"มาร์ค" เลือกรักษาเกียรติภูมิ ลาออกส.ส.

"อภิสิทธิ์" ลาออกพ้น ส.ส. เลือกรักษาเกียรติภูมิให้ตัวเอง เปิดใจไม่เอาข้อยกเว้นงดออกเสียง รับไม่ได้ต้องโหวตเลือก "บิ๊กตู่" นั่งนายกฯ แต่ฝืนมติพรรคไม่ได้-ทิ้งสัญญาประชาคมก็ไม่ได้ ขณะที่ "สุทัศน์" ขยับนั่งส.ส.แทน

          อาคารทีโอที -5 มิ.ย.62 เวลา 10.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงข่าวจุดยืนทางการเมืองภายหลังพรรคประชาธิปัตย์มีมติร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกรัฐมนตรี ว่า ตนแสดงจุดยืนทางการเมืองมาโดยตลอดว่า ไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย และไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรคที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 70 ปี เมื่อผลการเลือกตั้งออกมา พรรคประชาธิปัตย์ไม่ประสบความสำเร็จ คะแนนไม่เป็นไปตามเป้า ตนก็แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากหัวหน้าพรรค แต่คะแนนที่ประชาชนกว่า 4 ล้านคน เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นสิ่งที่พรรคต้องตระหนักว่าเป็นหน้าที่ 

          "ดังนั้นหลังการเลือกตั้ง ผมจึงยังยึดมั่นในจุดยืนดังกล่าว และพยายามโน้มน้าวให้สมาชิกพรรครักษาจุดยืน เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ต่างจากปี 48 ซึ่งเป็นวันที่ผมสู้กับระบอบทักษิณ ซึ่งมีพฤติกรรมเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นการใช้อำนาจรัฐ ใช้เงินเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนน แทรกแซงการสรรหาส.ว. แทรกซึมไปในสื่อมวลชน และองค์กรอิสระ จนไม่สามารถรักษากติกา ซึ่งการสืบทอดอำนาจ ไม่ได้เป็นเพียงวาทะกรรม แต่เป็นเรื่องจริง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
 

         นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนขอแนะนำให้ไปอ่านหนังสือ Animal Farm ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงการต่อสู้กับบางอย่าง แต่เมื่อได้อำนาจมา ก็กลับทำเหมือนกันทุกประการ และถ้ายังไม่เข้าใจพอ ก็ขอแนะนำให้อ่าน "1984" ซึ่งเขียนโดยนักเขียนคนเดียวกัน ในการประชุมพรรคปชป. ตนพยายามเสนอว่าพรรคควรจะเลือกเส้นทางใด แต่บัดนี้ ปชป. มีมติที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ และเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ แม้ตนจะไม่เห็นด้วย แต่ต้องเคารพในมติเสียงข้างมาก เมื่อพรรคมีมติออกมาอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตาม ครั้งนี้แม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็แอบหวังว่าสิ่งที่พรรค พยายามจะทำในเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจจะประสบความสำเร็จ ได้แต่หวังลึกๆ ให้คนที่ปชป.กำลังจะไปพายเรือให้สร้างประชาธิปไตย และธรรมาภิบาล

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเสียดายโอกาสที่ปชป. และพรรคขนาดกลางสามารถสร้างพื้นที่เป็นฝ่ายที่ 3 หรือเป็นกลางทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ อะไรที่ดีก็สนับสนุน อะไรที่ไม่ดีก็มีอิสระในการแสดงออก ซึ่งเป็นการถ่วงดุลการใช้อำนาจ ไม่ให้เกินขอบเขต ซึ่งแม้จะเป็นพื้นที่เล็กๆ แต่ก็จะเป็นสายธารหลักของประชาธิปไตย ไม่ให้ใครมาอ้างประชาธิปไตยบังหน้าหรือเป็นเพียงเสื้อคลุมประชาธิปไตย ไม่ให้สังคมถูกบีบคั้นให้เลือกขาง ด้วยอารมณ์เกลียดเผด็จการและกลัวทักษิณ

          "หลังพรรคมีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ สิ่งที่ผมควรจะทำคือ 1.ขอโทษประชาชนที่ตัดสินใจเลือกประชาธิปัตย์ โดยเข้าใจไปว่าพรรคจะรักษาจุดยืน และอุดมการณ์ 2.ในการทำหน้าที่ในฐานะส.ส. ในวาระการประชุมเลือกนายกฯ ผมคงไม่สามารถเดินเข้าไปในห้องประชุม แล้วเลือกสิ่งที่ฝ่าฝืนมติพรรค ผมเป็นหนัวหน้าพรรคมานานกว่า 10 ปี แต่ถ้าจะให้เลือกพล.อ.ประยุทธ์ ผมก็ทำไม่ได้ เพราะขัดสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชน ซึ่งยิ่งใหญ่กว่ามติพรรค ในที่ประชุมพรรค หลายคนอยากช่วยรักษาเกียรติภูมิให้ผม เสนอให้ผมงดออกเสียง แต่ผมแย้งไปว่าพรรคมีหน้าที่รักษาเกียรติภูมิของพรรค จึงไม่เห็นด้วยที่จะมีข้อยกเว้นให้กับผมเพียงคนเดียว และมองว่า ปัญหาเรื่องนี้จะไม่จบแค่นี้ แต่ทุกสัปดาห์ ผมยังต้องเผชิญกับปัญหานี้ ผมเล่นการเมืองมา 27 ปี ยังไม่เคยอึดอัดที่ต้องลงมติเลื่อนการประชุมเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

          นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ตนขอโทษประชาชนที่ไม่สามารถฝืนมติพรรค ดังนั้นเมื่อมาถึงวันนี้ตนมีทางออกเดียวที่จะรักษาเกียรติภูมิของคนที่เคยเป็นหัวหน้าพรรค และรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน การทำงานทางการเมืองต้องยึดถืออุดมการณ์ และหลักการเป็นที่ตั้ง จึงขอลาออกจากการเป็นส.ส.นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการแถลงข่าวนายอภิสิทธิ์ ได้เดินออกจากอาคารไปขึ้นรถและเดินทางกลับทันที โดยไม่ตอบคำถามว่าจะลาออกจากสมาชิกพรรคหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ภายหลังการลาออกจากส.ส.บัญชีรายชื่อของนายอภิสิทธิ์ ทำให้นายสุทัศน์ เงินหมื่น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 21 จะขยับขึ้นมาเป็นส.ส.แทน