ข่าว

"ศรีอัมพร" วิพากษ์นโยบายเศรษฐกิจรัฐ ส่อเดินหลงทาง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศรีอัมพร" ห่วงเน้นส่งออก-GDP ละเลยส่งเสริมจุดแข็งเกษตรกรไทย ผลิตสินค้า Champion of Product ยกสมุนไพรไทยต่างชาตินิยม ราคาดี คู่แข่งน้อย น้ำมันกัญชาพัฒนาได้

 

           เมื่อวันที่ 25 ส.ค.62 - นายศรีอัมพร ศาลิคุปต์ ผู้พิพากษาอาวุโส กล่าวแสดงความเห็นส่วนตัวพร้อมแสดงข้อห่วงใย ถึงการเสนอนโยบายของฝ่ายรัฐบาลเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาเป็นข่าวใหญ่ในเรื่องการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือที่เรียกว่า GDP , การเร่งส่งเสริมหารายได้เข้าประเทศทางการท่องเที่ยวโดยการเสนอให้เปิดการยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าเข้าประเทศของพลเมืองจีนและอินเดีย เพื่อเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวหารายได้เข้าประเทศ ทดแทนการส่งสินค้าออกที่มีปัญหาหดตัวจากเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าระหว่างจีนสหรัฐ , การขอให้รัฐอนุโลมให้สถานบันเทิงเปิด ถึงเวลา 04.00 น. , การหามาตรการช่วยเหลือการส่งสินค้าออกนอกประเทศเพราะกลัวการพลาดเป้าส่งออก ,โครงการถมทะเลบริเวณแหลมฉบัง อีก 300 ไร่เพื่อให้ บริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ลงทุนประกอบอุตสาหกรรมด้านปิโตรเคมี ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมใหญ่เกี่ยวกับด้านน้ำมันและผลิตผลจากการผลิต-กลั่นน้ำมัน มาเป็นโพลีพลาสติก เป็นต้น รวมทั้งมาตรการการประกันราคาพืชผลเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร และการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินคนจน

 

          โดย นายศรีอัมพร กล่าวว่า นโยบายของรัฐเหล่านี้ดูเผินๆ ก็อาจจะเข้าใจว่าเป็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจตามหลักวิชาการ อีกทั้งยังมีนักวิชาการกูรูและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติตามนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลออกมาอธิบายถึงประโยชน์ได้-เสียที่รัฐนำนโยบายไปปฏิบัติเป็นแผนงานต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชน และทำให้เศรษฐกิจของประเทศชาติเข้มแข็ง

 

          แต่หากจะวิเคราะห์เข้าถึงเนื้อในของนโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐในขณะนี้แล้วเป็นเรื่องที่น่าตกใจว่า วิสัยทัศน์และมุมมองความเห็นถ้าเป็นการหลงทาง หรือเป็นการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจที่ผิดพลาดและสุ่มเสี่ยงต่อการทำให้สถานะเศรษฐกิจของประเทศตกสู่หล่มหรือกับดักของวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ภายในไม่ถึง 2 ปี ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้เพราะหากวิเคราะห์เจาะลึก โครงสร้างการผลิตของประเทศแล้ว พบว่าเรามี โครงสร้างอยู่ที่สำคัญ 2 อย่าง คือ 1.เกษตร ซึ่งเป็นบุคคลส่วนใหญ่ของประเทศ 2.ภาคอุตสาหกรรมและการค้า ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้ประกอบการมีไม่เกิน 5% และเมื่อดูโครงสร้างการผลิตอุตสาหกรรมไทย คงเป็นอุตสาหกรรมที่ไม่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ขาดการวิจัยและพัฒนาไม่ว่าอุตสาหกรรมหนักหรือเบา , อุตสาหกรรมเคมี และเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ หรือเครื่องมือทางการแพทย์ ก็ไม่ได้มีความก้าวหน้าทัดเทียมประเทศชั้นนำอื่นๆ ดังนั้นมูลค่าสินค้าจึงต่ำ และยากแก่การแข่งขันกับประเทศต่างๆ ที่มีระดับอุตสาหกรรมเช่นเดียวกัน

 

          สำหรับภาคเกษตรของประเทศไทย ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นเกษตรกร จะทำเกษตรมากที่สุดก็พบว่ามีรายได้ต่ำ และไม่สามารถเพิ่มผลผลิตให้สูง ไม่สามารถลดต้นทุนได้เทียบเท่าประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซียและอินโดนีเซีย อาทิ การปลูกปาล์มน้ำมัน , ยางพารา หรือการปลูกข้าวเราก็สู้เวียดนามและจีนไม่ได้ เพราะเรามีเทคโนโลยีการเกษตรที่ต่ำกว่าจนไม่สามารถพัฒนาพืชผลให้เทียบเท่ากับประเทศอื่น ตัวอย่างผักผลไม้เราก็ไม่สามารถผลิตสู้ประเทศจีนได้ดังจะเห็นได้ว่าในแต่ละปีประเทศจีนจะส่งผักผลไม้มาขายในประเทศไทย กว่า 1 ล้านตัน โดยผลิตผลดังกล่าวมีคุณภาพดี ราคาถูกกว่า เช่น กระเทียม , แครอท ผลไม้ ก็มีราคาถูกกว่าประเทศไทยทั้งสิ้นเนื่องจากกระบวนการจัดการการผลิตและเทคโนโลยีสูงกว่าอันเป็นจุดแข็งของเขา จนผลิตผลของประเทศไทย แข่งขันไม่ได้ต้องตั้งกำแพงภาษีหรือจำกัดจำนวนนำเข้า หรือจำกัดเขตการจำหน่าย เป็นต้น

 

          นายศรีอัมพร เห็นว่า ปัญหาของรัฐที่ต้องตั้งโจทย์มีว่า อะไรที่เป็นจุดแข็งของกระบวนการการผลิตของประเทศไทย ที่จะสามารถนำไปแข่งขันและสู้กับประเทศอื่นได้ ในขณะที่เศรษฐกิจของโลกกำลังมีปัญหา และยังมีปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐอันมีผลกระทบต่อการส่งออกของไทย ซึ่งไทยต้องแก้ ปัญหามันเป็นโจทย์ที่ยากยิ่ง จึงขอถามว่าอะไรที่เป็นจุดแข็งของสินค้าไทยที่จะนำไปแข่งขันกับประเทศอื่น ท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีมรสุม และมีกูรูทำนายว่าอาจเกิดเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ภายในไม่เกิน 3-5 ปีนี้

 

          รัฐบาลและคนไทย กลับลืมปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ให้ไว้ตั้งแต่ปี 2543 คือเราไม่พยายามสร้างความเข้มแข็งให้ประชาชนคนไทยทั้งภาคเกษตรและภาคอุตสาหกรรม เราไม่เคยค้นคว้าหรือหาจุดแข็ง หรือความสามารถทางการแข่งขันกับประเทศอื่นทั่วโลก เราไม่ได้ศึกษาและวิจัยในเรื่องการผลิตสินค้าหรือบริการ ตลอดจนภาคเกษตรและเกษตรอุตสาหกรรมว่าสินค้าใดเป็นสินค้าที่เป็นจุดแข็ง และสู้เขาได้ 

 

          นายศรีอัมพร กล่าวอีกว่า สินค้าและบริการที่เป็นจุดแข็ง คือสินค้าที่เราสามารถผลิตได้โดยเทคโนโลยีของเราเอง มีราคาสูง มีคุณภาพสูงและประเทศอื่นไม่สามารถผลิตเพื่อแข่งขันได้ จะขอยกตัวอย่างเช่น ขณะนี้เราได้พบว่าน้ำมันกัญชา เป็นพืชทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยมีความสามารถสูงในการปลูกผลิต และสกัดทำน้ำมันกัญชาเพื่อนำไปใช้เป็นยารักษาโรคที่มีประสิทธิภาพสูง ที่สามารถสู้ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์จากชาติยุโรป , สหรัฐอเมริกา , ญี่ปุ่นและจีนได้ แต่รัฐก็ไม่มีวิสัยทัศน์หรือความกล้าที่จะนำจุดแข็งของประเทศไทย มาเป็น การผลิตสินค้า เพื่อเป็นสินค้าชนิด Champion Products และสามารถส่งออกเป็นมูลค่าสูงหลายล้านล้านบาทต่อปีได้ อันเนื่องจากความหวาดระแวง , ความ ขี้ขลาดและไม่กล้าหาญของผู้นำประเทศ ที่จะกล้าตัดสินใจให้ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตสินค้าประเภท Champion of Product คือน้ำมันกัญชา ให้เป็นอุตสาหกรรม

 

          นายศรีอัมพร กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้การที่ประเทศไทยกลับไปส่งเสริมเกษตรกรรมประเภทที่เราสู้เขาไม่ได้ เช่นส่งเสริมให้ปลูกผลผลิตประเภทกระเทียม , ถั่วเหลือง , น้ำมันปาล์ม และยาง แทนที่จะ ส่งเสริมให้เกษตรกรหันไปปลูกพืชที่สามารถแข่งขันและผลิตเป็นสินค้าชั้นสูงได้กลับไม่กระทำ แต่กลับไปรับจำนำสินค้าเกษตรบ้าง ประกันราคาพืชผลบ้าง ทั้งๆที่สินค้าเหล่านี้เราไม่สามารถที่จะส่งออกหรือแข่งขันในการส่งออกได้ ทั้งราคาก็ต่ำไม่คุ้มค่า สิ่งที่ลูกค้าทั่วโลกต้องการก็คือ ยาสมุนไพรที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการผลิต ตลอดจนมีวัตถุดิบมากเนื่องจากประเทศไทยมีพืชสมุนไพรและพืชอื่นๆ ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ สามารถนำไปผลิตยาที่มีคุณภาพสูง และมีผลข้างเคียงน้อยอันเป็นที่นิยมของตลาดโลก แต่รัฐก็ไม่ส่งเสริมและระดมทุนในการวิจัยพัฒนา ทั้งที่สินค้าประเภทนี้ตลาดโลกต้องการสูง , ราคาสูง และไม่มีคู่ต่อสู้ที่จะมาแข่งขันกับเราได้ แต่ประเทศไทยก็ไม่ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาสนใจปลูกและผลิตยาสมุนไพรแต่อย่างใด      

 

          "คนไทยเก่งในการปลูกไม้ดอกไม้ประดับ และสามารถผลิตต้นกล้าพันธุ์ที่เป็นสินค้าอันมีคู่แข่งขันน้อย มีราคาสูง และสามารถเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ แต่ก็ไม่ปรากฏการส่งเสริมของรัฐแต่อย่างใด คนไทยมีฝีมือ หรือศิลปะในการผลิตสินค้าชนิด Handmade การวิจัยพัฒนา ประกอบการฝึกอาชีพและฝีมือสามารถทำให้สินค้าประเภทนี้สามารถแข่งขันกับสินค้าประเทศอื่นได้ ก็ไม่ได้สนใจในการส่งเสริมการลงทุนประเภทนี้ ด้านการแพทย์แผนโบราณของไทย เราก็สามารถผลิตยาไทยที่มีคุณภาพทัดเทียมยาแผนปัจจุบัน สามารถส่งเสริมการลงทุนและส่งออกได้โดยง่าย โดยมีราคาสูง มีผลข้างเคียงน้อย การรักษาด้วยวิชาการนวดแผนโบราณ และการรักษาด้วยสปาเราก็สามารถแข่งขันได้ และยังเป็นการส่งออกซึ่งสินค้าและบริการได้ด้วย" นายศรีอัมพร กล่าว


          อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าการเกษตรและเพื่อการผลิต รัฐจะละเลย แม้สินค้าประเภทนี้เราจะสู้เขาไม่ได้แต่เราต้องการการพึ่งพาตนเองในเรื่องความมั่นคงทางอาหารและการผลิตสินค้าเพื่อใช้ภายในประเทศเป็นหลัก ส่วนการส่งออกนั้นก็ไม่ควรจะส่งเสริมให้มากเกินไป เพราะอย่างไรก็ตามผลตอบแทนมีต่ำกว่าสินค้าที่ เป็นจุดแข็งของประเทศ โดย GDP และการส่งออกไม่ควรเป็นเป้าหมายที่สำคัญของประเทศ แต่รัฐต้องคำนึงถึงตัวเลขเศรษฐกิจว่าควรขยายตัวเพียงใด , ตัวเลข GDP มากหรือน้อย หรือสถิติการส่งออกควรขยายตัวเพียงใด เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่ตัวชี้วัดหรือบ่งชี้ถึงความสำเร็จในการบริหารงานของรัฐ

 

          นายศรีอัมพร มองว่า นโยบายเศรษฐกิจที่แท้จริงต้องไม่ให้ประเทศไทยพึ่งพาการส่งออก ไม่ต้องพึ่งพา ตัวเลข GDP ที่บรรดาผู้ประกอบการและเศรษฐีเพียงไม่ถึงร้อยละ 50 ของประเทศเป็นเจ้าของ แต่ต้องทำให้ประชาชนในประเทศมีความเข้มแข็งในการประกอบกิจการงานมีรายได้ที่สมควรพอกินพออยู่ มีความมั่นคงทางอาหาร อย่าไปส่งเสริมให้มีเศรษฐีใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แต่ต้องทำให้ประชาชนรากหญ้าสามารถพึ่งพาตนเองได้โดยไม่ต้องเอาเงินมาแจกประชาชนเหมือนประชาชนเป็นคนขอทาน การกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดเศรษฐีใหม่อีก 1-2 % คงไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง หากรัฐบาลสามารถทำให้ประชาชนเข้มแข็งและพึ่งพาตนเองได้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในการบริหารราชการแผ่นดิน เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนรวยได้ แต่อย่าพยายามใช้งบประมาณอย่างล้างผลาญเพื่อตัวเลข GDP การเติบโตทางเศรษฐกิจว่าด้วยการส่งออกและ การได้เปรียบดุลการค้า เพราะสิ่งนั้นไม่ใช่ภาพที่แท้จริงของเศรษฐกิจประเทศไทย


         

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ