รัฐสภาเสียงท่วม โหวต 500 ให้ "ประยุทธ์" นั่งนายกฯ "สิริพงศ์" ร่ำไห้ หลังใช้สิทธิ์ "งดออกเสียง" สวนมติ "ภท." เจ้าตัวปัดอธิบายเหตุผล
5 มิ.ย.62- รัฐสภาเสียงท่วม โหวต 500 ให้ "ประยุทธ์" นั่งนายกฯ
ทีโอที - 5 มิถุนายน 2562 - เมื่อเวลา 21.30 น. การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งมีบุคคลที่ถูกเสนอต่อที่ประชุม จำนวน 2 คน คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จากพรรคพลังประชารัฐ และ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ จากกลุ่มพรรคเพื่อไทย
หลังจากที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สิทธิ์ ส.ส. อภิปรายตามประเด็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว รวมถึงอภิปรายสนับสนุนและคัดค้านบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ นานถึง 9 ชั่วโมง 30 นาที ได้เข้าสู่การลงมติโดยเปิดเผย ผ่านการขานชื่อสมาชิกทีละคนให้แสดงการสนับสนุนบุคคลที่เสนอชื่อ โดยนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ระบุว่า มีสมาชิกรัฐสภา เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 747 คน จากทั้งหมด 750 คน แบ่งเป็น ส.ว. 250 คน และ ส.ส. จำนวน 497 คน โดยมี ส.ส.ที่ไม่สามารถลงคะแนนได้ คือ นายธนาธร ที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ , นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ลาออก จากส.ส. และ นางจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ที่ลาป่วย
สำหรับการลงมติดังกล่าว นายชวน ประกาศว่า เสียงข้างมากของที่ประชุม จำนวน 500 เสียง สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งนายกฯ ขณะที่เสียงซึ่งสนับสนุนนายธนาธร มีจำนวน 244 เสียง และมีผู้งดออกเสียง จำนวน 3 เสียง คือ นายชวน, นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา และนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากที่นายสิริพงศ์ ใช้สิทธิ์ งดออกเสียง ซึ่งไม่เป็นไปตามมติพรรคภูมิใจไทยที่ให้ลงมติสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์นั้น นายสิริพงศ์ ได้ร้องไห้ในที่ประชุม ขณะที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาปลอบใจ ทั้งนี้นายสิริพงศ์ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อการใช้เอกสิทธิ์ลงมติดังกล่าว ขณะที่เสียงของส.ว. และพรรคการเมืองซึ่งประกาศจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐนั้น ได้ลงมติไปในทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีเสียงแตก เช่นเดียวกับ 7 พรรคร่วมพรรคเพื่อไทย ที่สนับสนุนนายธนาธร มีการออกเสียงไปในทิศทางเดียวกันเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อลงมติให้บุคคลเป็นนายกฯ ดังกล่าวได้ใช้เวลาตั้งแต่เวลา 11.00 น. และปิดประชุมเมื่อเวลา 23.50 น. รวมเวลาที่ใช้ประชุมเรื่องดังกล่าวทั้งสิ้น เกือบ 13 ชั่วโมง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง