'ประธานรัฐสภา' เชื่อ เลือกตั้งครั้งหน้า เงินสะพัด

ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภากล่าวถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี2566 ว่า น่าจะมีการใช้เงินหรือที่เรียกว่าธุรกิจการเมือง  หนักกว่าเดิม

จากการสำรวจ ชาวบ้านอยากให้แก้เรื่องทุจริตมาเป็นอันดับแรก ซึ่งถ้าการเมืองมาโดยธุรกิจการเมือง สิ่งที่ตามมาคือสังคมที่มาการแสวงหาประโยชน์ โดยไม่ชอบ ไม่ทางตรงและทางอ้อม ถ้าส.ส.ใช้เงินส.ส.เอาเงินมาจากไหน เมื่อมีคนใช้เงินก็ต้องมีผู้ให้เงิน ใครรวยพอที่จะเอาเงินมาใช้ขนาดนั้น

ฉะนั้นต้องช่วยกันถ้าอยากได้รัฐบาลดีก็ต้องเลือกผู้แทนที่ดี อยากได้รัฐบาลที่ซื่อสัตย์ก็ต้องเลือกผู้แทนที่ซื่อสัตย์ เพราะในระบบนี้ฝ่ายนิติบัญญัติคือผู้ที่ตั้งรัฐบาลด้วยเสียงข้างมาก ดังนั้นเมื่อรู้ปัญหานี้ก็อย่ายอมรับ และมีส่วนร่วม

การเลือกตั้งครั้งหน้ามีระบบบัตรเลือกตั้ง2ใบ ทั้งเลือกผู้แทนและพรรคการเมือง ฉะนั้นก็ไม่เลือกพรรคการเมืองที่โกง ไม่เลือกผู้แทนที่ทุจริต เราก็จะได้ผู้แทนที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ

การเลือกตั้งแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เองก็ควบคุมลำบาก ดูจากรายงานเอกสารเป็นไปในทางบวก แต่ชีวิตจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เจ้าหน้าที่เองก็ตามไม่ถึงต้นตอ หรือตามถึงต้นตอแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่สุจริตเสียเองก็มี แต่โดยทั่วไปควบคุมยาก เพราะคนกระทำผิดก็มีวิธีการหลีกเลี่ยง

ชวน ยอมรับว่านักการเมืองก็ไม่ธรรมดา ต้องมีศักยภาพด้านใดด้านหนึ่งเพื่อชนะและได้เข้ามาเป็นส.ส. แต่ถ้าหากว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ ผิดก็ผิด ถูกก็ถูก ถ้าเรามีความเข้มงวดในการใช้กฎหมายคนทำผิดก็ไม่กล้า 

แต่ถ้ากฎหมายหย่อนคนผิดก็ไม่กลัว จึงอยากให้กำลังใจคนปฏิบัติหน้าที่ อยากให้เอาจริงตามกฎหมาย ไม่มีละเว้น เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้บ้านเมืองอยู่รอดในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

"ตลอดระยะเวลา90 ปีรัฐสภา ปัจจุบันบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไป ประชาธิปไตยมีความเข้มแข็งขึ้น ประชาชนมีความเชื่อมั่นและหวงแหนประชาธิปไตยมากขึ้น แต่มีสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาคือการเมืองที่ไม่สุจริต ธุรกิจการเมือง กฎหมายดีอย่างไรถ้าคนใช้ไม่ดีก็มีปัญหา ดังนั้น กฎหมายที่เหมาะสมกับคนที่เหมาะสมจึงต้องไปด้วยกัน"