ส.ว. ท้วงกันเอง เขียนคำปรารภข้อบังคับประชุม ส่อขัดรธน. ปมทำงาน ใต้แผนยุทธศสตร์ชาติ
"ส.ว." ท้วงกันเอง เขียนคำปรารภข้อบังคับประชุม ส่อขัดรธน. ปมทำงาน ใต้แผนยุทธศาสตร์ชาติ "ปธ.ข้อบังคับ" ยันไม่ขัด ก่อนโหวตใช้เนื้อหาตามที่กมธ. เขียน ส.ว.เร่งผ่านข้อบังคับ วันแรก ผ่าน 77 ข้อ จากทั้งหมด 196 ข้อ
ที่ประชุมวุฒิสภา ที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมได้พิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา พ.ศ.... หลังจากที่ คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ส.ว. ฐานะประธานกมธ.ฯ ได้พิจารณาแล้วเสร็จ สำหรับร่างข้อบังคับการประชุมส.ว. มีทั้งสิ้น 196 ข้อ โดยมีประเด็นที่กมธ. แก้ไขจำนวน 47ข้อ และเพิ่มเติมใหม่ 9 ข้อ นอกจากนั้นได้ตัดเนื้อหาออกจำนวน 10 ข้อ ทั้งนี้มี กมธ. สงวนความเห็นทั้งสิ้น 7 คนและมีส.ว. เสนอและสงวนคำแปรญัตติทั้งสิ้น 8 คน
สำหรับการพิจารณาและอภิปรายของส.ว. มีเนื้อหาที่น่าสนใจ อาทิ ในส่วนของคำปรารภ ที่กำหนดกรอบการทำงาของส.ว. ซึ่งกมธ. ได้ตัดถ้อยคำว่า "คำนึงถึงความประหยัดและความคุ้มค่า และเป็นไปโดยมีแบบแผนและยุทธศาสตร์ชาติที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนการปฏิรูป" ทำให้ถูกท้วงติง โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายโดยตั้งข้อสังเกตว่าเมื่อตัดคำว่าประหยัดและคุ้มค่า เชื่อว่าส.ว.จะถูกประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าอาจใช้งบประมาณในทางที่ไม่เหมาะสม จากเหตุการณ์ในอดีตที่พบว่ามีการจัดงบประมาณเพื่อท่องเที่ยว โดยอ้างว่าไปศึกษาดูงาน ดังนั้นฐานะเป็น ส.ว.ชุดรแกควรสร้างบรรทัดฐาน โดยไม่ใช้ภาษีอากรของประชาชนในทางที่ไม่เหมาะสม ส่วนกรณีที่ระบุว่าทำงานให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ตนเชื่อว่าเป็นเนื้อหาที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดบทบาทให้ส.ว. มีหน้าที่ติดตาม ตรวจสอบและเร่งรัดงานปฏิรูป ตามหมวด 16 ของรัฐธรรมนูญ ดังนั้นควรแก้ไขให้ถูกต้องและไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ
ทั้งนี้นายสุรชัย ชี้แจงว่าเนื้อหาที่ถูกท้วงติงไม่ได้ทำให้เนื้อหาของข้อบังคับฯ ขัดกับรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทั้งนี้ข้อกำหนดที่ระบุว่าให้การทำงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศและผาสุขประชาชน ถือเป็นหลักการสำคัญของการทำงานที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการอภิปรายเนื้อหาส่วนของคำปรารภนั้น มีส.ว.อภิปรายท้วงติง แต่ กมธ.ฯ ยังยืนยันตามเนื้อหาที่แก้ไข ทั้งนี้มีผู้เสนอให้พักประชุมเพื่อหาข้อยุตินอกห้องประชุม แต่นายพรเพชร ยืนยันให้หารือให้เสร็จสิ้นภายในการประชุม ทั้งนี้ในข้อสรุปดังกล่าวที่ประชุมส.ว. ได้ลงมติ โดยเสียงข้างมาก 157 เสียง ต่อ 52 เสียง งดออกเสียง 5 เสียงเห็นด้วยกับการแก้ไขถ้อยคำตามที่กมธ.ฯ เสนอ
ขณะที่การพิจารณาข้ออื่นๆ นั้น พบว่าเสียงส่วนใหญ่ของที่ประชุมเห็นด้วยกับเนื้อหาที่กมธ.ฯ เสนอ อาทิ การเลือกประธานวุฒิสภา และรองประธานวุฒิสภาให้ผู้ที่ถูกเสนอชื่อแสดงแสดงวิสัยทัศน์กับที่ประชุม , กรณีที่ประธานวุฒิสภาถูกเสนอชื่อมากกว่า 2 ชื่อให้ออกเสียงเป็นการลับ, การเสนอญัตติ กำหนดให้เสนอเป็นหนังสือต่อประธานวุฒิสภาล่วงหน้าและมีส.ว.ร่วมรับรองไม่น้อยกว่า 5 คนยกเว้นที่กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น, สำหรับญัตติที่ขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อให้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ไม่ต้องมีผู้รับรอง ทั้งนี้การเสนอญัตติว่าด้วยการตรวจสอบ , ให้รัฐมนตรีชี้แจงซึ่งเสนอเป็นญัตติต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่า 10 คน เป็นต้น
ส่วนข้อที่ว่าด้วยกรรมาธิการ (กมธ.) นั้น กำหนดให้ตั้งกมธ. พิจารณาร่างพ.ร.บ., การกระทำกิจการ, สอบหาข้อเท็จจริงหรือศึกษาเรื่องตามอำนาจหน้าที่ได้ ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณาร่างข้อบังคับฯ วันแรกของส.ว. ได้พิจารณาถึงข้อที่ 77 ก่อนที่จะเลื่อนการพิจารณาเนื้อหาต่อเนื่อง ว่าด้วยการตั้ง กมธ.สามัญประจำวุฒิสภา ที่ร่างข้อบังคับเสนอให้มี 26 คณะและประธานในที่ประชุมได้สั่งปิดการประชุม เวลา 18.00 น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง