ข่าว

บิ๊กตู่ชี้ถวายสัตย์ไม่ขัด รธน.

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หน้า 1 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 6 สิงหาคม 2562

 

          "บิ๊กตู่"  ขอจบประเด็นถวายสัตย์ ยันทำตาม รธน. เตือนอย่าเอาการเมืองทำประเทศชาติปั่นป่วน  ฝ่ายค้านดาหน้ากัดไม่ปล่อย  "ศรีสุวรรณ" ยื่นผู้ตรวจชงศาล รธน. ขณะที่  “พุทธิพงษ์” ลั่น 5 รมต.ไม่ต้องลาออกจาก ส.ส. ด้าน “ปชป.” ส่อป่วน  เด็กใหม่เขี่ยรุ่นเก่า รุมทึ้งเก้าอี้ ขรก.การเมือง ส่วน "อนุพงษ์" แบ่งงานมหาดไทย 

          เมื่อเวลา 07.45 น. วันที่ 5 สิงหาคม ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ แม่ทัพภาคที่ 3 รวมทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ และศิษย์เก่า มาเข้าร่วมพิธีวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 132 ปี อย่างพร้อมเพรียง ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้วางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ก่อนเดินทางกลับ ในเวลา 08.30 น.

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญ กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญทุกประการในการถวายสัตย์ปฏิญาณตน ซึ่ง ณ ตรงนั้นก็เสร็จไปแล้วว่าจะต้องทำอะไรในการดูแลประชาชน ข้อความต่างๆ ที่พูดไปแล้วถือว่าครอบคลุมทั้งหมด และเป็นไปตามรัฐธรรมนูญในการดูแลพี่น้องประชาชนคนไทย ที่สำคัญที่สุดเป็นไปตามพระปฐมบรมราชโองการ ซึ่งพระองค์ท่านรับสั่งมาให้ทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งตรงกับรัฐธรรมนูญที่ระบุว่าทำเพื่อประชาชนทั้งประเทศ คิดว่าเรื่องนี้ควรจบดีกว่า อย่าให้บานปลาย หลายคนในนั้นก็เป็นทหาร ขอร้องว่าเคยเป็นพี่น้องกันมา อย่าให้การเมืองมาทำให้ประเทศชาติปั่นป่วนไปทั้งหมด ถ้าจะดีหรือไม่ดีอย่างไรก็ให้รอเลือกตั้งคราวหน้าก็แล้วกัน

          สอนกระดุม5เม็ดทำได้จริงหรือไม่
          เมื่อถามว่า กังวลที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่กังวลอะไรทั้งสิ้น จะกังวลไปทำไม เพราะมีเรื่องที่น่ากังวลมากกว่านี้อีกมาก การที่เป็นนายกรัฐมนตรีและเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีเรื่องหลายอย่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างมีตามรัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งต้องร่วมมือกับรัฐมนตรีที่มาจากพรรคการเมืองต่างๆ ทั้งการเซ็นงบประมาณ การอนุมัติโครงการทุกอย่างต้องตอบสนองรัฐธรรมนูญทั้งนั้น โดยรัฐธรรมนูญได้เขียนแบบกว้างๆ เอาไว้

          “ก็ไปทะเลาะกันแต่เรื่องรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องไปดูว่ากฎหมายลูกมีอะไรบ้าง เพราะเป็นส่วนที่จะทำให้การทำงานเดินหน้าต่อไปได้ ขณะที่รัฐธรรมนูญเป็นเพียงแค่กรอบกว้าง จะไปทำอะไรได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงต้องอาศัยกฎหมายลูกที่มีหลายพัน หลายหมื่นฉบับ รวมถึงกฎกระทรวง สิ่งที่ผมพูดเป็นวิธีของการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกษตรหรือเรื่องอะไรก็ตาม ที่พูดกันเรื่องเสื้อกระดุม 5 เม็ด ขอให้ลองไปดูว่าเราได้ทำอะไรไปหรือยัง บางอย่างมาจากต่างประเทศ เราก็นำหลักการนั้นมาคิดและประยุกต์ว่าสิ่งเหล่านั้นทำกับเราได้หรือไม่ อย่างประเทศเราก็เห็นใจเกษตรกรมากที่สุด เพราะเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึงคนที่อยู่ในกระบวนการเหล่านี้ด้วย ทั้งปลูก ผลิตและแปรรูป ถือเป็นห่วงโซ่ทั้งหมด ซึ่งเราก็ต้องดูทั้งหมด ถ้าไปดูแต่ขั้นต้น ตรงกลาง แรงงาน ตลาดก็มีปัญหา การแข่งขันด้านราคาก็มีปัญหาอีก เราต้องกลับมาย้อนดูว่าต้นทางคืออะไร ในประเทศที่เจริญแล้วห่วงโซ่ตรงนี้จะไม่มากนัก เนื่องจากมีการใช้เทคโนโลยีเครื่องมือที่ทันสมัย ซึ่งไทยยังไปไม่ถึงตรงนั้น เราก็ต้องพยายามไปให้ถึงตรงนั้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

          “เสธ.อ้าย”ป้องนายกฯปมถวายสัตย์
          ด้าน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 1 และอดีตประธานองค์กรพิทักษ์สยาม กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดกรณี พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรี(ครม.) กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วน ว่า ไม่ใช่ ไม่จริง เช่นเดียวกับทหารเมื่อไปรายงานตัวจะผิดหรือถูกก็แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา หากผิดก็ต้องสั่งให้พูดใหม่ แต่พระองค์ท่านพระราชทานพระบรมราโชวาทก็จบแล้ว ก็ว่ากันไปเรื่อย ฝ่ายค้านก็ต้องหาเรื่อง

          “วิษณุ”เผยปมไม่ไว้วางใจถวายสัตย์
          เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในประเด็นที่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบว่า ยังไม่เห็นข่าว รู้ว่าจะมี แต่ไม่รู้รายละเอียด ส่วนรัฐบาลจะต้องเตรียมรับมืออย่างไรนั้น ให้รู้ก่อนว่าเขาทำอะไร ก็ค่อยเตรียมก็ได้

          “สมคิด”เหน็บฝ่ายค้านรีบซักฟอกแล้ว
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามผู้สื่อข่าวกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่มองว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เหมาะที่จะนั่งเป็นประธานคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจว่า ใครที่วิจารณ์ ฝ่ายค้านวิจารณ์ก็เป็นเรื่องของเขา แต่มองว่าไม่มีอะไรจะเดินหน้าไปได้หากนายกรัฐมนตรีไม่ให้การสนับสนุน ดังนั้นเมื่อนายกรัฐมนตรีให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ทุกอย่างจึงควรจะเดินหน้าไปด้วยดี

          เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก่อนที่ พ.ร.บ.งบประมาณ จะเข้าสภา โดยหยิบยกกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วน ขึ้นมาเป็นประเด็นอภิปรายด้วย รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งบประมาณยังไม่เข้าเลย จะอภิปรายไม่ไว้วางใจกันเสียแล้ว อยากให้ทุกคนคิดและทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อเมืองไทย

          ส.ว.ชี้ครม.‘บิ๊กตู่’ถวายสัตย์สมบูรณ์
          ที่รัฐสภา เกียกกาย นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตต่อการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ของ ครม. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ อาจกล่าวไม่ครบถ้อยคำ ซึ่งอาจกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่เป็นความเห็นต่าง ต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนให้ข้อเท็จจริง แต่มองว่าในขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดเป็นเงื่อนไขก่อนที่ ครม.ชุดใหม่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเป็นทางการ ต้องผ่านการถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวถือว่าสมบูรณ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด และ ครม.สามารถทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์

          “ส่วนที่ฝ่ายค้านยกเป็นประเด็น และเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นประเด็นทางการเมืองเท่านั้น แต่จะไม่เป็นปัญหาบานปลาย หรือกระทบต่อการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่ หากผู้ใดยังติดใจต้องใช้กระบวนการวินิจฉัยชี้ขาด คือ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ผมไม่ทราบว่าเมื่อมีคนยื่นเรื่องแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้วินิจฉัยหรือไม่” นายเสรี กล่าว

          “พุทธิพงษ์” ชี้ 5 รมต.ไม่จำเป็นลาออก
          เมื่อเวลา 13.18 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.ในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ ครม.ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จะเสนอแต่งตั้งเลขานุการรัฐมนตรี ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เช่น ผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี จะเสนอที่ประชุมครม.เพื่อพิจารณาในครั้งต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา เห็นว่ารัฐมนตรีที่ได้เป็น ส.ส.ด้วยนั้น ไม่จำเป็นต้องลาออกจาก ส.ส. เพราะเห็นว่าจะสามารถเชื่อมโยงกันได้ระหว่างรัฐบาลและฝ่ายนิติบัญญัติ ขณะที่รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นแกนหลักของพรรค เชื่อว่าไม่มีปัญหาต่องานนิติบัญญัติแต่อย่างใด เพราะแม้จะควบตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ก็สามารถไปร่วมประชุมสภาได้

          เมื่อถามว่าถ้าการประชุมสภากับงานของรัฐมนตรีตรงกันจะทำอย่างไร นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า จะพยายามมาประชุมที่สภาให้ได้ เพราะรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ทั้ง 5 คนเห็นตรงกันว่า ไม่จำเป็นต้องลาออก เราคิดตรงกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างคิด เมื่อปฏิบัติอย่างไร ก็ต้องปฏิบัติด้วยกัน ฉะนั้น เชื่อว่ารัฐมนตรีที่เป็นส.ส.สามารถลงมติในสภาได้อยู่แล้ว ส่วนหากอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ จะลงมติได้หรือไม่นั้น คงต้องถามนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ

          ติงฝ่ายค้านปมถวายสัตย์ต้องรอบคอบ
          นายพุทธิพงษ์ กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยหยิบยกประเด็นที่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนมาอภิปรายด้วยว่า การตั้งกระทู้หรือการทวงถามของฝ่ายค้านในสภานั้น สามารถทำได้อยู่แล้ว แต่จะทำด้วยเหตุผลและความเหมาะสมอะไรก็ขอให้ทำด้วยความรอบคอบ เพราะเชื่อว่าทุกคนไม่มีแนวคิดหรือเจตนาที่ไม่ดี

          เมื่อถามว่ารัฐบาลมีความชัดเจนหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างไร นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ขอให้ผู้ที่มีเหตุผลซึ่งสามารถชี้แจงได้เป็นผู้ชี้แจงจะดีกว่า

          “ชัยเกษม”งงขอให้จบแต่ไม่ชัดเจน
          ด้านนายชัยเกษม นิติสิริ คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานด้านการตรวจสอบกระบวนการยุติธรรมและอำนาจรัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ออกมาระบุว่า ขอให้เรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณตนจบได้แล้วว่า ไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะจบเลย หรือจะจบเห่ทั้งครม. เพราะท่านยังไม่ได้ทำอะไรให้ชัดเจนเลยในสิ่งที่ท่านทำผิดไป ที่บอกว่าไม่ควรพูดถึง ท่านก็ไม่ได้บอกไม่ควรพูดถึงเพราะอะไร ไม่ได้อธิบาย มาบอกให้จบ ก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้กระจ่างเลย ทางจบของเรื่องนี้คือท่านต้องหาทางแก้ไขการกระทำนั้นเสีย ไม่ว่าจะทำไปโดยเจตนาหรือไม่ก็ตาม ท่านไม่ควรปล่อยให้เกิดเป็นความกังขาของพี่น้องประชาชนแบบนี้

          สับ5เรื่องรัฐบาลฝืนความรู้สึกปชช.
          ส่วน นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า แปลกแต่จริงประเทศไทย เรื่องหลายเรื่อง ถ้าเป็นกลุ่มใครบางคน ทำอย่างไรก็ไม่มีผิด 5 เรื่องที่ฝืน และขัดต่อความรู้สึกคนที่เฝ้ามองดู ตั้งแต่การเลือกตั้งจนถึงการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ ก่อนเข้ารับหน้าที่ของรัฐบาล เรื่องแรกกฎหมายรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ได้บัญญัติการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อไว้ แต่มีการคำนวณด้วยวิธีพิเศษผ่านการตีความด้วยอภินิหารทางกฎหมาย ผลที่ออกมาคือ ส.ส.จากพรรคเล็กที่มีคะแนนต่ำกว่าคะแนนพึงประเมินพาเหรดกันเข้าสภาเพื่อเป็นเสียงยกมือให้ผู้มีอำนาจเดิมได้กลับเข้าสู่อำนาจใหม่อีกครั้ง เรื่องที่ 2 การตั้งกรรมการสรรหา ส.ว. ที่ไม่เป็นกลาง คัดเลือกตัวเองและพี่น้องผองเพื่อน เข้าไปเป็น ส.ว. เพื่อยกมือเลือกนายกฯ คนเดิมกลับเข้ามาสู่อำนาจใหม่อีกครั้ง ทำอะไรตามอำเภอใจอย่างไม่รูสึกใดๆ

          ส่วนเรื่องที่ 3 รัฐธรรมนูญระบุให้ผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐขาดคุณสมบัติของผู้ที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่ง คนบางคนยังเป็นที่กังขาและเป็นที่ถกเถียงว่าขาดคุณสมบัติข้อนี้ ขณะนี้เรื่องนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล แต่ก็ยังทำท่าจะกลับมาสู่อำนาจใหม่อีกครั้งได้แบบเนียนๆ ไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับข้อกล่าวหาใด เรื่องที่ 4 รัฐธรรมนูญกำหนดให้การนำเสนอนโยบายต้องระบุที่มาของงบประมาณ แต่นโยบายที่เพิ่งแถลงไม่มีรายละเอียดดังกล่าว ทำสิ่งที่ตรงข้ามกับที่กฏหมายรัฐธรรมนูญกำหนดอย่างไม่รู้สึกเดือดร้อนใดๆ และเรื่องสุดท้าย สำคัญที่สุดคือ รัฐบาลกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ครบข้อความตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ฝ่ายผู้มีอำนาจตอบประชาชนด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า “มันจบและผ่านไปแล้ว”

          “ปิยบุตร”จ่อจับมือฝ่ายค้านกระทุ้ง
          นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีนายกรัฐมนตรีและครม. อาจกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณไม่สมบูรณ์ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา หลายๆ พรรคก็ช่วยกันพูดมาตลอด ท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัด คาดว่าในช่วงสัปดาห์นี้ที่สภาเปิดประชุม อาจจะต้องใช้กลไกในการซักถาม ทางพรรคอนาคตใหม่รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านเองไม่ได้มองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กน้อย มีเพียงเจตนาให้หาวิธีแก้ไขให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ บรรทัดฐานจะได้เกิดขึ้น หากปล่อยไป มันจะกลายเป็นบรรทัดฐาน

          ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเป็นในรูปแบบกระทู้สด หรือยื่นญัตติ นายปิยบุตร กล่าวว่า วันอังคารนี้จะมีการประชุมวิปของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ต้องรอหารือก่อน ส่วนจะยื่นต่อประธานสภาหรือไม่ ทางฝ่ายค้านก็ศึกษากันอยู่ ว่าจะดำเนินการต่างๆ อย่างไร แต่องค์กรที่มีอำนาจในการตีความคือ ตัวคณะรัฐมนตรี อย่างน้อยที่สุดหากประเมินแล้วว่ากล่าวไม่ครบ ต้องหาทางแก้ไข ขอแก้ไขใหม่หรืออย่างไรก็ว่าไป ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ

          จ่อร้ององค์กรอิสระ บี้ให้ถึงที่สุด
          “ถ้ายังยืดเยื้อต่อไป ผมมองว่าท้ายสุดคงต้องให้องค์กรอิสระวินิจฉัยออกมาให้ได้ว่าสุดท้ายบรรทัดฐาน และความถูกต้องควรเป็นแบบไหน ผมไม่ใช่เจ้าของประเด็น ต้องหาทางออกร่วมกัน หากเป็นองค์กรอื่นๆถวายสัตย์ไม่ครบจะเป็นอย่างไร ในอดีตไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ที่ปฏิญาณผิด อยากให้เกิดบรรทัดฐานที่ถูกต้อง ฝากถึงรัฐบาลว่าไม่มีใครรู้ถ้ามีมติ ครม.ออกมา แล้วเกิดมีผู้เสียหายไปฟ้องเพื่อถอนมติ ครม. โดยอ้างว่ามตินั้นมิชอบ เนื่องจากการที่นายกฯ นำถวายสัตย์ไม่ครบ เกิดเรื่องนี้คงวุ่นวายแน่นอน พยายามช่วยกันหาทางออกต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว

          “ณัฐวุฒิ”ซัดต่อไปปฏิญาณตามใจ
          ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มก้าวต่อไปเพื่อประชาธิปไตย แสดงความเห็นถึงปัญหาการกล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในขณะนี้ โดยระบุว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นเรื่องใหญ่ พูดไม่ตรงตามรัฐธรรมนูญแล้วก็ให้จบๆ ไปตามปาก ดร.วิษณุไม่ได้ คนในรัฐบาลต้องเลิกอ้างตามกันเป็นนกแก้วนกขุนทอง การระบุซ้ำๆ ว่าครบทุกขั้นตอนแล้วไม่มีปัญหา เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งที่กรณีนี้เป็นความรับผิดชอบของนายกฯ โดยตรงคนเดียวในวันนั้นที่ต้องทราบ ไม่ทราบไม่ได้ว่ารัฐธรรมนูญบัญญัติให้กล่าวคำถวายสัตย์ว่าอย่างไร และต้องอ่านให้ถูกต้องทุกตัวอักษรคือ พล.อ.ประยุทธ์

          “ถ้าจะยืนยันว่าทำได้ไม่มีปัญหา ก็ลองทำให้ดูอีกทีประชาชนจะได้มั่นใจ วันที่ 7 สิงหาคม จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระสำคัญคือการให้ ส.ส.ใหม่ 4 คนจากพรรครัฐบาลปฏิญาณตนก่อนทำหน้าที่ แทนคนที่ลาออกไปดำรงตำแหน่งในฝ่ายบริหาร ตามคำปฏิญาณที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 115 พรรคพลังประชารัฐควรให้ลูกพรรคลุกขึ้นปฏิญาณตามข้อความที่แต่ละคนเห็นว่าสมควร แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำและดร.วิษณุบอกว่าได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว

          ศรีสุวรรณร้องยื่นศาลรธน.เชือด
          ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้มายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 230 และมาตรา 231 เพื่อส่งคำร้องไปยังศาลปกครองหรือศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พล.อ.ประยุทธ์ นำคณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยกล่าวถ้อยคำไม่ครบถ้วน บางถ้อยคำขาดหายไป แต่กลับมีบางถ้อยคำเพิ่มขึ้นมา ซึ่งไม่ตรงกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 161

          “การกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐมนตรี ถือได้ว่าเป็นการตบหน้าคนไทยทั้ง 16 ล้านคนที่ไปลงประชามติรับรัฐธรรมนูญฉบับนี้มา อีกทั้งเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศด้วย แม้หลายๆ ฝ่ายและสังคมไทยได้ท้วงติงแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับหรือการยอมรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองแต่อย่างใด ถ้อยคำที่คณะรัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ให้ครบ เป็นบทบัญญัติที่กำหนดไว้ตายตัวตามรัฐธรรมนูญ เพราะถือว่าเป็นสาระสำคัญอันเป็นองค์ประกอบของการถวายสัตย์ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับกล่าวคำถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน อาจมีผลกระทบทางการเมืองอย่างรุนแรง ถึงขนาดอาจทำให้รัฐบาลชุดนี้เป็นโมฆะ หรือโมฆียะ อาจทำให้การบริหารราชการแผ่นดินไม่มีผลทางกฎหมายได้ เพราะถือได้ว่า เป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ ตามบทบัญญัติ มาตรา 53 ในหมวดว่าด้วยหน้าที่ของรัฐด้วย

          ธรรมกายยันไม่เกี่ยวร้องสอบนายกฯ
          เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายอัยย์ เพชรทอง เลขาธิการองค์กรปกป้องพระพุทธศาสนาเพื่อสันติภาพ พร้อมคณะ เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบการกระทำของ พล.อ.ประยุทธ์ และ ครม. กรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญไม่ครบถ้วน ส่งผลให้การเข้ารับตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และ ครม.ไม่สมบูรณ์ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ โดยการกระทำของนายกรัฐมนตรีและ ครม. หมิ่นเหม่กระทบจิตใจประชาชนไทยที่เคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การกระทำที่แสดงเบื้องพระพักตร์ ต้องตั้งใจกระทำด้วยความเคารพ และยึดความถูกต้องของกฎหมายเป็นสำคัญ และการแสดงออกที่ต้องยึดถือความถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญที่สุด

          วันเดียวกัน สำนักสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย ออกเอกสารชี้แจงว่า ตามที่มีการแชร์ข้อมูลในสื่อโซเชียล ว่า “องค์กร อปพส. เตรียมร้องทุกข์กล่าวโทษ พลเอกประยุทธ์ ลงนามโดยผู้ใช้ชื่อว่า “อัยย์ เพชรทอง 5 สิงหาคม 2562” โดยอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นการกระทำของศิษย์วัดพระธรรมกายนั้น วัดพระธรรมกาย ขอชี้แจงว่า วัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลและองค์กร อปพส. ทั้งนี้การดำเนินการใดๆ ที่ผ่านมา หรือการดำเนินการต่อไปของนายอัยย์ เพชรทอง และองค์กร อปพส. ไม่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ตัวแทนวัด และไม่ใช่ตัวแทนศิษย์แต่อย่างใด รวมทั้งทางวัดไม่ได้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือการแสดงทัศนคติด้านอื่นๆ ทุกประการ

          “ปชป.”ส่อป่วนรุมทึ้งเก้าอี้การเมือง
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ทางพรรคประชาธิปัตย์จะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ร่วมกับ ส.ส.ของพรรค เพื่อพิจารณาบุคคลของพรรคให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเลขานุการรัฐมนตรี ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ผู้ช่วยรัฐมนตรี ในวันที่ 6 สิงหาคม ปรากฏว่า มีสมาชิกพรรคบางรายได้แสดงความวิตกกังวลถึงการประชุมดังกล่าวว่าจะเป็นเพียงพิธีกรรมเท่านั้น เนื่องจากบุคคลที่จะมีการเสนอชื่อนั้น เป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดและผลักดันสนับสนุนให้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นหัวหน้าพรรค มากกว่าความเหมาะสมในการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคน

          “ในยุคของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น กรณีนี้ไม่ได้เป็นปัญหา เพราะเนื่องจากว่า ส.ส.ของพรรคมีจำนวนเกือบ 170 คน จึงสามารถนำบุคคลที่เป็นสมาชิกพรรค และบุคคลภายนอกที่มีความใกล้ชิดกับพรรค มาดำรงตำแหน่งและสามารถจัดสรรให้คนที่ทำงานให้แก่พรรคได้อย่างทั่วถึง แต่พอมาถึงตอนนี้ ที่จะต้องถึงคราวของพรรคจะพิจารณาตัวบุคคลที่จะไปดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการการเมืองประจำกระทรวงต่างๆ รัฐมนตรีกลับไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกคนที่จะไปทำงานเป็นทีมเดียวกันได้ รวมทั้งบุคคลที่เป็น ส.ส.หลายสมัย แต่กลับมาเจอกระแสสึนามิ ทำให้สอบตกจาก ส.ส. ก็ยังมีศักยภาพในการทำงานอยู่หลายต่อหลายคน ดังนั้น ที่มีกระแสข่าวว่าจะสนับสนุนบุคคลที่หนุนนายจุรินทร์ให้เป็นหัวหน้าพรรค มาดำรงตำแหน่งดังกล่าว ก็ถือว่า เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะตัวของนายจุรินทร์เอง แต่คลื่นใต้น้ำในพรรค ซึ่งเป็นปัญหาใหม่และใหญ่กว่าจะเข้ามาแทนที่” แหล่งข่าว ระบุ

          อนค.ลั่นเตรียมยื่นฟ้อง“ปารีณา”
          เมื่อเวลา​ 14.00​ น.​ ฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า​ เตรียมยื่นฟ้องศาลดำเนินคดีกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี​ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ที่โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2562 โดยมีเนื้อหาเป็นข่าวปลอมที่มีเนื้อความเป็นเท็จ พร้อมภาพตัดต่อของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช​ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รวมทั้งคณะทำงานพรรคอนาคตใหม่ ในลักษณะที่อาจทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับการก่อเหตุรุนแรงหลายจุดในกรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

          น.ส.พรรณิการ์​ ในฐานะหนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า “พรรคอนาคตใหม่ยินดีรับฟังแลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างบนพื้นฐานของข้อเท็จจริง และพยายามอดทนอดกลั้นต่อข่าวปลอมและการป้ายสีสาดโคลนอย่างถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เป็นการป้ายสีสาดโคลนด้วยข่าวปลอมโดยสิ้นเชิงในประเด็นที่ร้ายแรงคอขาดบาดตาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง ทำให้สังคมเข้าใจผิดว่าพรรคอนาคตใหม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุรุนแรง รวมทั้งเป็นการสร้างความเกลียดชังระหว่างผู้คนในสังคม อันจะนำมาสู่การใช้ความรุนแรงประทุษร้ายต่อกัน ซ้ำยังทำให้ปัญหาความขัดแย้งยิ่งฝังรากลึกลงไปอีก พรรคอนาคตใหม่จึงตัดสินใจดำเนินคดีกับ ​น.ส.ปารีณา เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพยายามกล่าวหามาตลอด"

          ชวนชี้ไม่มีวาระถอดถอน‘ปารีณา’
          ที่รัฐสภา เกียกกาย นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์ เข้าชื่อเพื่อถอดถอน น.ส.ปารีณา เนื่องจากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม และอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 หลังแสดงพฤติกรรมผ่านโซเชียลมีเดียไม่เหมาะสมกับการดำรงตนเป็น ส.ส. โดยล่าสุดมีผู้ร่วมลงชื่อสนับสนุนเกือบ 80,000 คนว่า กรณีดังกล่าวนั้นไม่ทราบ แต่ยังไม่มีการยื่นเรื่องหรือยื่นญัตติมายังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งกรณีของการยื่นถอดถอนนั้น ล่าสุดมีเพียงเรื่องเดียว คือ กรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้ถอดถอน น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เท่านั้น แต่เรื่องดังกล่าวยังไม่ได้พิจารณาตามขั้นตอน เพราะยังรอข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรฉบับใหม่ ส่วนที่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่ากรณีของ น.ส.ปารีณา นั้นทำให้ภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎรเสียหายนั้น ไม่ขอวิจารณ์

          เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐยื่นเรื่องให้ตรวจสอบ 33 ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน กรณีถือหุ้นสื่อ นายชวน กล่าวว่า เข้าใจว่าไม่มีอะไรคงค้าง แต่ถ้าหากมีคงเป็นเรื่องรายชื่อที่ยังไม่สมบูรณ์ หรือไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงต้องดำเนินการแก้ไขก่อน

          “สนธิรัตน์”จับมือ“ธนาธร”งานพลังงาน
          วันเดียวกัน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์ภาพระหว่างพูดคุยกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ลงบนทวิตเตอร์ส่วนตัว พร้อมระบุว่า “วันนี้ผมมาร่วมสัมนา” Energy Disruption : พลังงานไทยยุคดิสรัปชั่น“ เพื่อเปิดใจรับฟังทุกฝ่าย ในฐานะผู้มีหน้าที่กำกับนโยบาย และดีใจที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ผมถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการจับมือกันเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้านะครับ #พลังงานเพื่อทุกคน”

          เลื่อนสั่งคดี“ธนาธร”วิจารณ์คสช.
          ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา นัดฟังคำสั่งคดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่, นายไกลก้อง ไวทยการ นายทะเบียนพรรค และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ กรรมการบริหารพรรค ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาที่พนักงานสอบสวน บก.ปอท. นำสำนวนพร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 (แก้ไขฉบับที่ 2 พ.ศ.2560) มาตรา 14 (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จากกรณีผู้ต้องหาร่วมกันจัดรายการ “คืนวันศุกร์ให้ประชาชน” ผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ในเพจอนาคตใหม่-The Future We Want และเพจ Thanathorn Juangroongruangkit วิจารณ์กระแสข่าวกรณีพลังดูดของ คสช. เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2561

          นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนายธนาธร ที่เดินทางมารับทราบคำสั่งคดี เปิดเผยภายหลังเข้าพบพนักงานอัยการว่า ในวันนี้ทางพนักงานอัยการแจ้งว่าพนักงานสอบสวนได้สอบพยานเพิ่มเติมตามที่ฝั่งตนเองร้องขอแล้ว 2 ปาก แต่ยังไม่ได้ส่งสำนวนสอบสวนกลับมาให้อัยการพิจารณา พนักงานอัยการจึงขอเลื่อนนัดสั่งคดีเป็นวันที่ 2 กันยายน 2562 เวลา 09.30 น. ส่วนในนัดหน้าจะสั่งคดีได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับขั้นตอนของพนักงานอัยการ สำหรับคดีนี้เลื่อนมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง

          “บิ๊กป๊อก”แบ่งงานคุมมหาดไทย
          วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย(มท.) ลงนามในคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 1535/2562 เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผ่านมา เรื่องการมอบหมายอำนาจหน้าที่ให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ดังนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กำกับดูแล 1.สำนักงานรัฐมนตรี 2.สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 3.กรมการปกครอง(ปค.) 4.กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น(สถ.) 5.กรุงเทพมหานคร 6.การประสานงานส่วนราชการในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 7.การไฟฟ้านครหลวง 8.การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค

          ส่วนนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กำกับดูแล 1.กรมที่ดิน 2.กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) 3.การประปานครหลวง 4.องค์การจัดการน้ำเสีย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รมช.มหาดไทย กำกับดูแล 1.กรมการพัฒนาชุมชน(พช.) 2.กรมโยธาธิการและผังเมือง 3.การประปาส่วนภูมิภาค 4. องค์การตลาด

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ