ข่าว

จ่อหมายจับแก๊งถ่าย-แพร่คลิปยุบพรรค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

กองปราบฯ เตรียมออกหมายจับแก๊งถ่าย-แพร่คลิปยุบพรรค “พสิษฐ์" ส่อโดนข้อหาดูหมิ่น-ขัดขวางการพิจารณาของศาล ชี้ผลสอบเบื้องต้นพบคำบรรยายในคลิปมั่ว "วสันต์ สร้อยพิสุทธิ์" บ่นปัญหาเยอะ เบื่อไม่อยากเป็นตุลาการแล้ว ด้าน ปชป.ยื่นเอกสารแถลงปิดคดี แจง 5 ประเด็น เล็งทำ

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม พล.ต.ต.ปัญญา มาเม่น รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนกรณีการเผยแพร่คลิปล็อบบี้ไม่ให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ และคลิปการประชุมหารือของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน พนักงานสอบสวนกองปราบฯ กำลังดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเตรียมออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องในการกระทำความผิด ซึ่งจะมีการนำพยานหลักฐานที่ได้มาประชุมกันในวันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 10.00 น. ที่กองปราบปราม เบื้องต้นนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญ อาจเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 198 ฐานดูหมิ่น ขัดขวางการพิจารณาของศาล ขณะนี้ทราบว่าหลบหนีไปแล้ว ซึ่งก็ต้องทำการสอบสวนต่อว่านายพสิษฐ์เข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร และมีใครที่เกี่ยวข้องกับนายพสิษฐ์อีกบ้าง

 พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวต่อว่า ตอนนี้ทางตำรวจต้องไปดูเรื่องเนื้อหาของคลิปทั้ง 5 คลิป ซึ่งได้ส่งให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบว่ามีการดัดแปลงตัดต่อหรือไม่อย่างไร เบื้องต้นพบว่าคำบรรยายมีการดัดแปลง ซึ่งเป็นเท็จ โดยเฉพาะคลิปที่มีภาพของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีนั้น เป็นการไปมอบรางวัล ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น นอกจากนั้นเราก็ต้องสืบหาไปถึงคนทำคลิปทั้ง 5 คลิป คนเผยแพร่ คนถ่าย ซึ่งบุคคลที่ร่วมขบวนการเหล่านี้ถือว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และความผิดต่อเจ้าพนักงาน ฐานเปิดเผยความลับทางราชการ ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ส่วนคนที่นำไปโพสต์ต่อเนื่องก็ได้มอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บก.ปอท.) ไปสืบสวนสอบสวน และได้ทำหนังสือถึงกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เพื่อร้องต่อศาลให้บล็อกการเผยแพร่คลิปดังกล่าวแล้ว

 ผู้สื่อข่าวถามว่า ลำบากใจในการทำงานหรือไม่ เพราะดูเหมือนฝ่ายการเมืองจะมีธงมาแล้วว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า ไม่ลำบากใจอะไร ก็ทำไปตามข้อเท็จจริง สามารถอธิบายทุกฝ่ายได้ อยากฝากเตือนประชาชนว่า อย่านำไปเผยแพร่ เพราะจะเข้าข่ายความผิดด้วย

 ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ดำเนินคดีกับกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำและเผยแพร่คลิป และบุคคลที่เข้าข่ายข่มขู่คุกคามศาลรัฐธรรมนูญ

กก.ศาลฯมั่นใจไม่ต้องขยายเวลาสอบ

 ส่วนที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ นายสนิท จรอนันต์ ประธานกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีการเผยแพร่คลิปการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยภายหลังการประชุมนัดที่ 3 ว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมที่ลงลึกในส่วนของรายละเอียดที่คณะกรรมการได้กำหนดไว้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดและความคืบหน้าได้ เพราะจะทำให้เสียรูปคดี หลังจากนี้คาดว่าจะประชุมอีก 2 ครั้ง และน่าจะได้ข้อสรุปตามกรอบเวลาที่ตุลาการกำหนดไว้คือ 15 วัน ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการขยายเวลาสอบเพิ่มเติมแต่อย่างใด

"วสันต์"เปรยเบื่อเป็นตุลาการ

  นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวหาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตั้งบุตร และหลาน นั่งเลขานุการหรือให้เป็นที่ปรึกษา ซึ่งอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และอาจสร้างความเสียหายแก่ราชการจนตุลาการไม่กล้าลงโทษได้ว่า ตุลาการจำเป็นต้องตั้งคนที่ไว้ใจได้มาก มาทำหน้าที่

 ส่วนกรณีที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญแจ้งความดำเนินคดีผู้ให้ข่าวผ่านทางสื่อว่าศาลได้รับใบสั่งไม่ให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายวสันต์ กล่าวว่า เรื่องการแจ้งความดำเนินคดีเป็นเรื่องของสำนักงาน โดยนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนไม่ทราบว่าทางเลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการในขณะนี้แล้วหรือยัง แต่เข้าใจว่าทางสำนักงานจะต้องแจ้งความต่อกองปราบปราม หรือไม่ก็ สน.ทุ่งสองห้อง ก็เป็นได้ แต่ขอให้แจ้งความไปก่อน เพื่อให้พนักงานสอบสวนได้ไปสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดที่ให้ข่าวที่ผ่านมาทำให้ศาลเสียหาย ส่วนกรณีที่ระบุถึงหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับนั้น คงไม่ถึงขั้นที่สำนักงานจะฟ้องสื่อ แต่ก็ต้องเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการต่อไป รวมถึงกรณีที่จะถอนพาสปอร์ตข้าราชการของนายพสิษฐ์ ศักดาณรงค์ อดีตเลขานุการประธานศาลรัฐธรรมนูญด้วย ที่เลขาธิการสำนักงานจะเป็นผู้แจ้งต่อกระทรวงการต่างประเทศ แต่ถ้าเลขาธิการไม่พูดอีกก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ขณะนี้มีกระแสสังคมกดดันให้นายชัช ชลวร ประธานศาลรัฐธรรมนูญ แสดงความรับผิดชอบต่อกรณีนายพสิษฐ์ทำตัวไม่เหมาะสมนั้น นายวสันต์ กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งตุลาการคงไม่สามารถไปทำอะไรได้

 "ขณะนี้ผมเริ่มมีความรู้สึกเบื่อการเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว อีกทั้งขณะนี้มีเพื่อนผมมายุว่า จะลาออกจากตุลาการก่อนเพื่อนหรือเปล่า แต่ตอนนี้ยังไม่รู้ ตอบไม่ได้ว่าจะลาออกหรือไม่ แต่เบื่อปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เพราะอย่าลืมว่าผมมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเงินเดือนน้อยกว่าเป็นผู้พิพากษาอาวุโสเสียอีก แต่ผมมาเป็นตุลาการศาลเพราะเพื่อนฝูงผลักดัน" นายวสันต์ กล่าว
 
ปชป.ยื่นแถลงปิดคดี-ทำปกขาวแจก

 เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 ตุลาคม นายราเมศร รัตนะเชวง หนึ่งในทีมกฎหมายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ได้นำเอกสารคำแถลงปิดคดีจำนวน 172 หน้า พร้อมสำเนาอีก 12 ชุด มายื่นต่อสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ โดยเจ้าหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาตรวจสอบเอกสารกว่าครึ่งชั่วโมง

 ภายหลังจากยื่นเอกสารเสร็จสิ้น นายราเมศรเปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายชวน หลีกภัย ในฐานะหัวหน้าทีมต่อสู้คดี ให้นำคำแถลงปิดคดีมายื่น ซึ่งในคำแถลงปิดคดีได้ชี้แจงถึงประเด็นตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ครบถ้วนว่า พรรคไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมืองที่มีอายุยืนยาวที่สุดของประเทศ และยึดมั่นความถูกต้อง ซื่อสัตย์ สุจริต เป็นหลักในการทำงาน เราเชื่อมั่นว่าการต่อสู้ของพรรคที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งไม่ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมาอย่างไรก็พร้อมจะน้อมรับ

 นายราเมศร กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์จะแถลงประเด็นเนื้อหาของคำแถลงปิดคดีให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง และจะได้จัดทำคำแถลงปิดคดี รวบรวมเป็นรูปเล่ม เพื่อแจกให้พี่น้องประชาชนที่สนใจได้รับทราบต่อไป อีกทั้งภายใน 1-2 วันนี้ นายชวนจะมีการประชุมเพื่อที่จะสรุปคำแถลงด้วยวาจาที่ต้องมาแถลงต่อศาลในวันที่ 29 พฤศจิกายน รวมทั้งกำหนดตัวบุคคลว่าใครจะเป็นผู้แถลงปิดคดี
เปิดคำแถลง 5 ประเด็น

 แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์เปิดเผยถึงเนื้อหาคำแถลงปิดคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ว่า พรรคได้ชี้แจงในเนื้อหาคำแถลงปิดคดีทั้งหมด 5 ประเด็น ประเด็นที่ 1 คือ กระบวนการก่อนที่เรื่องจะมาที่ศาลรัฐธรรมนูญนั้นชอบหรือไม่ โดยแบ่งเป็นในชั้นของดีเอสไอ พรรคได้ชี้แจงให้ศาลเห็นว่า ดีเอสไอไม่มีอำนาจรับคดีนี้ ตาม พ.ร.บ.พรรคการเมือง ทั้งปี 2541 และปี 2550 แต่ต้องเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง คือ ประธาน กกต. ซึ่งเท่ากับว่ากระบวนการก่อนมาถึงศาลนั้นไม่ชอบ และในชั้นของ กกต.นั้น พ.ร.บ.พรรคการเมือง ทั้งปี 2541 และปี 2550 ระบุว่า อำนาจในการอนุมัติการเงินการบัญชีของแต่ละพรรคการเมืองอยู่ที่คนเดียว คือ นายทะเบียนพรรคการเมือง หมายถึงประธาน กกต. ซึ่งบัญชีการเงินของพรรคในปี 2548 ประธาน กกต.ได้ลงความเห็นว่า บัญชีการเงินของพรรคชอบ ดังนั้นเรื่องต้องจบอยู่ตรงนั้น

 ประเด็นที่ 2 ควรใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2541 หรือปี 2550 โดยพรรคชี้แจงว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อปี 2548 จึงควรต้องใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2541 หากพรรคมีความผิดจริงก็ถูกยุบพรรค แต่กรรมการบริหารพรรคไม่ถูกตัดสิทธิ์ และถ้าหากใช้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองปี 2550 และพิจารณาว่าพรรคผิดจริงก็ต้องถูกยุบพรรค และกรรมการบริหารพรรคที่เกี่ยวข้องเท่านั้นจะถูกตัดสิทธิ์ ประเด็นที่ 3 พรรคใช้เงินที่ได้รับจาก กกต.เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งในการเปลี่ยนขนาดป้ายมีการติดต่อขออนุมัติจาก กกต. ถ้าพิจารณาว่าพรรคทำผิดก็เพียงแค่พรรคต้องส่งเงินคืนให้แก่ กกต. แต่จนถึงขณะนี้ กกต.ไม่เคยเรียกเงินคืน ประเด็นที่ 4 บัญชีการเงินของพรรคทำถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ซึ่งพรรคได้ชี้แจงให้เห็นว่า บัญชีการเงินที่พรรคจัดทำนั้น ทั้งหมดเป็นไปอย่างถูกต้อง และประเด็นที่ 5 หากพรรคมีความผิดจะยุบพรรคหรือตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคคนใดบ้าง ซึ่งพรรคชี้แจงว่า พ.ร.บ.พรรคการเมือง ไม่เหมือนกับ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ถ้าหากพิจารณาว่าพรรคมีความผิดก็ควรที่จะตัดสิทธิ์เฉพาะบุคคลที่เกี่ยวข้อง

 นอกจากนี้ พรรคยังแนบเอกสารของ กกต.ที่ระบุว่า หากใช้เงินกองทุนสนับสนุนพรรคการเมืองผิดวัตถุประสงค์จะต้องส่งเงินคืนให้แก่ กกต. แนบท้ายคำแถลงปิดคดี ให้แก่ศาลรัฐธรรมนูญด้วย

"ชวน"วอนอย่ากดดันศาลรธน.

 นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเพื่อต่อสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงการยื่นคำแถลงปิดคดียุบพรรคว่า จากการทำงานที่ผ่านมานั้น รู้สึกพอใจในภาพรวมของทีมกฎหมายที่ได้ต่อสู้ในคดียุบพรรค โดยเฉพาะในเอกสารคำแถลงปิดคดีที่ได้พิจารณาโดยละเอียดและรอบคอบ

 ส่วนการเตรียมใจรับกับคำตัดสินนั้น นายชวน กล่าวว่า เราไม่ต้องการให้ใครมาพูดล่วงหน้าว่าจะชนะหรือแพ้ เพราะถือว่าเป็นการกดดันการพิจารณาของศาล ซึ่งสุดท้ายแล้วจะอยู่ที่องค์คณะของศาลที่จะเป็นผู้พิจารณา แม้ว่าเวลานี้ศาลจะยังไม่ได้นัดหมายเวลาที่จะพิพากษา แต่ส่วนตัวยังมั่นใจในแนวทางการต่อสู้ในคดีนี้ของพรรคที่ผ่านมา

 

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ