สดศรียันพนิชยังมีสถานะเป็นส.ส.อยู่

(5ม.ค.) นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เปิดเผยว่า ตามที่ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ ถูกทหารเขมรจับและถูกนำตัวขึ้นสู่กระบวนการศาลนั้น สถานะของนายพนิช ณ วันนี้ นั้น ยังถือว่าเป็น ส.ส.ของประเทศไทยอยู่ เนื่องจากว่า ตามรัฐธรรมนูญประเทศไทย กำหนดว่า ส.ส.จะพ้นจากสมาชิกภาพต้องมีคำพิพากษาของศาลว่ากระทำผิดใน 4 ศาล คือ ศาลยุติธรรม ศาลทหาร ศาลปกครอง และศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรณีนี้อยู่ในศาลยุติธรรมของเขมร จึงต้องนำมาตีความกันอีกครั้งว่าอยู่ในขอบเขตอำนาจของกฎหมายหรือไม่ แต่กรณีศาลต่างประเทศนั้น เคยมีการตีความของกฤษฎีกาก่อนหน้านี้ว่า ถือเป็นศาลเช่นดียวกัน แต่นั่นเมื่อหลายปีก่อน หากจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้คงต้องส่งตีความกันอีกครั้ง

        นางสดศรี กล่าวอีกว่า การตีความว่านายพนิช ยังเป็น ส.ส.อยู่หรือไม่นั้น ทำได้ 2 ช่องทาง คือ มีผู้ร้องเรียนเข้ามาที่ กกต.สามารถประชุมพิจารณาได้ หรือส่งเรื่องไปยังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาเป็นผู้ชี้ขาด สามารถได้ทำได้เช่นกัน ซึ่งคาดว่าเรื่องนี้จะต้องใช้เวลานานพอสมควรในการตีความ และยังไม่มีผู้ใดร้องเรียนเรื่องคุณสมบัติของนายพนิชเข้ามาแต่อย่างใด

"รองผู้ว่าสระแก้ว-กรมแผนที่ทหาร" แจงกมธ.ตป.
 
  เมื่อเวลา 10.00 น. คณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยนายต่อพงษ์ ไชยสาส์น ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณากรณีนายพนิช พร้อมกับพวก 7 คน ถูกทหารกัมพูชาจับกุมในข้อหาหลบหนี้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและแนวทางให้ความช่วยเหลือ โดยเชิญตัวแทนจากกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม และจ.สระแก้ว ให้มาชี้แจง โดยนายชัช กิตตินภดล รองผู้ว่าราชการ จ.สระแก้ว ชี้แจงกับที่ประชุมว่าจุดที่กลุ่มคนไทยถูกจับกุมอยู่ในพื้นที่ทับซ้อนที่จะไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนในบริเวณชมรมหนองจาน ซึ่งเป็นคนละสถานที่กับหมู่บ้านหนองจาน อ.โนนหมากมุ่น จ.สะแก้ว โดยการถูกจับกุมของนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติถือเป็นครั้งที่สองหลังจากเคยพยายามเข้าไปในพื้นที่ที่มีปัญหาและถูกจับกุมเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 53

 ขณะที่ นายอดิศร ปกมนตรี เอกอัครทูตประจำกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า   คาดว่าวันพรุ่งนี้ทางศาลกัมพูชาจะพิจารณาคดีดังกล่าว ด้วยวิธีการไต่สวน ซึ่งจะรวดเร็ว โดยทางกระทรวงการต่างประเทศจึงประสานเอกอัครราชทูตกัมพูชาไว้ ซึ่งหากมีโอกาสก็จะรีบประกันคนไทยทั้งหมดทันที แต่อย่างไรก็ตามเราก็ต้องเคารพกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชาด้วย เพราะที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับประเทศกัมพูชาก็ค่อยๆกระเตื้องขึ้น และ สอง ประเทศก็ต้องการให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี และพร้อมทั้งจะเคารพตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ

 ด้านพลตรีนพดล โชติศิริ รองเจ้ากรมแผนที่ทหาร กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุคนไทยถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 53 กระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปวัดพิกัดเพื่อกำหนดจุดที่ถูกจับกุมว่าอยู่ในพื้นที่ใด โดยเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สำรวจในวันที่ 31 ธ.ค. ผลการวัดพิกัดสำรวจพบว่าจุดที่คณะของนายพนิชถูกจับกุมอยู่ที่หน้าซุ้มประตูวัดโจกเจีย ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างจากหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 เข้าไปในประเทศกัมพูชา   55 เมตร และอยู่ก่อนถึงทางเข้าวัดโจกเจียประมาณ 350 เมตร ทั้งนี้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนที่จะอยู่ระหว่างการหาข้อยุติเรื่องการปักปันเขตแดน โดยชั้นต้นอยู่ในขั้นสำรวจปักปันเขตแดนการที่กลุ่มคนไทยเข้าไปในพื้นที่อาจเกิดขึ้นได้โดยน่าจะเป็นเข้าใจผิด  

 ขณะที่นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า   จากฟังคำชี้แจงจากฝ่ายทหารดูเหมือนว่าทั้ง 7 คนไม่ได้เข้าไปบุกรุกเข้าไปยังประเทศกัมพูชา ซึ่งเรื่องนี้ถือว่ามีความละเอียดอ่อนและมีความไม่ไว้วางใจเกิดขึ้น เพราะได้มีภาพถ่ายวีดีโอที่บอกว่าทั้ง 7 คนเข้าไปถึงจุดหวงห้ามแล้วและถ้าเดินไปต้องถูกจับแน่นอน และระบุด้วยว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯรับทราบว่าเข้าไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว ดังนั้นตนอยากให้ยอมรับเมื่อผิดก็ต้องยอมรับผิด ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นประเด็นใหญ่โต และเกรงว่าจะมีการจุดชนวนให้กลายเป็นเรื่องระดับชาติ   ตนไม่อยากให้มีการลากคนไทยเข้าไปเผชิญหน้ากับเรื่องนี้ ดังนั้นจึงไม่ควรให้ข่าวว่าพวกเขาไม่ผิดแล้วก็อยู่ในพื้นที่ประเทศไทย

 ขณะที่นายอนุสิษฐ คุณากร รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า ปัญหาการละเมิดอธิปไตยมีอยู่อย่างต่อเนื่องระหว่างไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในส่วนการเข้าไปดูแลเรื่องนี้ได้ยึดผลประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องชมรมบ้านหนองจาน ที่เกิดขึ้นยืนยันว่าไม่มีเจตนาบุกรุกอย่างแน่นอน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามปกติของชายแดนที่หลักเขตแดนไม่ชัดเจน ดังนั้นไม่ควรยกระดับนำมาเป็นปัญหาระหว่างประเทศ สำหรับรัฐบาล ฝ่ายบริหารก็ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง   ซึ่งขอยืนยันว่าไม่อยากให้ใช้เรื่องนี้มาหาประโยชน์   เพราะเรื่องกระบวนการตัดสินว่าผิดหรือถูกนั้น มีกฏหมายดูแลในเรื่องนี้อยู่แล้ว จึงไม่ควรนำมาขยายผลให้เกิดความรุนแรง  ในส่วนเรื่องเชิงนโยบาย เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา ครม. มีมติแแต่งตั้งคณะกรรมการเจบีซีชุดใหม่ขึ้นมาเพื่อจะสานต่อการทำงานในช่วงที่ผ่านมา

"อธิบดีกรมสารนิเทศกต."ลั่นกต.พร้อมช่วย

 นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ในพรุ่งนี้ 08.00 น. ศาลกัมพูชานัดไต่สวน 7 คนไทยนัดแรก โดยจะไต่สวนเป็นรายบุคคล ซึ่งหากใครไต่สวนเสร็จสิ้นก็สามารถประกันตัวได้ก่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ทราบลำดับรายชื่อว่าใครได้ไต่สวนก่อนหลัง โดยสถานเอกอัครราชทูตพร้อมให้การสนับสนุน โดยกงสุลยืนยันว่าจะช่วยเหลือทุกคนทัดเทียมกัน โดยไม่ได้ให้ความสำคัญกับใครเป็นพิเศษ โดยนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพิเศษ