ข่าว

เป้า "3ป." ขึ้นเขียง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หน้า 1 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2562

          ฝ่ายค้านกร้าวเชือด "3 ป." เตรียม 3 แผนจัดหนักนโยบายรัฐ แย้มฟันปมขยะ  ด้านพรรคร่วมกำชับ ส.ส.ห้ามลา-ห้ามป่วย-ห้ามตาย" “สุเทพ” หนาว ป.ป.ช.ชี้มูลคดีโรงพัก 5.8 พันล้าน "จักกพันธุ์" ไขก๊อกรองผู้ว่าฯ กทม.คาดกดดันปมโรงขยะ 

          เหลือเพียงไม่ถึงหนึ่งวันสำหรับการแถลงนโยบายของรัฐบาลอย่างเต็มรูปแบบในวัที่ 25-26 กรกฎาคม แต่ดูเหมือนว่าอุณหภูมิการเมืองไทยกลับร้อนระอุเมื่อฝ่ายค้ายเตรียมขนขุนพลระดับตัวพ่อมาอภิปรายรัฐมนตรีเป็นรายลบุคคล ขณะที่ฝากรัฐบาลก็เตรียมรับมือเรื่่องดังกล่าวอย่างเต็มที่

          “ชวน”ปล่อยอภิปราบลากยาว
          เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 กรกฎาคม ที่รัฐสภาใหม่ เกียกกาย มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วม 3 ฝ่าย (วิป 3 ฝ่าย) นานกว่า 3 ชั่วโมง โดยนายชวนให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมวิป 3 ฝ่ายถึงกรอบเวลาในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลว่าจะใช้เวลาประมาณ 28 ชั่วโมงครึ่ง หรือ 2 วันเศษ โดยตนและนายพรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะรองประธานรัฐสภา พยายามจะดูแลให้การประชุมเรียบร้อยและจบภายในเวลาที่กำหนด

          “เราจะเริ่มประชุมตั้งแต่เวลา 09.30 น. และจบที่เวลาประมาณ 24.00-01.00 น.ในวันที่ 26 กรกฎาคม สำหรับเวลาในการอภิปรายนั้น ฝ่ายรัฐบาลได้ 5 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าได้น้อย แต่ไม่เป็นไรเพราะสามารถปรับในทางปฏิบัติได้ ส่วนฝ่ายค้านได้ 13 ชั่วโมงครึ่ง ทั้งนี้หากฝ่ายใดลุกขึ้นประท้วงก็จะคิดเวลาของฝ่ายนั้นไป ใครที่เกเรยุคสมัยนี้ชาวบ้านก็จะเป็นผู้ตรวจสอบ” นายชวน กล่าว

          ส.ว.ชี้เวลาอภิปรายน้อยมาก
          “การอภิปรายนโยบายครั้งนี้เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทำให้เห็นว่าสภาเป็นที่พึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเห็นด้วยทั้งหมด แต่ต้องทำหน้าที่ของตัวเองในแต่ละฝ่ายให้ดีที่สุด ด้วยความซื่อตรง ตรงไปตรงมา เพราะทั้งหมดอยู่ในสายตาประชาชน ส่วนที่ฝ่ายค้านจะอภิปรายคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีนั้น ประเด็นที่อภิปรายได้คือความเหมาะสมของนโยบาย ความเป็นไปได้ของนโยบายต้องมาเกี่ยวโยงกับตัวบุคคลด้วยจึงจะอภิปรายได้ แต่ทั้งหมดต้องอยู่ในขอบเขตของข้อบังคับการประชุม” นายชวน กล่าว

          ด้าน น.พ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ตัวแทนวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ในส่วนของส.ว.มีสมาชิกลงชื่ออภิปราย 55 คน มีระยะเวลาอภิปรายเพียง 5 ชั่วโมง ยังไม่รวมเวลาที่จะมีสมาชิกประท้วง ถือว่าเวลาน้อยและตึงมาก เพราะเฉลี่ยแล้วตกคนละ 4 นาทีเศษ ซึ่งการอภิปรายจะแบ่งออกเป็นกลุ่มตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนโยบายหลักและนโยบายเร่งด่วน

          พปชร.ย้ำส.ส.ห้ามลา-ห้ามตาย
          เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เป็นประธานประชุมส.ส.เพื่อเตรียมพร้อมแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ โดยมีส.ส.เข้าร่วมพร้อมเพรียง โดยประธานได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบถึงกำหนดเวลาการอภิปรายทั้ง 2 วันที่จะใช้เวลาถึง 01.00 น. ขอให้ส.ส.ทำหน้าที่ให้ดี พร้อมกล่าวว่า “ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามป่วย ห้ามตาย”

          ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้เชิญนายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี ในฐานะประธานส.ส.ขึ้นบนเวทีในระหว่างแนะนำ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ได้กล่าวแทรกขึ้นด้วยความแปลกใจว่า ตั้งมาเมื่อไหร่ ใครตั้ง ไม่รู้จัก เข้ามาทำหน้าที่อะไร

          ด้านนายสุชาติ กล่าวว่า ขอบคุณและยินดีที่ได้มาทำหน้าที่ จะพยายามทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง เฉลี่ยความสุข แบ่งเบาความทุกข์ นำปัญหามาเสนอต่อผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อนำไปแก้ไข

          ตั้ง“สุชาติ”ประธานส.ส.
          จากนั้นนายสุชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ส.ส.พรรค ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้ตนเป็นประธานส.ส.เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวแทนของส.ส.ทุกคนในการสะท้อนปัญหาไปถึงผู้บริหารพรรคเป็นคนกลางเชื่อมโยงระหว่างส.ส.ไปถึงผู้บริหาร เพราะบางครั้งส.ส.มีปัญหาแล้วไม่กล้าพูดคุยกับผู้บริหารพรรคโดยตรง ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกัน ยืนยันว่าตำแหน่งประธาน ส.ส.ไม่ใช่ตั้งมาเพื่อสลายก๊วนภายในพรรคหรือตำแหน่งปลอบใจที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ถึงแม้ตัวไม่ได้ตำแหน่งก็เคยบอกไปแล้วว่าอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นที่สังเกตว่าการตั้งประธานส.ส.มาทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างส.ส.และผู้บริหารพรรค โดยเฉพาะ ส.ส.สมัยแรก ที่ยังไม่กล้าสะท้อนปัญหา จนเกิดภาพความขัดแย้ง สอดรับกับคำพูดของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวกับส.ส.ในระหว่างปิดการสัมมนาส.ส.พรรค เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ไม่ให้เกิดก๊กและก๊วนต่างๆ ภายในพรรค ให้สลายทั้งหมดเพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน

          วิษณุชี้ฝ่ายค้านแค่เขียนเสือให้วัวกลัว
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการแถลงนโยบายของรัฐบาล บรรยากาศจะดุเดือดหรือไม่ว่า บรรยากาศดูประหนึ่งว่าน่าสะพรึงกลัว แต่เคยร่วมการแถลงนโยบายรัฐบาลมาแล้ว 12 ครั้ง ตอนแรกก็อึกทึกครึกโครมดูน่ากลัว แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรผ่านไปได้ เพราะมีกรอบอยู่ ตอนนี้เป็นการทำให้ดูเหมือนประหนึ่งว่าน่าสะพรึงกลัวเข้าไว้ เรียกว่าข่มขวัญ ตัดไม้ข่มนาม เขียนเสือให้วัวกลัว ผมไม่ได้บอกว่าไม่กลัวนะ แต่ก็ไม่ประมาทต้องระมัดระวังไว้

          นายกฯ ไม่พูดส่งนิ้วไอเลิฟยูแทน
          ด้านความเคลื่อนไหวของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าปฏิบัติภารกิจที่ห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 08.35 น. จากนั้นเวลา 15.00 น. นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) บันทึกเทปโทรทัศน์กล่าวอาเศียรวาทถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2562 ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) สนามเป้า กรุงเทพฯ โดยมี พล.อ.กิตติเชษฐ์ ศรดิษฐพันธ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พร้อมด้วยผู้บริหารให้การต้อนรับ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการบันทึกเทป ผู้สื่อข่าวถามนายกฯ ถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาล​ แต่​พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถาม ได้แต่ส่งยิ้ม พร้อมทำมือสัญลักษณ์ไอเลิฟยู ก่อนขึ้นรถเดินทางกลับ

          ‘สมคิด’ฝากฝ่ายค้านไม่เข้าใจให้ถาม
          เวลา 09.20 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความกังวลที่ฝ่ายค้านเตรียมข้อมูลมาอภิปรายรัฐมนตรีในช่วงแถลงนโยบายรัฐบาล ว่าการแถลงนโยบายของรัฐบาลเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วในการบริหารงานในระบอบประชาธิปไตย เพื่อบอกว่าจะทำอะไรในอนาคต ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ประเทศจะเติบโตยั่งยืนหรือไม่

          “ดังนั้นผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดี หากไม่เข้าใจสามารถสอบถามได้ หรือมีอะไรแนะนำก็แนะนำได้ ประเทศชาติจึงจะเดินไปข้างหน้าได้ อย่าไปมองว่าเป็นการที่จะต้องมาอย่างนั้นอย่างนี้ และรัฐมนตรีแต่ละท่านก็เตรียมตัวที่จะตอบในสิ่งที่เกี่ยวข้องและคิดจะทำ” นายสมคิด กล่าว

          ชทพ.สั่ง10 ส.ส.เกาะติดห้ามขาด
          เวลา 14.00 น. ที่พรรคชาติไทยพัฒนา มีการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อหารือถึงการจัดตัวส.ส.ในการอภิปรายในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ ขณะที่ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมว่า จะกำชับ ส.ส.ทั้ง 10 คนของพรรคในที่ประชุมวันนี้ว่า ให้นั่งติดเก้าอี้ ตั้งอกตั้งใจ อย่าไปไหน ตลอดการแถลงนโยบายทั้ง 2 วันที่จะมีการแถลงนโยบายหากมีโอกาสก็ให้แสดงความคิดเห็น พร้อมรับฟังข้อชี้แนะ ข้อท้วงติงของพรรคฝ่ายค้านด้วย ส่วนจะวางตัวกองหนุนเพื่อช่วย พรรคพลังประชารัฐ หากถูกฝ่ายค้านโจมตีหรือไม่ คิดว่าคงไม่จำเป็นต้องวางตัว เพราะทางพรรคพลังประชารัฐมีทีมเต็มที่แล้ว และเวลาก็ไม่ได้มากนัก แต่หากมีส่วนไหนพอช่วยเสริมได้ ก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของ 10 ส.ส.พรรค และไม่ต้องถึงขั้นที่ตนจะต้องไปนั่งที่หอประชุมทีโอทีคอยคุม ส.ส.

          ชทพ.เคาะ‘ณัฐวุฒิ’อภิปราย12นาที
          นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเลือก นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี เป็นผู้อภิปรายในที่ประชุมรัฐสภา ต่อการแถลงนโยบายรัฐบาลเพียงคนเดียว 12 นาที ในประเด็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ทั้งนี้ พรรคมีความพอใจต่อนโยบาย เนื่องจากมีการบรรจุถ้อยคำที่พรรคมีส่วนเสนอต่อรัฐบาลในหลายส่วน

          ปลัดมท.ร่อนหนังสือสั่งทุกหน่วยพร้อม
          ขณะเดียวกันมีรายงานว่า นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ส่งหนังสือด่วนที่สุดถึงผู้บริหารในกระทรวง รองปลัดกระทรวง อธิบดีทุกกรม หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัด ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดสำงานปลัดกระทรวง ปลัด กทม. และปลัดเมืองพัทยา เพื่อเตรียมความพร้อมปฏิบัติหน้าที่ในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี(ครม.) ต่อรัฐสภา ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคม โดยขอให้ติดตามการถ่ายทอดสดการแถลงนโยบาย จัดเตรียมข้อมูลชี้แจงหากมีการอภิปรายพาดพิงในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นข้อมูลให้แก่ รมว.มหาดไทย และ รมช.มหาดไทย มอบหมายบุคลากรฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นรองอธิบดี รองผู้ว่าฯ หรือเทียบเท่า ประจำที่ตั้ง ณ หน่วยงาน รวมถึงมอบหมายเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทยไปประจำศูนย์ประสานงานในการแถลงนโยบายที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หน่วยงานละ 2 คน เพื่อประสานการจัดทำข้อมูลชี้แจงของหน่วยงาน

          ‘เพื่อไทยฮึ่มรอจัดเต็มอภิปราย
          เวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงภายหลังการประชุมเตรียมความพร้อมการอภิปรายรัฐมนตรีในวันรัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า เท่าที่ได้ดูนโยบายรัฐบาลที่เตรียมแถลงต่อสภาไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ส่งมาเป็นเอกสารแถลงนโยบายจริงหรือไม่ ดูแล้วเหมือนเป็นโบรชัวร์ นโยบายเลือกตั้งแล้วมาแม็กเย็บติดรวมกัน หลายเรื่องเป็นนโยบายที่ย้อนแย้งสับสน เป็นการแม็กที่เห็นรอยต่อ เช่น เรื่องนโยบายเกษตร นโยบายพรรคหนึ่งบอกจะประกันพืชผล สินค้าราคาเกษตร อีกพรรคบอกจะจัดสรรรายได้ เรื่องจัดสรรที่ทำกินให้ผู้มีรายได้น้อย บางพรรคระบุจะให้เกษตรกรเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าได้ อีกพรรคบอกจะเพิ่มพื้นที่ป่า ซึ่งทั้งสองส่วนจะทำให้ไปด้วยกันไม่ได้

          ขู้จัดหนัก3 ป.-ชูปมขยะ
          “แม้พล.อ.ประยุทธ์ บอกเอาไว้ จะถามอะไรนักหนา คงเป็นเพียงพิธีกรรมของฝ่ายค้าน แต่พรรคเพื่อไทยไม่ได้มอง การอภิปรายเป็นเพียงพิธีกรรม เราต้องการตรวจสอบครม.ทั้ง 36 คน พรรคเพื่อไทยมีสิทธิโดยชอบธรรมจะอภิปรายนโยบายและตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี การจะตั้งองครักษ์ ไม่เป็นปัญหา ขอเชิญให้ทุกคนแสดงศักยภาพให้ทุกคนได้เห็น ความกลัวทำให้เสื่อม ท่านไม่ต้องกลัว ถ้าตั้งอยู่ในความชอบธรรม ถ้ามั่นใจก็ไม่ต้องกลัว” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

          ขนาดบอกใบ้ให้แล้วว่า 3 ป.นี้โดนแน่ แต่แล้วไปจัดสัมมนาบอกให้ตั้งองครักษ์ดูแล 2 ป. ก็ขอเตือนด้วยความห่วงใยว่า อีก ป.หนึ่งก็ต้องระวังให้ดี ใบ้ให้ว่าเป็นเรื่องขยะ และรัฐมนตรีจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่กลับมาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดนี้อีกก็เตรียมตัวไว้ให้ดีๆ

          ข้องใจ"บิ๊กป้อม”ร่วมสัมมนาพปชร.
          นายอนุสรณ์กล่าวต่อว่า ประเด็นพล.อ.ประวิตร ที่นั่งเฮลิคอปเตอร์แล้วไปต่อรถเบนซ์กันกระสุนเพื่อไปประชุมกับพรรคพลังประชารัฐที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา คำถามคือท่านไปทำไม ตอนภัยแล้ง บอกลงพื้นที่ไปตรวจไม่ได้ เพราะรัฐบาลยังไม่แถลงนโยบาย แต่การประชุมพรรคพลังประชารัฐกลับเดินทางไปได้ การไปครั้งนี้เท่าที่ทราบ พล.อ.ประวิตร ยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค การที่ท่านไปนั้นอยู่ในสถานะอะไรในพรรค และยังไปบอกรัฐบาลจะอยู่ 4 ปี พรรคพลังประชารัฐเป็นครอบครัวเดียวกันนั้น จะเข้าข่ายคนภายนอกเข้าไปครอบงำหรือไม่ อยากฝากให้กกต.ตรวจสอบด้วย วันนี้คงชัดเจนแล้วว่าหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคือใคร

          “กรณีนี้ไม่ได้จบแค่ตรงนี้ อย่าคิดว่าจบเรื่อง เฮลิคอปเตอร์ เมื่อบอกว่าจบแต่จะยังไม่จบ ที่บอกจะสะท้อนปัญหาส.ป.ก. จะจบ ก็ไม่จบแน่นอน ในสภาจะมีการตามต่อ ขอบอกข้อสอบเอาไว้นิด เราทราบขนาดที่ว่าใครประสานโรงแรมนี้ ใครประสานใคร และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรระหว่างคนในรัฐบาลและคนในพรรคพลังประชารัฐ เรื่องของ 3 ป. อย่าคิดว่าจะมีเพียงเรื่อง คุณสมบัติเฮลิคอปเตอร์ ยังมีเรื่องพื้นที่ที่ไปเอื้อให้บริษัทเอกชนขนาดใหญ่ไปใช้พื้นที่ เรื่องโรงกำจัดขยะ ซึ่งเรามีข้อมูลถึงขั้นการไปล็อบบี้ข้าราชการในส่วนท้องถิ่นด้วย” นายอนุสรณ์ กล่าว

          อัดสมศักดิ์แก้ตัวน้ำขุ่นปมรีสอร์ท
          โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวอีกว่า เรื่องประเด็นรีสอร์ทที่มีปัญหา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุ รู้ว่ามีปัญหาแต่อยากไปตรวจสอบที่ดินส.ป.ก.ที่มีปัญหา ถ้าท่านใช้ตรรกะนี้ คราวหน้าถ้าไปตรวจสอบยาเสพติด ท่านไม่ต้องไปร่วมเสพด้วยหรือ หรือไปตรวจสอบบ่อนการพนัน ท่านต้องไปลองเล่นด้วยหรือไม่

          นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า เรื่องภัยแล้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องรุนแรงในรอบสิบปี เพื่อไทยขอเรียกร้องให้ 1.ตั้งวอร์รูมอย่างเร่งด่วน 2.เร่งประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 3.ชดเชยพี่น้องเกษตรกร และ 4.ต้องแก้ไขปัญหา บูรณการอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ทำแบบลูบหน้าปะจมูก

          ส่งตัวพ่อรุมถลกหนัง‘3ป.’
          ด้านนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในส่วนของนโยบาย พบว่าเนื้อหาบางส่วนขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนจะขัดอย่างไร จะไปบอกในวันอภิปราย บางเรื่องที่นักลงทุนอาจสนใจจะมาลงทุน อยากทราบนโยบาย แต่รัฐบาลกลับไม่ได้เขียนไว้เลย อาจจะกระทบต่อการลงทุน ความเชื่อมั่น นอกจากนี้ บางเรื่องควรบรรจุไว้กลับไม่เขียนไว้ บางเรื่องไม่ควรเขียนแต่เขียนไว้ ถือเป็นประเด็นความผิดรัฐบาล เรื่องนโยบายที่เป็นโบรชัวร์ ดูแล้วเป็นเรื่องเลื่อนลอยพอสมควร สำหรับการจับคู่อภิปราย พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินทางมาได้กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ กลุ่มที่จะตรวจสอบคุณสมบัติ กลุ่มทุจริต นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย

          ส่วนเรื่องเศรษฐกิจมีทั้ง นายไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย เรื่องการเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนใหญ่ นำโดย นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย เรื่องการกระจายอำนาจ นำโดย นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย นโยบายการเมือง ปฏิรูประเทศ แก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ที่จะอภิปรายในลำดับต้นๆ ต่อจากนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย

          จัดหนัก3ดาบฟันนโยบายรัฐ
          ที่พรรคเพื่อไทยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาล ว่า การอภิปรายคงมีการสลับสับเปลี่ยนกันไป ซึ่งการที่เรากำหนดคนอภิปรายในสภาจะเป็นลักษณะดาบ 1 2 3 หากดาบแรกตกหล่น คนที่เป็นดาบ 2 จะรับหน้าที่ต่อไป โดยประเด็นหลักที่จะอภิปรายคือนโยบาย โดยเฉพาะนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลจะทำ นอกจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่ตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคนอื่นๆด้วย เพราะคนที่จะเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายคือคนหน้าเดิมๆ

          “การอภิปรายของเราจะมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าจำนวนตัวผู้อภิปราย และไม่ห่วงเรื่องที่รัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์นายกฯขึ้นมา เพราะก็อยู่กันมา 10-20 ปีแล้ว การอภิปราย หรือการประท้วงน่าจะอยู่ในกรอบที่ได้ตกลงกันไว้” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว

          ด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สำหรับการอภิปรายคุณสมบัตินายกฯนั้น คนที่มีความสำคัญในการจะเอานโยบายไปทำให้สำเร็จได้คือนายกฯ ซึ่งรัฐธรรมนูญกำหนดคุณสมบัตินายกฯไว้ ท่านต้องยืนยันความโปร่งใสนี้ให้พี่น้องประชาชนและรัฐมนตรีทุกคนที่ถูกสงสัยต้องชี้แจงไม่เช่นนั้นการที่ท่านขึ้นไปทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระทรวงต่างๆท่ามกลางความสงสัยคงไม่สง่างาม

          อนค.จัดทีม18ส.ส.ร่วมอภิปราย
          ที่พรรคอนาคตใหม่ มีการจัดประชุมเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และการประชุมรัฐสภา ซึ่งจะมีการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีก่อนเริ่มทำหน้าที่ โดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากการร่วมประชุมกับวิปฝ่ายค้าน ในการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลได้มีการแบ่งเวลาตามสัดส่วนโควตา ซึ่งพรรคฝ่ายค้านได้มาทั้งหมด 13 ชั่วโมงครึ่ง พรรคอนาคตใหม่จะได้เวลา 266 นาที หรือ 4 ชั่วโมง กับ 26 นาที โดยเตรียมผู้ที่อภิปรายไว้ 18 คน อาทิ ตนเองเตรียมอภิปรายเรื่องประชาธิปไตย การต่อต้านรัฐประหาร รวมถึงสิทธิมนุษยชน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล อภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อภิปรายเรื่องเกษตร การประกันรายได้ของเกษตรกรและปัญหาที่ดินทำกิน พล.ท.พงศกร รอดชมภู อภิปรายเรื่องกองทัพ ความมั่นคง และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ น.ส.วรรณิภา ไม้สน ซึ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อสัดส่วนแรงงานและเป็นตัวแทนของแรงงานตัวจริงนั้น จะอภิปรายเรื่องแรงงานและสวัสดิการต่างๆ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล อภิปรายนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ยังเตรียมการอภิปรายเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อม นโยบายพลังงาน เรียกได้ว่าครบทุกประเด็น ทุกมิติ

          “สำหรับคำแถลงของคณะรัฐมนตรี จากเอกสารที่เราได้รับมา พอสรุปได้ว่าเป็นนโยบายที่นำเสนอแต่เรื่องที่ดีแต่กว้างมากๆ ไม่ลงรายละเอียด และเป็นนโยบายที่มีส่วนที่มาจากการผสมของกลุ่มก๊วนพรรคการเมืองต่างๆ อย่างไรก็ตามก็ยังพอมีนโยบายที่เห็นว่าเป็นเรื่องดี อาทิ การต้านทุนผูกขาด สิ่งแวดล้อม การท่องเที่ยว ฯลฯ แต่สุดท้ายแล้วในขั้นตอนการปฏิบัติจริงจะสามารถนำไปทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ในการอภิปรายเราจะเน้นไปที่เนื้อหามากกว่าตัวบุคคล แต่อย่างไรก็ตามปฏิเสธไม่ได้ในกรณีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 5 ปีที่ผ่านมาทำอะไรไว้บ้าง วันนี้จะเปลี่ยนมาใส่สูทเข้าสภาจึงปฏิเสธไม่ได้เลยที่จะไม่ถูกพูดถึง นอกจากนี้ในคำแถลงดังกล่าวนโยบายชุดนี้ไม่มีการพูดถึงเรื่องเม็ดเงิน ค่าใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย ทั้งที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ได้กำหนดไว้ แต่ครม.ชุดนี้ซึ่งเป็นชุดแรกภายใต้รัฐธรรมนูญดังกล่าว กลับไม่แจกแจงตัวเลขเอาไว้อย่างละเอียด ซึ่งในส่วนนี้ คุณศิริกัญญาก็เตรียมจะชี้แจงให้ดูว่านโยบายที่ดีนั้นต้องทำอย่างไร เขียนอย่างไร” นายปิยบุตร กล่าว

          “พี่ศรี”ฉุนยื่นศาลรธน.ยุบพปชร.
          นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดงานสัมมนาพรรค เสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยใช้รีสอร์ทที่มีปัญหาถูกจับว่าบุกรุกป่า หมู่ 6 ต.ไทยสามัคคี เป็นสถานที่จัดงานความดังทราบแล้วนั้น ช่างเป็นการย้อนแย้งที่ไม่ควรกระทำ และถือได้ว่าเป็นการส่งเสริม สนับสนุนให้รีสอร์ทดังกล่าวกระทำการอันเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ซึ่งต้องห้ามตาม ม.45 แห่งพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2560 อันมีความผิดตาม ม.92(3) อันเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐ และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองได้ ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามบทบัญญัติดังกล่าว เพราะมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคพลังประชารัฐได้กระทำการฝ่าฝืนจริง

          “ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมจึงจะนำความพร้อมพยานหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อดำเนินการไต่สวนและยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคพลังประชารัฐต่อไป โดยจะเดินทางไปยื่นคำร้องในวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2562 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน กกต. ศูนย์ราชการ อาคาร บี ถนนแจ้งวัฒนะ หลักสี่ กทม.”

          บิ๊กป้อมบายศรีบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
          ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า บรรยากาศคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้าโดยมีผู้สื่อข่าวมาดักรอทำข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีการแจ้งว่าจะมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลในเวลา 08.19 น. กระทั่งเวลา 07.49 น. พล.อ.ประวิตร เดินทางเข้ามายังทำเนียบรัฐบาล และขึ้นห้องทำงานชั้น 4 ที่ตึกบัญชาการทันที ต่อมาเมื่อถึงเวลา 08.19 น. ปรากฏว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ลงมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ทีมงานแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร ได้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ห้องทำงานแทน โดยสั่งให้คณะทำงานมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิและศาลตายาย แทน ซึ่งคณะทำงานแจ้งว่า พล.อ.ประวิตร ไม่สะดวกในการเดินขึ้นลง

          สำหรับเครื่องสักการะที่เจ้าหน้าที่เตรียมไว้ให้ พล.อ.ประวิตร สักการะนั้น มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร ได้สั่งให้เพิ่มบายศรีและหมากพลูเข้าไปด้วย ซึ่งบายศรีถือเป็นเครื่องสูงที่เอาไว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในการเรียกขวัญ นอกจากนี้ยังให้เน้นผลไม้ 8 อย่าง ไม่มีอาหารคาวหวาน เหมือนที่ผ่านๆ มา โดยเครื่องสักการะดังกล่าวจัดทั้งหมด 4 ชุด คือ สักการะพระพรหม ศาลพระภูมิ ศาลตาศาลยาย และที่ห้องทำงาน

          ปัดนั่งฮ.ยันออกจากบ้านตี5
          จากนั้นเวลา 09.40 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ด้วยหน้าตาขึงขัง ไม่ค่อยพอใจถึงกระแสข่าวที่ระบุว่าเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ไปร่วมงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ 88 การ์มองเต้ วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ว่าไม่ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ตามที่มีข่าวแต่อย่างใด แต่เดินทางโดยรถยนต์ ซึ่งออกจากบ้านที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. นั่งรถตลอดไปกลับ 6 ชั่วโมง ส่วนที่ถามหนักใจหรือไม่ที่เริ่มงานกับรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่ถึงสัปดาห์ก็มีคนจับจ้องแล้ว ทำให้ต้องระวังตัวมากขึ้นหรือไม่นั้น จะทำไงได้

          เมื่อถามว่าจนถึงขณะนี้ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าจะไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบเช่นกัน และรีบขึ้นรถออกจากทำเนียบไปทันที

          ป้อง‘พปชร.’อาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์
          ที่สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เตรียมยื่นให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณายุบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) หลังจัดสัมมนาในพื้นที่รีสอร์ทที่บุกรุกพื้นที่ป่าวังน้ำเขียว ว่าหลังทราบข่าวก็ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชตรวจสอบและประสานขอข้อมูลแล้วโดยคาดว่าจะได้รับรายงานและทราบรายละเอียดทั้งหมดในช่วงเย็นวันนี้หรือภายในวันพรุ่งนี้(24 ก.ค.)

          นายวราวุธ กล่าวว่า เบื้องต้นได้ให้มีการตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับพื้นที่ดังกล่าวว่านอกจากปลูกสร้างในพื้นที่อุทยานแล้วจะเกี่ยวกับพื้นที่อื่นหรือไม่ เพราะนอกจากรีสอร์ท 88 การ์มองเต้ แล้วก็ยังมีอีกหลายพื้นที่ที่เข้าข่ายพื้นที่ทับซ้อน ทราบว่าผู้ประกอบการก็มีคดีความกับกระทรวงอื่นเช่นกัน จึงกำลังรวบรวมเอกสารข้อมูลทั้งหมดมาดูในรายละเอียดเรื่องการฟ้องร้อง คาดว่า จะมีความชัดเจน 1-2 วันนี้ ส่วนที่ถามเรื่องที่เกิดขึ้นมีความลำบากใจหรือไม่ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับรัฐบาลนั้น ไม่เกี่ยว เท่าที่ทราบเขาไปจัดงาน บางครั้งเราไปจัดงานที่ไหน สมมุติเย็นนี้ผมจะไปกินข้าว ต่อไปนี้ต้องคอยเช็กรึป่าว ว่าเจ้าของร้านเปิดร้านถูกต้องตามระเบียนหรือไม่ มีใบอนุญาตครบหรือไม่ บางครั้งเราก็เห็นใจผู้ที่จัดงานเหมือนกันว่าเป็นเหตุสุดวิสัยที่เราไม่รู้ ทำไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เมื่อรู้แล้วเรารีบกลับมาแก้ไข และสิ่งที่ดำเนินการผิดพลาดไปก็มีการดำเนินการทางกฎหมาย”

          ส.ส.พปชร.อ้างหวังให้เกิดกระแส
          ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสมศักดิ์ พันธ์เกษม ส.ส.นครราชสีมา กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์พรรค พปชร.ได้จัดงานสัมมนาที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ติดบัญชีดำบุกรุกพื้นที่ป่าของกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชว่า ในนฐานะคนจัดหาสถานที่ ทราบปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว และเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้นที่จะพา ส.ส.ไปประชุมที่นี่ โดยก่อนหน้านี้ได้แจ้งหัวหน้าและผู้บริหารพรรครับทราบแล้วว่าต้องการทำให้เกิดกระแสเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาของประชาชนกว่า 2.4 ล้านคน ที่ประสบปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินระหว่างรัฐกับราษฎร ซึ่งอำเภอวังน้ำเขียวเป็นแค่ส่วนหนึ่งที่ประสบปัญหานี้ โดยเมื่อปี 2555 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้ดำเนินคดีจับกุม ตรวจยึด ทุบทำลาย ทรัพย์สินสิ่งปลูกสร้างของราษฎรทั้งที่มีอยู่เดิมและเข้ามาอยู่ใหม่ โดยอ้างว่าบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ทั้งที่ชาวบ้านได้อยู่อาศัยมาก่อนที่จะมีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งไปถึงชั้นอัยการก็ไม่มีการสั่งฟ้องจนกระทั่งปี 2560 มีการจับกุมซ้ำ ซึ่งคดียังไม่ถึงที่สุด จะไปกล่าวหาว่า เขาเป็นคนผิดไม่ได้ เพราะคนที่จะบอกว่าผิดคือศาล ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อุทยาน

          ยัน‘การ์มองเต้’อยู่ในเขตอุทยาน
          ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รายงานต่อนายวราวุธ และผู้บริหารกระทรวงทรัพยากรฯ ระบุว่าตามที่มีการนำเสนอข่าวกรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เลือกสถานที่จัดงานสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ณ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบริเวณที่อุทยานแห่งชาติทับลานจับกุมดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกพื้นที่ในเขตอุทยานฯ โดยคดีรุกป่าอัยการเจ้าของสำนวนคดีได้มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีดังกล่าว และแจ้งเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหามายังสถานีตำรวจภูธรวังน้ำเขียว เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 แต่สถานีตำรวจภูธรวังน้ำเขียวก็ไม่ได้ดำเนินการแจ้งให้อุทยานแห่งชาติทับลานทราบ ตามมาตรา 146 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

          “จากการตรวจสอบเหตุผลที่อัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนั้น เนื่องจาก สนง.สปก.จ.นครราชสีมา ได้ให้ข้อมูลต่ออัยการว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ.2521 ทั้งที่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทับลานทั้งแปลง ยังมิได้มีการออกเอกสารสิทธิส.ป.ก.4-01 แต่อย่างใด” นายธัญญา กล่าว

       

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ