ข่าว

ปมถวายสัตย์จบ ศาลลงมติเอกฉันท์ไม่รับวินิจฉัย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

มติเอกฉันท์ ศาลรธน.ไม่รับคำร้องตีความถวายสัตย์ ขัดรธน. ชี้เป็นเรื่องความสัมพันธ์ฝ่ายบริหารกับสถาบัน ไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด  

 

               
            11 ก.ย.62-ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ ไม่รับคำร้องที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งคำร้องของนายภาณุพงศ์  ชูรักษ์  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา  213  ว่า  การที่พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรี  และคณะรัฐมนตรี  ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา  161  เป็นการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ  ใช้บังคับไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา  5  วรรคหนึ่ง  และเป็นการกระทำที่ละเมิดต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้ร้องเรียน ไว้พิจารณาวินิจฉัย  เนื่องจากเห็นว่า แม้นายภานุพงศ์ จะอ้างว่าถูกละเมิดสิทธิ และเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ แต่ตามพ.ร.ป.ว่าด้วย วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  พ.ศ.  2561  มาตรา  47(1) บัญญัติว่า  "การใช้สิทธิยื่นคำร้องตามมาตรา  46  ต้องเป็นการกระทำที่เป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพอันเกิดจากการกระทำของหน่วยงานของรัฐ  เจ้าหน้าที่ของรัฐ  หรือหน่วยงานซึ่งใช้อำนาจรัฐ  และต้องมิใช่เป็นกรณีอย่างหนึ่งอย่างใด  ดังต่อไปนี้  (1)  การกระทำของรัฐบาล"  และมาตรา  46 วรรคสาม  บัญญัติว่า  "...  ถ้าศาลเห็นว่าเป็นกรณีต้องห้ามตามมาตรา  47 ให้ศาลสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา

 

 

                ศาลรัฐธรรมนูญ เห็นว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณ ต่อพระมหากษัตริย์เป็นการกระทำทางการเมือง  (Political Issue)  ของคณะรัฐมนตรีในฐานะที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฝ่ายบริหารในความสัมพันธ์เฉพาะกับพระมหากษัตริย์  อันอยู่ในความหมายของการกระทำของรัฐบาล  (Act of Government)  ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ  พ.ศ.2561  มาตรา  47(1)  ศาลรัฐธรรมนูญจึงไม่อาจรับคำร้องไว้พิจารณาได้ ตามมาตรา  46  วรรคสามได้

 

                นอกจากนี้เมื่อวันที่  16 ก.ค. 62 เวลา 17.45 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายกรัฐมนตรี  นำคณะรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง  เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเข้ารับหน้าที่  ณ  พระที่นั่งอัมพรสถาน  พระราชวังดุสิต  หลังจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณจบ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรัส  เพื่อให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีได้น้อมนำไปเป็นแนวทางในการบริหารราชการแผ่นดิน  และต่อมาเมื่อวันที่  27  สิงหาคม 2562  เวลา  09.00 น.นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีได้เข้ารับพระราชดำรัสในโอกาส เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ซึ่งพระราชทานเป็นลายลักษณ์อักษร  พร้อมทั้งทรงลงพระปรมาภิไธยโดยเข้ารับต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์  ณ  ห้องรับรอง  ชั้น  5 ตึกบัญชาการ  ทำเนียบรัฐบาล  การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ดังกล่าวจึงไม่อยู่ในอำนาจการตรวจสอบขององค์กรตามรัฐธรรมนูญใด
 
 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ