ข่าว

"บิ๊กป้อม"ลั่นกลางวง พปชร.รัฐบาลจะอยู่4ปี 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ที่มา : หน้า 1 หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 23 กรกฎาคม 2562

 

 

          “บิ๊กป้อม” โผล่สัมมนา  พปชร. ประกาศกลางวง​ รัฐบาลจะอยู่​ 4​ ปี ถ้ากลมเกลียวกัน​ ด้าน นายกฯฝ่าย ก.ม.เช็กก่อนนั่งหัวหน้าพรรค ขณะที่แกนนำเปิดชื่อ 20 องครักษ์โต้กลับฝ่ายค้านซักฟอก ด้าน “วิษณุ” สอนมวย อนาคตใหม่  พูดจาให้รู้จักกาลเทศะ 

          ความคืบหน้ากรณีที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ทำหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมงานสัมมนาพรรคจัดกิจกรรมเสริมศักยภาพ ส.ส. ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ระหว่างวันที่ 21-22 กรกฎาคม ก่อนแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น โดยก่อนหน้านี้นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง


          “บิ๊กป้อม”มาตามนัดประชุมส.ส.พปชร.
          ล่าสุดเมื่อเวลา 07.40 น. วันที่ 22 กรกฎาคม ที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตรเดินทางมาพบกับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เพื่อพบปะพูดคุยก่อนจะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ โดยมี นายวิรัช ในฐานะประธานวิปรัฐบาล, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์, น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ ฯลฯ พร้อมด้วย นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ต้อนรับ


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตรนั่งเฮลิคอปเตอร์จากกรุงเทพฯ มาลงที่ค่ายสุรนารี ก่อนนั่งรถตู้เบนซ์กันกระสุน ทะเบียน ฌบ 7902 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถส่วนตัวมาที่รีสอร์ท โดยไม่ได้ใช้รถประจำตำแหน่ง และไม่มีรถนำ ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สวมกอดทักทายและร่วมรับประทานอาหารเช้ากับบรรดา ส.ส.พรรค พร้อมพูดคุยถึงการเตรียมแถลงนโยบายรัฐบาล


          ติวเข้มประวิตรแนะใจเย็นๆ
          จากนั้นนายวีระกร แจ้งต่อ พล.อ.ประวิตร ว่าพรรคได้เตรียมพร้อมสำหรับการแถลงนโยบายไว้แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเตรียมทีมไว้ทั้งการอภิปรายเรื่องส่วนตัว และเรื่องคุณสมบัติ โดยให้คอยช่วยกัน ส่วนเรื่องเนื้อหาสาระนั้น พล.อ.ประวิตรตอบเองก็จะดีที่สุด เพราะเป็นคนที่รู้เรื่องมากที่สุด อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นห่วงที่สุดคือเรื่องอารมณ์ ในระหว่างที่มีการอภิปราย ขอให้ พล.อ.ประวิตรใจเย็นๆ ยิ้มอย่างเดียวก็ชนะใจแล้ว กินน้ำแข็งเยอะๆ อยากให้อารมณ์เหมือนตอนนี้ที่ดูหน้าตาสดชื่น เหมือนได้รับโอโซนจากวังน้ำเขียว


          “ในการอภิปรายเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ และของท่าน อาจโดนเยอะหน่อย ซึ่งต้องใจเย็นๆ ขอให้มีหน้าตาสดใส เหมือนกับที่เดินทางมาในวันนี้ นั่งยิ้มแบบนี้ตลอดการอภิปราย ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี” นายวีระกร กล่าว

 

          “บิ๊กป้อม”ย้ำเป็นครอบครัวเดียวกัน
          ต่อมาเมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประวิตรเป็นประธานในพิธีปิดสัมมนา ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า รู้สึกเป็นเกียรติและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นประธานปิดงานสัมมนาเรื่องเสริมศักยภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคพลังประชารัฐในวันนี้ ขอชื่นชมคณะกรรมการบริหารพรรค และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่เห็นความสำคัญของเพื่อนสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.ที่เป็นผู้แทนของพี่น้องปวงชนชาวไทยทั้งประเทศ จึงได้จัดให้มีงานสัมมนาเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับทักษะในการเป็นผู้นำทางการเมืองที่จะนำไปประยุกต์ใช้ทั้งในและนอกสภาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นการเสริมสร้างความรักสามัคคีภายในพรรค

          “ครอบครัวของเรา ครอบครัวเดียวกัน ครอบครัวพรรคพลังประชารัฐเป็นครอบครัวใหญ่ ซึ่งเป็นการรวมพลังของภาคประชาชนและภาครัฐเข้าด้วยกัน ถือเป็นการรวมพลังที่นำพาประเทศชาติก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พร้อมร่วมกันรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนตลอดไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว


          ลั่นรัฐบาลจะอยู่​ 4​ ปีถ้ากลมเกลียว
          ภายหลัง​ พล.อ.ประวิตรกล่าวปิดสัมมนา​ ผู้จัดงานได้ขอให้สื่อมวลชนออกจากห้อง​ประชุม เหลือแต่รัฐมนตรีกับ​ ส.ส.​เท่านั้น จากนั้น​ พล.อ.ประวิตร​ได้พูดกับ​ ส.ส.ว่า​ ขอให้ทุกคนสามัคคีกลมเกลียว รวมเป็นเนื้อเดียวกัน​ จากนี้ไปขออย่าให้แตกกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนอีก​ และขอขอบคุณที่ช่วยเหลือกันมา​ และขอบคุณที่มากันอย่างพร้อมเพรียง​ แสดงถึงความร่วมมือ​ ความเป็นปึกแผ่น ส่วนการที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ไม่ต้องกลัว ถ้าทุกคนร่วมมือกันอย่างนี้​ จะพยายามทำให้รัฐบาลอยู่ให้ได้ถึง​ 4​ ปี​


          “การที่ผมมาวันนี้ มาในฐานะผู้สนับสนุนที่อยากเห็นบ้านเมืองเดินต่อไปได้​ และเมื่อแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสร็จ จะพิจารณาเรื่องการเข้ามาเป็นสมาชิกพรรค ขณะที่เรื่องการอภิปรายที่ขอให้ผมใจเย็น​ อย่านอตหลุดนั้น​ ผมจะนั่งยิ้มอย่างเดียว​ ไม่ตอบโต้​ และจะไปเตือนนายกฯ ให้ยิ้ม​ด้วย​ ไปบอกว่าน้องๆ​ ฝากมาบอกว่าอย่านอตหลุด” พล.อ.ประวิตร กล่าวในห้องสัมมนา


          สมศักดิ์ยันพปชร.คือแก้วเนื้อเดียว
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประวิตรพูดเสร็จ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ลุกขึ้นกล่าวขอบคุณในฐานะตัวแทน ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนหน้านี้พรรคอาจจะมีความเห็นที่หลากหลาย มีกลุ่ม มีก๊วน จนทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันบ้าง แต่วันนี้ยืนยันว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันแล้ว เปรียบเสมือนก้อนกรวดที่ต่างคนต่างที่มา แต่เมื่อผ่านความร้อน วันนี้ก็เกิดการหลอมรวมเป็นแก้วเนื้อเดียวกัน ขณะเดียวกันพรรคพลังประชารัฐเมื่อเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว จะรักษาขับเคลื่อนให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เกิดจากผู้ที่ไม่สมหวังในตำแหน่งรัฐมนตรี ต่อไปนี้ยืนยันว่าจะเดินหน้าและรักษารัฐบาลนี้ไว้ให้นานที่สุด ให้อยู่ได้นาน 4-12 ปี


          ชี้ประคองดีๆ รัฐบาลอยู่ยาวแน่นอน
          นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การสัมมนาของพรรคพลังประชารัฐที่ อ.วังน้ำเขียว เป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมการแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 25-26 กรกฎาคม นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสแสดงความเห็นและพูดคุยกับพี่น้อง ส.ส.ว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคใหม่ แต่วันนี้ได้เริ่มงานแล้ว เปรียบเสมือนแก้วที่ตกผลึกแล้ว และสามารถนำมาใช้งานเป็นประโยชน์กับประชาชนได้


          “แก้วมันอาจจะแตกร้าวได้ แต่หากเราประคองดีๆ มันก็จะอยู่ได้นาน เหมือนรัฐบาลที่เสียงปริ่มน้ำ หากทุกคนในพรรคและรัฐบาล มีความสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน แก้วใบนั้นจะแข็งแกร่ง และเมื่อประชาชนได้รับประโยชน์จากรัฐบาลที่ทำงานตามนโยบายที่วางเอาไว้ ก็จะยิ่งเป็นเกราะอีกชั้นหนึ่ง และผมเชื่อว่า แก้วเมื่อผ่านการหลอมแล้วจะไม่กลับไปเป็นเศษดินเศษทรายอีก” นายสมศักดิ์กล่าว


          ติว‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’นิ่งสยบฝ่ายค้าน
          หลังจากนั้น นายวีระกร กล่าวว่า ขอให้ พล.อ.ประวิตรรับฟังการอภิปรายนโยบายรัฐบาลของฝ่ายค้านด้วยความนิ่ง และนำสิ่งที่ฝ่ายค้านอภิปรายไปแก้ไขปัญหา เช่นเดียวกับสมัยรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่รับฟังและนำปัญหาไปแก้ไข จนทำให้รักษารัฐบาลอยู่ได้อย่างยาวนาน


          ยังอุบสมัครสมาชิกพปชร.
          จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า การรับมือการอภิปรายการแถลงนโยบายนั้น เป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ วันนี้เพียงมาให้กำลังใจเฉยๆ ในฐานะผู้สนับสนุน และไม่มีความกังวลใดๆ ในการแถลงนโยบายรัฐบาล


          เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วหรือยัง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ตอบ รอให้การอภิปรายแถลงนโยบายเสร็จสิ้นเสียก่อน ส่วนที่ถามหลังแถลงนโยบายจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคใช่หรือไม่นั้น ไม่รู้ ยังไม่ตอบ


          เมินฝ่ายค้านบอกคุณสมบัติครบ
          ส่วนที่มองว่าเป็นหนึ่งที่ฝ่ายค้านจ้องอภิปรายเรื่องคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “คุณสมบัติผมเป็นอย่างไร คุณสมบัติผมครบ แล้วจะมาอภิปรายอะไร”


          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประวิตรมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ไม่แสดงออกถึงอาการเคร่งเครียดแต่อย่างใด


          เปิด20องครักษ์โต้กลับฝ่ายค้าน
          นายวีระกรให้สัมภาษณ์ภายหลังการปิดสัมมนาว่า พรรคได้เตรียม ส.ส.20 คนเป็นทีมตอบโต้แบบรวดเร็วในสภา หากมีการอภิปรายนอกประเด็น จะรีบสวนกลับในทันที อย่างไรก็ตาม พรรคยืนยันว่าหากฝ่ายค้านอภิปรายในเนื้อหาสาระ ก็จะปล่อยให้ดำเนินไปตามปกติ ไม่ประท้วงอะไรทั้งนั้น แม้ว่าจะต่อว่านโยบายรัฐบาลว่าไม่ดีก็ทำได้เต็มที่ อันไหนไม่ดีก็ว่าได้เลย เราไม่ประท้วงแน่


          นายวีระกร กล่าวว่า ส่วนที่พรรคเพื่อไทยจะอภิปรายโจมตี หรือพูดนอกประเด็น ที่จะมีการเจาะจงอภิปรายรายบุคคลในเชิงลึก ทั้งนายกฯ รองนายกฯ และรัฐมนตรี เราก็เตรียม ส.ส.ทั้ง 20 คนไว้ตอบโต้แล้ว ขณะที่พรรคอนาคตใหม่คาดว่า เขาจะพูดในเรื่องความเป็นประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ และอาจมีการพูดถึง คสช. ที่ผ่านมา หรือหยิบยกประเด็นการทำร้ายนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตอบได้ เพราะเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ตอนนี้เป็นรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย เราไม่หนักใจ เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่จะพูดอยู่ในกรอบ


          สำหรับ 20 ส.ส.ชุดเคลื่อนที่เร็ว ประกอบด้วย นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์, น.ส.ภาดา วรกานนท์ ส.ส.กทม., น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม., นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ ส.ส.กทม., นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม., นายประสิทธิ์ มะหะหมัด ส.ส.กทม., นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม., นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี, น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี, นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร, นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์, นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท, นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา, นายสันติ กีระนันทน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง

 

          “สมคิด” บอกไม่อยากยุ่งสัมมนา
          วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้าว่าเป็นไปอย่างคึกคัก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อเวลา 08.45 น. ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบตามปกติ



          จากนั้นนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าปฏิบัติภารกิจตามปกติเมื่อเวลา 09.30 น. โดยระบุว่า เห็นที่ พล.อ.ประวิตรปรากฏตัวในวงสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา แล้ว


          เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมนายสมคิดไม่ไปปรากฏตัวบ้าง นายสมคิดกล่าวพร้อมยิ้มว่า “ไม่หรอก ผมไม่ไป ไม่อยากเข้าไปยุ่ง”


          “บิ๊กป้อม” สมาชิกพปชร.เร็วๆนี้
          มีรายงานว่า ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในช่วงเช้าวันที่ 30 กรกฎาคม ซึ่งเป็นการประชุมครั้งแรกหลังแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม ทั้งศาลหลักเมือง ศาลเจ้าพ่อหอกลอง 2 แห่ง ฯลฯ โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ(ผบ.เหล่าทัพ) และข้าราชการกระทรวงกลาโหม ร่วมพิธี จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์จะหารือวงเล็กกับรมช.กลาโหม และผู้นำเหล่าทัพด้วย


          ด้านแหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ พล.อ.ประวิตรจะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐอย่างแน่นอนหลังเสร็จสิ้นการแถลงนโยบายรัฐบาล ส่วนตำแหน่งในพรรคอย่างเป็นทางการ ทางกรรมการบริหารพรรคจะหารือกับ พล.อ.ประวิตรอีกครั้ง ส่วนพล.อ.ประยุทธ์อยู่ระหว่างการหารือกับฝ่ายกฎหมายและพิจารณาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ


          พปชร.จัดประชุมรีสอร์ทมีปัญหา
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีพรรคพลังประชารัฐจัดประชุม ส.ส.และสมาชิกพรรคในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา โดยสถานที่จัดงานสัมนาคือ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท หมู่ 6 ต.ไทยสามัคคี ซึ่งเป็นหนึ่งในรีสอร์ทที่ถูกกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาบุกรุกป่า โดยมีการจับกุมดำเนินคดีมาแล้ว 2 ครั้ง ครั้งล่าสุดมีการจับกุมโดยชุดพญาเสือ กรมอุทยานฯ โดยมีการบุกรุกพื้นที่เพิ่ม พบสิ่งปลูกสร้าง 18 รายการ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการและกรมอุทยานฯ ได้ออกคำสั่งประกาศให้รื้อถอนตามมาตรา 22 พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)อุทยานฯ แล้ว แต่ทางผู้ประกอบการมีการยื่นขอคุ้มครองชั่วคราวต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล


          ทั้งนี้ก่อนหน้านี้รัฐบาลที่ผ่านมาเคยมีนโยบายไม่สนับสนุน และรณรงค์ให้หน่วยงานราชการและประชาชน ไม่สนับสนุนหรือเข้าไปท่องเที่ยวในรีสอร์ท บ้านพักตากอากาศ และโรงแรมที่รุกป่า โดยในขณะนั้นมีโรงแรม รีสอร์ท และบ้านพักตากอากาศที่ถูกขึ้นแบล็กลิสต์ และอยู่ระหว่างการฟ้องร้องดำเนินคดีของกรมอุทยานแห่งชาติฯ จำนวน 140 แห่ง และหนึ่งในนั้นคือ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท


          ไร้ปัญหาฝ่ายค้านซัดรมต. 4 กลุ่ม
          ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ฝ่ายค้านกำหนดตัวรัฐมนตรีอยู่ในข่ายต้องถูกอภิปราย 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่ม 3 ป., กลุ่มรัฐมนตรีที่มีคดีค้าง, กลุ่มรัฐมนตรีที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีกบฏ กปปส. หรือการชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และกลุ่มที่ 4 รัฐมนตรีถือครองหุ้นสื่อ จะทำให้รัฐบาลถึงกับสั่นคลอนได้เลยหรือไม่ ว่า ยังพูดอะไรไม่ได้ จนกว่าจะถึงวันแถลงนโยบายวันที่ 25-26 กรกฎาคม ส่วนการจัดกลุ่มอภิปรายก็ถือเป็นการเตรียมการและเป็นการทำการบ้าน รวมถึงการบริหารเวลาที่มีกว่า 10 ชั่วโมง ให้มีเนื้อหาสาระครบถ้วน จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งไม่ใช่แค่ฝ่ายค้านแต่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องเตรียมการ เพราะมีเวลาน้อย หากฝ่ายค้านฝากอะไรมาเราก็รับได้อยู่แล้ว และหากเข้าใจผิดรัฐบาลก็ต้องชี้แจง ถ้าถามมาก็ต้องตอบเพียงแค่นั้น ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเตรียมการและบริหารเวลา เช่น หากถามมาร้อยข้อ แต่ไม่มีเวลาตอบทั้งหมดก็ต้องมีการจัดลำดับก่อนหลังว่าใครจะเป็นคนตอบ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกฝ่ายต้องเตรียม รวมถึง ส.ว. อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไม่มีใครมาปรึกษาแต่อย่างใด


          นายวิษณุ กล่าวต่อถึงกรณีหากมีการอภิปรายเรื่องคุณสมบัติ 14 รัฐมนตรีว่า ไม่ทราบว่าตัวเลขดังกล่าวมาจากไหน อย่างไร เห็นเพียงในสื่อเท่านั้น ส่วนที่ขณะนี้มีหลายคนมองว่าเนื้อหาที่ฝ่ายค้านเตรียมอภิปราย เหมือนเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้วทั้งที่ยังไม่ได้ทำงานนั้น แต่ละคนก็เป็น ส.ส.มาหลายสมัย เมื่อถึงเวลาจะบลัฟกันเองว่าเป็นมาเท่านั้นเท่านี้สมัย ก็ต้องรู้กฎเกณฑ์กติกาดีกว่าตนซึ่งไม่เคยเป็นกับเขาสักสมัย และดีกว่าอีกหลายคนที่ไม่เคยเป็นหรือเป็นส.ส.ใหม่ครั้งแรก ขณะเดียวกันก็มีประธานสภาที่มีความรู้ความสามารถที่จะนั่งบัลลังก์และควบคุมการประชุมให้อยู่ในกฎเกณฑ์และร่องรอย แม้กติกาใหม่ยังไม่มี กติกาเก่าก็อนุโลมใช้กันได้


          เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุในที่ประชุม ครม.ว่า “อย่าทิ้งผม อย่าให้ผมพูดคนเดียว” เป็นการสะท้อนถึงความกังวลของนายกฯ ในการแถลงนโยบายหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้สะท้อนอะไร เพราะปิดประชุมกันเรียบร้อย เดินออกกันไปครึ่งหนึ่งแล้ว นายกฯ ถึงเปรยขึ้นมาเล่นๆ อาจพูดเล่นบ้าง พูดจริงบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ถึงกับเป็นมติ ครม. ส่วนนายกฯ จะสื่ออะไร ตนไม่ทราบและไม่ได้ยินประโยคดังกล่าว


          เผยรณรงค์แก้รธน.ใครก็ทำได้
          นายวิษณุ ยังกล่าวถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านประกาศจุดยืนร่วมแก้รัฐธรรมนูญโดยจะมีการเดินสายเปิดเวทีรณรงค์ให้ประชาชนมากดดัน จะสามารถทำได้หรือไม่ว่า ประชาชนเข้ามาเกี่ยวข้องได้ในฐานะเป็นผู้เสนอชื่อ รวบรวมรายชื่อ เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้จำนวน 5 หมื่นคน ซึ่งถือเป็นบทบาทอย่างที่ 1 ส่วนบทบาทอย่างที่ 2 เป็นการรณรงค์ให้ตระหนักให้รู้ให้เข้าใจ และให้เห็นด้วย ถึงแม้จะไม่ไปเข้าเสนอชื่อ ก็อาจจะเป็นกรณีที่ช่วยกันออกความเห็น เพราะรัฐธรรมนูญเป็นสมบัติของประชาชนทุกคน ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง ดังนั้นทุกคนก็มีส่วนในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี และในส่วนของรัฐบาลเองก็ได้คิดว่าน่าจะมีการทำเรื่องในลักษณะนี้อยู่แล้ว


          เตือนระวังอาการส่อปลุกระดม
          เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวมองว่าจะมีการปลุกระดมหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องแยกให้ออกเป็น 2 ข้อ คือ กระบวนการธรรมดา ซึ่งปกติดีอยู่ไม่มีอะไร แต่ที่เนื้อหาก็ดีหรือการปลุกระดมก็ดีมันเกิดขึ้นตอนเจตนากับคำพูดตรงนั้นต่างหาก เพราะฉะนั้นแยกให้ออก กระบวนการ หรือวิธีการเป็นสิ่งที่ถูกต้อง นโยบายรัฐบาลที่บอกว่าสนับสนุนให้มีการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นของประชาชนก็แสดงอยู่ในตัวแล้วว่าจะต้องมีการพูดกับประชาชน ให้ประชาชนเข้าใจ หากเป็นอย่างนี้ใครก็ทำได้ ไม่ว่าจะ 7 พรรคหรือกี่พรรค หรือจะไม่มีพรรค แต่เป็นกลุ่มนักวิชาการก็ทำได้


          “แต่กิริยาอาการท่าทางที่ทำ หรือวันเวลาที่ทำ รวมถึงถ้อยคำที่จะใช้ตรงนี้ต้องพึงระมัดระวัง เพราะกฎหมายเดิมมีอยู่แล้ว ไม่ได้มีการออกกฎหมายใหม่ ก็ให้ใช้กรอบกฎหมายปกติ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ส่วนที่ถามว่า มองว่าเป็นการดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่นั้น จะดิสเครดิตอะไร ทุกคนก็มีสิทธิทำได้” รองนายกฯ กล่าว


          สอนมวยอนค.พูดให้รู้กาลเทศะ
          นายวิษณุ กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ระบุศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคอนาคตใหม่ ตามคำร้องของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีพรรคอนาคตใหม่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่ขอให้ความเห็น เพราะจะเป็นการชี้นำ หากพูดอะไรไปแล้วถูกจะหาว่ารู้กันกับศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าพูดไปแล้วผิดตนจะเสียรังวัด จึงขอให้ไปอ่านมาตรา 49 หากเป็นอย่างไรก็ตามนั้น


          เมื่อถามว่า การที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่เป็นนักกฎหมาย การให้ข้อมูลบางอย่างจะทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดได้ นายวิษณุ กล่าวว่า ความเป็นจริงบางอย่าง บางครั้งต้องพูดทันที บางครั้งต้องรอจังหวะเวลาที่เหมาะสม จึงต้องอาศัยกาลเทศะเป็นเรื่องๆ ไป ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเชื้อเชิญให้เผชิญหน้าโต้ตอบไม่จบสิ้น


          ส.ว.สัมมนาอภิปรายนโยบายรัฐบาล
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา จัดสัมมนาสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) เพื่อเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายของรัฐบาล


          นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว. กล่าวให้ข้อสังเกตตอนหนึ่งด้วยว่า ไม่มั่นใจว่าการจัดสรรเวลาให้อภิปรายนโยบายของรัฐบาล จำนวน 2 วันจะเพียงพอหรือไม่ เพราะเวลาที่กำหนดและรับทราบ ไม่รวมเวลาที่จะต้องประท้วงของ ส.ส.แต่ละฝ่าย รวมถึงไม่นับรวมเวลาที่นายกฯ นำเสนอนโยบายและผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายเปิดและอภิปรายปิด ซึ่งกังวลต่อประเด็นเมื่อเวลาใกล้หมด ส.ว.ที่อยู่ในลำดับหลังอาจไม่ได้สิทธิอภิปราย


          ขณะที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว. กล่าวว่า หากเทียบเกณฑ์อภิปรายของ ส.ว. ในการอภิปรายรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนการปฏิรูปประเทศ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม มี ส.ว.อภิปรายทั้งสิ้น 45 คน ได้เวลาคนละ 8 นาที ทำให้มีเวลาอภิปรายรวมทั้งหมดเกือบ 6 ชั่วโมง ดังนั้นหากยึดหลักการดังกล่าวในการอภิปรายนโยบายรัฐบาลต้องได้เวลาเกินกว่า 5 ชั่วโมง


          หวั่น‘ประท้วง’จ่อขอปรับเพิ่มเวลา
          อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 กรกฎาคม ที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จะเรียกตัวแทนของ 3 ฝ่าย คือ วิปฝ่ายค้าน, วิปฝ่ายรัฐบาล และ ส.ว. หารือ ต้องขอให้ทบทวนการจัดสรรเวลาให้เพียงพอต่อการอภิปรายของ ส.ว.ด้วย ในหลักการของการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนั้น เวลาที่นายกฯ นำแถลงนโยบาย และเวลาที่ผู้นำฝ่ายค้านอภิปรายนั้น จะไม่นำมานับรวมกับเวลาการอภิปรายที่กำหนดไว้ แต่ที่กังวลคือการประท้วง


          “ผมอ่านข่าวจากสื่อมวลชนว่ารัฐบาลตั้งองครักษ์พิทักษ์รัฐมนตรี 20-30 คน เพื่อตอบโต้ฝ่ายค้านที่จะอภิปรายตัวบุคคล โดยหลักการและกฎหมายการแถลงนโยบายรัฐบาล ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวบุคคล แต่เชื่อว่าฝ่ายค้านจะอดไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่เป็นห่วงคือจะใช้เวลามาก ต่อให้จัดประชุม 3 วันอาจไม่พอ อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าในวันที่ 26 กรกฏาคม การอภิปรายต้องจบภายในเวลาเที่ยงคืน” นพ.เจตน์ กล่าว​


          จัดหน่วยปะฉะดะรับมือฝ่ายค้าน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหนึ่งของการสัมมนา นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. เสนอให้ ส.ว.วางตัวผู้ชี้แจงโต้แย้งเป็นหน่วยปะฉะดะฝ่ายค้าน เพราะมั่นใจว่าในการแถลงนโยบายของรัฐบาลตลอด 2 วัน ส.ว.จะตกเป็นเป้าหมายโจมตี และจะตกเป็นเป้าของการแก้รัฐธรรมนูญด้วย เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งหาก ส.ว. ปล่อยผ่าน ก็จะทำให้เกิดความเสียหายต่อ ส.ว.


          ขณะที่ พล.อ.นาวิน ดำริกาญจน์ เสนอให้ ส.ว.งดเว้น การอวย หรือติเตียนนโยบายรัฐบาล เพราะหน้าที่ของ ส.ว.คือ การติดตาม ตรวจสอบ สอบถาม หรือให้คำแนะนำต่อนโยบายของรัฐบาลว่า เป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศหรือไม่ และเพื่อเป็นอีกทางหนึ่งในการลดแรงเสียดทานจาก ส.ส. จึงขอให้ ส.ว.ทำหน้าที่อย่างมีวุฒิภาวะ


          ทั้งนี้ สว.ได้กำหนดหัวข้อที่จะใช้ในการอภิปรายจำนวน 12 หัวข้อ ตามจำนวนกรอบนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้สมาชิกลงชื่ออภิปรายตามหัวข้อที่ถนัดหรือเชี่ยวชาญ ก่อนจะมีการคัดตัวขุนพลที่มีวาทศิลป์ขึ้นมาอภิปรายเป็นคนแรกๆ ซึ่งเบื้องต้นมี ส.ว.แสดงความจำนงแล้วกว่า 50 คน


          ยันส.ว.ไม่พิทักษ์บุคคลใด
          พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมว่า ส.ว.จะจัดกลุ่มการอภิปรายนโยบายของรัฐบาลทั้งในวาระปกติ และวาระเร่งด่วน โดยเน้นในเนื้อหาของความสอดคล้องของแผนการปฏิรูปประเทศและแผนยุทธศาสตร์ชาติ รวมถึงการใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการ ทั้งนี้ในหลักการของงบประมาณประจำปี จะมีงบเพื่อใช้ด้านการพัฒนา เพียง 20 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการขับเคลื่อนนโยบายจะต้องทำอย่างไร


          “ยืนยันว่า การอภิปรายของสมาชิกวุฒิสภาจะไม่เป็นไปเพื่อพิทักษ์บุคคลใด หรือตามที่มีบางฝ่ายตั้งประเด็นว่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนหรือเป็นองครักษ์รัฐบาล เพราะ ส.ว.มีฐานะที่อยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 114 ต้องทำหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ และไม่ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของฝ่ายใด การอภิปรายของ ส.ว. จะเน้นคุณภาพ เป็นหลัก ส่วนจำนวน ส.ว.ที่จะอภิปรายนั้นยังไม่สรุปจำนวน เพราะจะให้ ส.ว.ยื่นความจำนงจนถึงวันนี้ เวลา 18.00 น. ขณะที่เวลาอภิปรายรวมนั้น ผมมองว่า ส.ว.ควรได้รับ 5-6 ชั่วโมงเพื่อให้อภิปรายได้ครบตามจำนวน อย่างไรก็ตามเรื่องเวลานั้นทราบว่า นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ฐานะรองประธานรัฐสภา จะหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ในฐานะประธานรัฐสภา อีกครั้งในวันพรุ่งนี้” พล.อ.สิงห์ศึก กล่าว


          หยันธนาธรชาวบ้านรู้ทันไม่เอาด้วย
          วันเดียวกัน นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ แสดงความเห็นบนเวทีเสวนาทางออกวิกฤติประเทศร่วมกับหัวหน้าพรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยระบุเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค มากสุดมีอำนาจแค่สั่งให้หยุดการกระทำ พร้อมย้ำว่า 7 พรรคฝ่ายค้านพร้อมสู้รัฐประหารว่า “อ่านข่าวนี้แล้วขอบอกว่าเพ้อเจ้อมากครับ เพราะ 1.ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจยุบพรรคการเมืองที่กระทำผิดแน่นอน มีตัวอย่างที่ถูกยุบพรรคมาแล้ว เช่น พรรคพลังประชาชน ชาติไทย ฯลฯ 2.เชื่อเหวงกุข่าวรัฐประหารได้ยังไง ไม่มีข้อมูลและไม่มีเหตุปัจจัยใดๆ เลย 3.เริ่มใช้วิธีอันธพาลแบบพวกนักปลุกม็อบเดิมๆ อีกแล้ว ปลุกระดมให้มวลชนไปสภาเหมือนปลุกระดมให้มวลชนไปศาลากลางแล้วเกิดการเผาศาลากลางและห้างสรรพสินค้าใช่มั้ย ชาวบ้านเขารู้ทันแล้ว เขาไม่ไปเสี่ยงเป็นผนังทองแดงและเป็นหนังหน้าไฟ เจ็บตายติดคุกแทนนักปลุกม็อบแน่นอนครับ…ท่านนายกสมาคมโซเชียล 555”


          “ปารีณา”ตอก‘ปิยบุตร’อนค.ถูกยุบแน่
          นส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้แชร์ลิงค์ข่าวนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุมีคนเชื่อแล้วว่าพรรคอนาคตใหม่จะถูกยุบพรรคว่า “ไม่เห็นต้องฉงน ไม่เห็นต้องไปเปรียบกับต่างประเทศ ยุบแน่ๆ เพราะความผิด ซุปเปอร์ชัดเจน #ยุบแน่อย่าแสร้งฉงน”


          ฝ่ายค้านจำใจรับเงื่อนเวลา 2 วัน
          วันเดียวกัน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายการแถลงของนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ในวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ว่า ระยะเวลาในการอภิปรายจากเดิมที่ยื่นขอไว้ 3 วัน แต่ลดลงมาเหลือเพียงแค่ 2 วัน โดยฝ่ายค้านจะมีเวลาในการอภิปรายเพียงแค่ 13 ชั่วโมง รัฐบาลระบุเหตุผลว่า หากใช้เวลาอภิปราย 3 วัน จะชนกับช่วงบรรยากาศวันสำคัญของประเทศ พรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยินดีให้ความร่วมมือ


          นายสุทิน กล่าวว่า การลดวันลงทำให้การทำงานลำบาก เพราะมี ส.ส.ที่แสดงความจำนงจะอภิปรายเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจะต้องมีการบริหารให้สามารถอภิปรายได้ครบภายในวันเวลาที่จำกัด ซึ่งวันที่ 22 กรกฎาคม เพื่อไทยจะต้องซักซ้อมความพร้อม ทั้งในส่วนของประเด็นใครที่มีเนื้อหาซ้ำซ้อน หรือใครที่จะเหมาะสมที่จะขึ้นอภิปรายในครั้งนี้ และใครที่ควรจะรออภิปรายในครั้งหน้า ก็ต้องมีการทำความเข้าใจกัน

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ