกันในภาพใหญ่ เพราะเวลาจำกัด ไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด เพราะมองว่ายังมีเวลาที่จะทำงานร่วมกันอีกมากกับภาคการเมืองไม่ว่าจะฝ่ายไหน 
 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเสนอแนะอะไรต่อ "พรรคก้าวไกล" เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันที่จะต้องแก้ไขเร่งด่วนหรือไม่ ทั้งเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง "นายวิเชียร" ตอบว่า ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเป็นเรื่องที่เร่งด่วนทั้งนั้น เป็นปัญหาที่บั่นทอนสังคม ตอนนี้มีเยอะแยะไปหมด ทั้งเรื่องส่วย สินบน จ่ายใต้โต๊ะ แต่กระบวนการจัดการแก้ไขต้องจัดการอย่างมีส่วนร่วม 

 


ส่วนข้อเสนอแนะให้กับรัฐบาลใหม่ หากมีคนในรัฐบาลทุจริต "นายวิเชียร" บอกว่า จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสนอมาโดยตลอด และไม่ควรจะยอมรับคนโกง ไม่ว่าจะอยู่ในระบบใดก็แล้วแต่ ทั้งภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม ภาคราชการ ภาคการเมือง ไม่ควรให้คนเหล่านี้มีพื้นที่ เพราะเข้ามาบั่นทอน

 


ทั้งนี้ เชื่อว่าไม่ใช่คนส่วนใหญ่ แต่พลังในการสร้างความเสียหายมาก ฉะนั้น หากภาคการเมืองจะประสบความสำเร็จได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ต้องไม่ให้คนในภาคส่วนตนเอง มาคอยบั่นทอนความหน้าเชื่อถือ พร้อมยอมรับว่า สังคมคลางแคลงใจกับภาคการเมืองมาตลอด ซึ่งต้องปรับและสร้างความมั่นใจกลับมาให้ได้ 

 


เมื่อถามว่า หากรัฐบาลใหม่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด มีการตั้งความหวังไว้หรือไม่ว่าจะทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น "นายวิเชียร" ตอบว่า ทุกรัฐบาลต่อไปในอนาคต จำเป็นต้องทำบทบาทตรงนี้ เพราะการประเมินที่อ้างดัชนีความเชื่อมั่น เป็นผลที่สังคมโลกยอมรับ ย้ำว่า ดัชนีความเชื่อมั่นเป็นตัวสำคัญที่ทุกรัฐบาลจะต้องแก้ตั้งแต่รากฐาน เพราะจะต้องแก้รากฐานให้เป็นสภาพปัจจุบัน ตอนนี้ประเทศไทยอยู่ในลำดับท้ายๆ จากร้อยกว่าประเทศในโลก ยอมรับว่า น่าอับอายในแง่ของคนไทย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ