แกนนำพรรคพลังประชารัฐ พบสื่อเครือเนชั่น พูดชัดไม่จับมือกับคนที่ทุจริตคอรัปชั่น ชู “พี่ป้อม” เหมาะนั่งนายกรัฐมนตรีที่สุดในสถานการณ์ประเทศแบบนี้ ชี้คุณสมบัติเป็นผู้นำที่รวมคนได้
แกนนำพรรคพลังประชารัฐ พูดตรงกันอย่างชัดเจนและมั่นใจว่า “พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในยุคนี้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี และชัดเจนว่าพรรคจะไม่จับขั้วกับคนที่ทุจริตคอรัปชั่น
ดร.อุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ คือ 1 ในผู้ที่กล่าวเช่นนี้ ในการนำผู้สมัครสส. เขตกรุงเทพ พบปะสื่อในเครือเนชั่น ที่ Town Hall ตึกเนชั่น
โดยนายอตตม ชี้ให้เห็นถึงเหตุผลที่พลังประชารัฐจะได้คะแนนเสียงมาจาก 1. คน คือ ผู้สมัครที่มีคุณภาพ 2. นโยบายที่ตอบโจทย์ และ 3. ทีมงานของพรรคที่นำโดยหัวหน้าพรรค “พี่ป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ”
“ในสถานการณ์ประเทศตอนนี้ พี่ป้อม เหมาะสมที่สุดในการเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะพี่ป้อมเป็นผู้นำที่สามารถรวมคนมากมายหลากหลายมาทำงานด้วยกันได้” นายอุตตม กล่าว
สอดรับกับ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกรุงเทพฯพรรคพลังประชารัฐ ที่พูดเช่นกันว่า ตัวของลุงป้อม มีความเป็นผู้นำ ซึ่งผู้นำไม่ใช่ว่าต้องทำทุกอย่าง ต้องเก่งทุกเรื่อง แต่ผู้นำที่ดีคือผู้นำที่เลือกใช้งานคนให้เป็น
“การที่ลุงป้อม พูดน้อยทำเยอะ หรือแม้แต่การไม่ขึ้นเวทีดีเบตไม่ได้แปลว่าไม่เก่งอะไร หรือจะนำมาเป็นตัววัดให้เสียคะแนนนิยม ดังนั้นเชื่อว่าการพูดเก่งไม่สำคัญเท่ากับการทำงาน”นายสกลธี กล่าว
ขณะที่บรรยากาศในการพบปะสื่อในเครือเนชั่นครั้งนี้ของคณะผู้สมัครสส.กทม.ของพรรคพลังประชารัฐ มี นายฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป นำทีมผู้บริหารให้การต้อนรับ
นายฉาย กล่าวยินดีต้อนรับคณะพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถือเป็นพรรคที่สองต่อจากเพื่อไทยที่ให้เกียรติเดินทางมาพบสื่อเครือเนชั่นก่อนหน้านี้ ในฐานะที่เครือเนชั่นเป็นสถาบันสื่อที่มีความเป็นกลาง ซึ่งเนชั่นยินดีเปิดพื้นที่ให้กับทุกพรรค พร้อมกันนี้ยังได้ฝากอนาคตของประเทศให้กับว่าที่ผู้สมัครหลายท่านที่อาจจะได้เป็นส.ส. ทำงานในสภาผู้แทนราษฎร
นายสกลธี ภัททิยกุล พูดตอนหนึ่งถึงจุดแข็งของทีมผู้สมัครสส.กทม.ของพรรคว่า เรามีตัวบุคคลที่พร้อม มีทั้งคนเก่าในพื้นที่ที่เป็นอดีตสส. อดีตสก. และประธานสข. บวกกับนโยบายสำหรับกทม.ของพรรค ดังนั้นบริบทการเลือกตั้งครั้งนี้เมื่อเทียบกับปี 2562 ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนั้นเป็นพรรคเกิดใหม่แต่ได้สส.กทม.ถึง 12 คน ดังนั้นผลโพลที่ออกมาขณะนี้จึงยังวัดไม่ได้ จึงต้องดูในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง
ด้าน ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พูดช่วงหนึ่งถึงนโยบายของพรรคที่มีความโดดเด่น คือนโยบายลดค่าครองชีพ โดยทีมเศรษฐกิจได้หารือ ในเรื่องของการเน้นลดค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ซึ่งมองไปถึงระยะยาว รวมถึงการจัดหาแหล่งทำกินให้ประชาชนและการพัฒนาอาชีพ
ส่วนแนวโน้มในการจับขั้วการเมืองของพรรคในอนาคตที่สอดรับกับนโยบายพรรคก้าวข้ามความขัดแย้ง ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีจุดยืน ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 62 โดยเรายึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เรามีผู้แทนทุกปัญหาต้องจบในสภาไม่สนับสนุนการสร้างความขัดแย้ง และไม่ทำให้ประชาชนต้องลงถนน ซึ่งพรรคไม่เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร และจะไม่ร่วมกับพวกทุจริตคอร์รัปชั่น
คลิกที่นี่ ชมบรรยากาศ พรรคพลังประชารัฐ พบเครือเนชั่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง