ข่าว

รุมค้าน "ประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เครือข่ายพรรคเพื่อไทย" รุมค้านประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ "บิ๊กตู่"​ ต่อเนื่อง ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง-ใช้ผลประโยชน์แลกอำนาจ ไม่เหมาะ คัมแบ็ค

 

          ทีโอที - 5 มิถุนายน 2562 - "เครือข่ายพรรคเพื่อไทย" รุมค้านประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ "บิ๊กตู่"​ ต่อเนื่อง ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง-ใช้ผลประโยชน์แลกอำนาจ ไม่เหมาะ คัมแบ็ค ด้าน "พปชร." ลุกขึ้นโต้ แย้งปม ม.44 ปิดเหมืองทอง ยันไม่เคยมีกวาดส.ส.งูเห่า

           ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งมีบุคคลที่ถูกเสนอต่อที่ประชุม จำนวน 2 คน คือ พรรคพลังประชารัฐ เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ฐานะตัวแทน 7 พรรคร่วมฝั่งของพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ตั้งแต่เวลา 16.00 น. สมาชิกรัฐสภาสลับการอภิปราย ต่อประเด็นคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่เสนอชื่อ โดยส่วนใหญ่เน้นการอภิปรายถึงพล.อ.ประยุทธ์ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ ได้ใช้สิทธิอภิปรายเช่นกัน โดยเป็นการชี้แจงตามประเด็นที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยพาดพิงต่อการบริหารราชการของพล.อ.ประยุทธ์ 

 รุมค้าน "ประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง

            โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายชี้แจงต่อกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มาตรา 44 ปิดเหมืองแร่ทองคำอัครา เพราะต้องการดูแลประชาชนที่เดือดร้อนและได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ดังกล่าว ส่วนคดีที่บริษัทอัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน)  ฟ้องรัฐบาลเพราะใช้อำนาจตามมาตรา 44 ไม่ชอบ และรัฐบาลมีโอกาสแพ้คดีนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะการตรวจสอบจากกระทรวงอุตสาหกรรม พบว่าบริษัทดังกล่าวทำผิดเงื่อนไข คือสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและไม่สามารถดูแลประชาชนในพื้นที่ได้

            รุมค้าน "ประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง

            ขณะที่นายสันติ กีระนันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายต่อประเด็นที่พาดพิงการบริหารราชการแผ่นดินของพล.อ.ประยุทธ์ ที่สร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ ว่า ก่อนการยึดอำนาจ ประเทศไทยมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ และมีความเหลื่อมล้ำด้านรายได้ แต่หลังจากที่พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศได้แก้ปัญหาเศรฐกิจที่สั่งสม โดยมีผลเชิงประจักษ์คือ การท่องเที่ยวโตขึ้น และสร้างรายได้ให้กับภูมิภาค ดังนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จึงเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่นายกฯ เพื่อขับเคลื่อนและสานต่อแผนบริหารประเทศตามแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี

            ส่วนนางปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายตอบโต้การอภิปรายส.ส.ที่บิดเบือนโดยเฉพาะประเด็นการซื้อตัว ส.ส. หรือ งูเห่า ตามที่บางพรรคตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยไม่มีหลักฐานยืนยัน ทั้งนี้เชื่อว่าไม่มีงูเห่า มีแต่เด็กเลี้ยงแกะ

            ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากนางปารีณา อภิปรายแล้วเสร็จ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงและขอให้ถอนคำพูดเพราะพาดพิงที่สร้างความเสียหายกับพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ ยืนยันมีหลักฐานการซื้อตัวส.ส. แต่ไม่อยากนำมาแสดง อย่างไรก็ดีนางปารีณา ยืนยันจะคงคำพูดดังกล่าวไว้และไม่ขอถอนคำพูดดังกล่าว

 รุมค้าน "ประยุทธ์" บี้คุณสมบัติ ซัดพฤติกรรมเอื้อพวกพ้อง

            ขณะที่การอภิปราย ของ ส.ส.ในกลุ่มพรรคที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ย้ำถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ อาทิ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายต่อกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ มีความไม่ชัดเจนต่อการกำหนดวันเลือกตั้ง และพบการเลื่อนการตั้งหลายครั้งทั้งที่กล่าวถึงช่วงเวลาที่จะจัดการเลือกตั้งไว้ในเวทีต่างประเทศ ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายถึงการใช้อำนาจเพื่อออกคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่เข้าข่ายเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน อาทิ การชะลอจ่ายค่าประมูลโทรทัศน์ดิจิตอล, การแก้ไขเงื่อนไขการประมูลร้านค้าปลอดภาษีที่สนามบิน ที่ไม่ใช่ตามกฎหมายร่วมทุน  เป็นต้น  ซึ่งพฤติกรรมของพล.อ.ประยุทธ์นั้นเข้าข่ายไม่กำกับดูแลและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ 

            ขณะที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อภิปรายต่อพฤติกรรมที่พล.อ.ประยุทธ์ เอื้อประโยชน์ให้กับคนใกล้ชิดและมีทีมงานที่เคลื่อนไหวเพื่อสร้างประโยชน์ให้กับตนเอง อาทิ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชายของพล.อ.ประยุทธ์ เอื้อให้ตั้งบริษัทรับงานขององค์กรทหาร, มีทีมงานเคลื่อนไหวเสนอเงิน 300 ล้านบาทและเสนอตำแหน่งรองนายกฯ​ ที่กำกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แลกกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ พล.อ.ปรีชา ใช้สิทธิ์อภิปรายหลังดูพาดพิง โดยยอมรับว่า ลูกชายใช้ที่อยู่ของบ้านพักในค่ายทหารที่จ.พิษณุโลก เป็นที่อยู่บริษัทจดทะเบียนจริง เพราะบริษัทต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง โดยขณะนั้นบุตรชายได้อาศัยกับตนที่บ้านพักจึงจำเป็นต้องใช้ที่อยู่ดังกล่าว ทั้งนี้ตนไม่มีส่วนสนับสนุนใดๆ.

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ