"ชินวรณ์" ย้ำทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันให้การเมืองเดินได้

            24 ก.ค.2562 นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ในฐานะรองประธานวิปฝ่ายรัฐบาล และเป็นประธานวิปของพรรคประชาธิปัตย์ เห็นว่า การที่นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ออกมาเรียกร้องในเรื่องขององค์ประชุมทั้งๆ ที่ทั้ง 2 ท่านคงรู้แก่ใจดีว่า ตั้งแต่ถึงเวลาเปิดการประชุมเวลา 13.30 น.แล้ว พรรคฝ่ายค้านยังไม่ไปลงชื่อหน้าห้องประชุมตามที่ได้กำหนดไว้ อันนี้เป็นเรื่องการแสดงให้เห็นว่าฝ่ายค้านตั้งใจที่จะเล่นเกมการเมืองตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว ซึ่งตนได้แจ้งวิปของฝ่ายรัฐบาลได้ทราบว่า ขอให้ฝ่ายรัฐบาลได้เตรียมกันมาให้พร้อมครบองค์ประชุมเพื่อที่จะให้การประชุมสามารถที่จะดำเนินการไปได้

                 เพราะฉะนั้นการที่นายจิรายุ มาเรียกร้องบรรทัดฐานในการที่ประธานสุชาติ ตันเจริญ เป็นผู้ควบคุมองค์ประชุมอยู่ในขณะนั้น ถึงแม้เป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่ว่าในทางการเมืองยุคปัจจุบันนี้ คิดว่าเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันประคับประคองให้การเมืองเดินหน้าไปได้ และที่สำคัญที่สุดนายชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฏร และประธานรัฐสภา ก็ไม่ได้นั่งอยู่ในที่ประชุมในขณะนั้น การประชุมก็ดำเนินการไปตามที่ประธานสุชาติ ซึ่งเป็นประธานในที่ประชุมได้พูดว่า เนื่องจากว่าวันที่ 25-26 ก.ค. จะมีการประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี เห็นว่าควรที่จะมีการปิดประชุม ซึ่งก็เป็นดุลพินิจของประธานสุชาติ ที่สามารถสั่งปิดการประชุมได้ ไม่น่าที่พรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะนายจิรายุ จะมาหยิบเอาประเด็นเล็กๆ น้อยๆ มาเล่นเกมทางการเมืองในครั้งนี้ 

              “อยากเรียนให้ทราบว่า ประธานสภาผู้แทนราษฎร นายชวน หลีกภัย ได้ยึดหลักการดำเนินการประชุมตามข้อบังคับอย่างชัดเจน และให้โอกาสกับทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน เพราะฉะนั้นถ้าอยากจะเห็นภาพพจน์ของสภาผู้แทนราษฎรไปในทางที่ดีงาม และเป็นที่หวังพึ่งของประชาชน ก็อยากจะย้ำว่า เรามาร่วมมือกันดีกว่าที่จะเล่นเกมการเมือง” 

              นายชินวรณ์ยังกล่าวอีกด้วยว่าการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายในวันที่ 25-26 ก.ค. ก็อยากขอให้ทุกฝ่ายได้ยึดหลักข้อบังคับ และข้อตกลงในเรื่องสัดส่วนของเวลาอย่างเข้มงวด เพื่อให้การประชุมเป็นไปอย่างเรียบร้อยและการอภิปรายได้เกิดประโยชน์สูงสุดในการที่จะติดตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน และเสนอแนะต่อนโยบายเพื่อที่จะให้เกิดความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาโดยยึดเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลักดีกว่า