ข่าว

รบ.ยันดูแลวิศวกรเต็มที่แม้จะสนิทแม้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ปณิธาน" เผยรัฐบาลยันดูแล “ศิวรักษ์” วิศวกรไทยเต็มที่ ไม่ว่าคนนั้นจะสนิท “ทักษิณ” ก็ตาม เรียกร้อง“ทักษิณ" ช่วยทำให้ความสัมพันธ์ “ไทย-เขมร” ดีขึ้น หากเข้ามาบริเวณชายแดน ต้องจับกุมตัวตามขั้นตอนทางกฎหมาย

 (19พ.ย.) นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความคืบหน้าในการให้ความช่วยเหลือ นายศิวรักษ์ ชุติพงษ์ วิศวกรชาวไทย ที่ถูกทางการกัมพูชาควบคุมตัวว่า ขณะนี้มีการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ของสถานทูตไทยในกัมพูชากับบริษัทดังกล่าว และการที่มีทหารบุกเข้าไปในบริษัท CATS เข้าใจว่าเป็นกฎหมายภายในของกัมพูชา ที่จะต้องเข้าไปหาหลักฐานตามข้อกล่าวหา

 ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำได้คือการประสานงาน ติดต่ออำนวยความสะดวกในแง่ทางการของเจ้าหน้าที่และรัฐบาลกัมพูชา ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศจัดกลุ่มคนที่มาเป็นทนายให้กับนายศิวรักษ์ได้ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่ว่านายศิวรักษ์จะรู้จักหรือสนิทสนมกับใคร ทางรัฐบาลยืนยันดูแลและช่วยเหลืออย่างเต็มที่

 “เป็นเรื่องปกติที่บางครั้งอาจจะมีเรื่องการรู้จัก เห็นทางครอบครัวก็บอกว่ารู้จัก ซึ่งเป็นเรื่องที่แล้วแต่ว่าใครจะรู้จักกับใคร แต่รัฐบาลอำนวยความสะดวกให้ทุกฝ่ายอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นประชาชนคนไทย และต้องคดีที่ประชาชนสนใจ เราก็ไม่เลือกว่าจะช่วยเหลือฝ่ายไหน เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องอำนวยความสะดวก ส่วนการสนิทชิดชอบกัน หรือขอร้องให้ใครไปช่วยก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางกระทรวงการต่างประเทศคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว” นายปณิธาน กล่าว

 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มั่นใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่น่าจะถึงขั้นทำให้บริษัทดังกล่าวถูกยกเลิกสัมปทาน เพราะบริษัทเหล่านี้ได้ประโยชน์ร่วมกันในการสร้างบริการ และกิจการต่างๆให้กับประชาชนกัมพูชากับบริษัท อีกทั้งบริษัทก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลกัมพูชาอยู่แล้ว และเท่าที่ดูจากสัญญาณ 2 - 3 วันที่ผ่านมา ถือว่าทั้งสองประเทศรับทราบว่าสัญญาณที่จะปรับเข้าหากันเป็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียวกันขั้นตอนทางกฎหมาย ถือเป็นเรื่องที่ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

 ผู้สื่อข่าวถามว่า แม่ของนายศิวรักษ์จะได้พบนายศิวรักษ์เมื่อไหร่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานและกำลังรออยู่ คิดว่าหากทุกอย่างพร้อมก็สามารถเดินทางไปได้

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาเศรษฐกิจรัฐบาลกัมพูชา ระบุในทวิสเตอร์ว่าจะเดินทางไปบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จะส่งผลให้เกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ทางรัฐบาลขอเรียกร้องว่าไม่อยากให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีผลกระทบกระเทือนโดยการกระทำของใครก็แล้วแต่ และขอเรียกร้องให้ช่วยกันทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้น และหากพ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปไหนมาไหนก็ตามถือเป็นสิทธิ แต่ถ้าทราบว่าเดินทางไปที่ไหน รัฐบาลก็จะติดตามดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม โดยหากเข้ามาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เจ้าหน้าที่ต้องจับกุมตัวตามขั้นตอนทางกฎหมาย

 ผู้สื่อข่าวถามว่า จะยิ่งทำให้บานปลายหรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะถือว่ารัฐบาลต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากไม่ทำตามก็จะต้องถูกร้องเรียน และขณะนี้เจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ติดตามตัวอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อให้พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางกลับมาสู้คดีในประเทศไทย

เปิดกม.ระหว่างประเทศคุ้มครองคนไทย-บริษัทเอกชน

แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่ากฎหมายระหว่างประเทศที่คุ้มครองคนไทย หรือบริษัทเอกชนที่ไปลงทุนในต่างประเทศ เบื้องต้นมี 2 ฉบับคือ อนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธทางการทูต ปี 1961 และอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธทางกงสุล ปี 1963 ที่ประเทศกัมพูชาต้องให้ความคุ้มครองและความยุติธรรมแก่บริษัทเอกชน และ คนไทย

ทั้งนี้อนุสัญญาฯทั้ง2 ฉบับสามารถเปิดช่องทางในการต่อสู้ หากพบว่า บุคคล หรือ บริษัทเอกชน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ประเทศไทยสามารถส่งหนังสือ หรือ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปเจรจา หรือ สามารถประท้วงอีกฝ่ายหนึ่งได้ หรือ จนถึงขั้นสุดท้ายจำเป็นต้องนำไปฟ้องร้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเพื่อให้ระงับข้อพิพาท และความเป็นธรรม ซึ่งเป็นไปตามอนุสัญญาเวียนนาว่าด้วยความสัมพันธทางการทูต

ทั้งนี้อนุสัญญาฯว่าด้วยความสัมพันธ์ทางกงสุลนั้นจะให้ความคุ้มครองด้านกฎหมายในการต่อสู้คดีเป็นหลัก เช่น การส่งทนายเข้าไปช่วยเหลือ หรือ การเข้าไปพบตัว หากบุคคลนั้นที่ถูกต่างชาติจับกุมดำเนินคดี เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถได้รับสิทธิสู้คดีไปจนถึงศาลฎีกาได้ หรือ หากบริษัทเอกชน มีสัญญาตกลงต่อกันก็ต้องเป็นไปตามสัญญา หรือกฎหมายที่ตกลงกันไว้ หากไม่เป็นไปตามนั้น อย่างไรก็ตามต้องพิจารณาด้วยว่า กัมพูชากับบริษัทเอกชนมีความตกลงกันอย่างไร ซึ่งจะยึดถือกฎหมายภายใดเป็นหลัก แต่หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมย่อมใช้กลไกอนุญาโตตุลาการเข้ามาไกล่เกลี่ยได้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ