"ธนาธร" เดินหน้ารณรงค์สร้างฉันทามติแก้รธน.

          ที่พุทธสถานเชียงใหม่ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในการเสวนา เรื่อง "จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ : ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน" ว่า เชื่อว่าประชาชนชาวเชียงใหม่ มีความคิดเห็นตรงกันกับประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศ โดยการเปิดตัวรณรงค์ครั้งนี้ กระจายไปแต่ละจังหวัด หวังว่าจะนำไปสู่การร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้ประชาชนมีส่วนในการเขียน เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกสร้างมาด้วยคนไม่กี่คน ดังนั้นหากต้องการได้ข้อตกลงใหม่ ต้องไม่ลอกเลียนใคร ไม่สามารถนำรัฐธรรมนูญของต่างประเทศมาใช้ได้ทั้งหมด ประชาชนทั้งประเทศต้องมีส่วนร่วม และอยู่บนพื้นฐานที่เห็นร่วมกันทั้งประเทศ

          นายธนาธร กล่าวอีกว่า เมื่อปี 2540 เคยทำสำเร็จมาแล้ว โดยการร่างรัฐธรรมนูญจากฉันทามติ เพราะไม่สามารถฝ่ากระแสมติของประชาชน จึงเชื่อว่า หากทุกคนลุกขึ้นมาทำร่วมกันอีกครั้ง จะสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นเป็นจริงได้ โดยรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 เกิดขึ้นเพราะประชาชนไม่อยากได้รัฐธรรมนูญครึ่งใบ ต้องการการเมืองที่สามารถตรวจสอบผู้ใช้อำนาจได้ รวมถึงต้องการให้ทหารกลับกรมกอง หลังเกิดการรัฐประหาร เมื่อปี 2534 ทำให้ประชาชนต้องการการเมืองที่มีประสิทธิภาพ พาประเทศไทยต่อสู่กับกระแสโลกาภิวัตน์ได้ ขณะที่ประชาชนในช่วงนั้น ต้องการการประกันสิทธิและใช้สิทธิเสรีภาพของตัวเอง ซึ่งถือว่ารัฐธรรมนูญที่เป็นของประชาชนอย่างและได้รัฐบาลที่มีประสิทธิภาพเข้มแข็ง 

          หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อไปว่า 13 ปีที่ผ่านมา มีการทำรัฐประหารถึง 2 ครั้ง เกิดความขัดแย้งของประชาชน เกิดความขัดแย้งทางการเมือง และมีผู้คน บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก เกิดการตั้งคำถามกับระบบตุลาการ ว่าความยุติธรรมยังใช้ได้หรือไม่ นอกจากนี้ในด้านเศรษฐกิจ ถือว่าถดถอย เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อบ้าน งบประมาณไม่ได้ถูกนำไปใช้สร้างรายได้ แต่กลับนำไปใช้ซื้อคะแนนนิยม ขณะที่ การศึกษา ถูกจัดระดับคุณภาพด้านการศึกษาที่ตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย เพราะผู้มีอำนาจใช้เวลาไปกับการต่อสู่ทางการเมือง คุณภาพชีวิตของประชาชนจึงไม่ได้รับการพัฒนา     

          นายธนาธร กล่าวอีกว่า ในส่วนของพรรคอนาคตใหม่ เชื่อว่า รธน. 2560 คือ ระเบิดเวลา ที่จะระเบิดประทุออกมาเป็นความรุนแรง และเพื่อหยุดระเบิดเวลานี้ ต้องช่วยกันหยุด รัฐธรรมนูญฉบับที่ทำให้รัฐประหารถูกกฎหมาย และให้อำนาจที่ไม่ไเ้มาจากการเลือกตั้ง อยู่เหนืออำนาจประชาชน ซึ่งมั่นใจว่า ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์จากความขัดแย้งทางการเมืองตลอด 13 ปี แต่กลับเป็นกลุ่มคนเพียงไม่กี่คน 

          "ดังนั้น ถึงเวลาที่ประชาชนต้องเดินร่วมกัน แม้มีความคิดเห็นต่างทางการเมือง แต่เขื่อว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นในการหาฉันทามติครั้งใหม่ โดยเสนอกรอบแนวคิด 4 อย่างคือ ประชาธิปไตยอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน ,มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขภายใต้รัฐธรรมนูญ ,มีพระราชฐานะอยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง ,มีรัฐสภาซึ่งแสดงออกถึงเจตจำนง ของประชาชนอย่างแท้จริงและมีรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพมีเสถียรภาพ และมีนิติรัฐ สิทธิเสรีภาพของประชาชนได้รับความคุ้มครองมีระบบตรวจสอบการใช้อำนาจ นอกจากนี้การแสวงหาฉันทามติไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดทางเดียวของสังคมไทย" นายธนาธร กล่าว.