ไทรักธรรมฟ้องศาลขอร่วมโหวตนายกฯ

          สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน - 4 มิ.ย.62 นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม เข้ายื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้พิจารณาและมีความเห็นเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาเพิกถอนประกาศคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เรื่องผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 28 พ.ค. และให้การประกาศรับรองตน กลับเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อตามกฎหมาย

          นายพีระวิทย์ กล่าวว่า ตนได้รับผลกระทบจากการที่ กกต. คำนวณคะแนน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประกาศผู้ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อใหม่ คือ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี และน.ส.จิตภัสร์ ตั้น กฤดากร แต่เมื่อไปตรวจสอบพบว่ามีความผิดปกติของคะแนน โดยคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ ในคะแนนรวมทั้งประเทศที่ กกต.ประกาศเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับคะแนน 3,947,726 คะแนน และต่อมา กกต.ได้สั่งให้นับคะแนนใหม่ในเขต 1 จังหวัดนครปฐม คะแนนรวมของพรรคประชาธิปัตย์ลดลงประมาณ 50 คะแนน ใน 6 หน่วย 5 จังหวัด พรรคประชาธิปัตย์ก็ได้คะแนนรวมมาใหม่ไม่ถึง 200 คะแนน แต่เมื่อวันที่ 28 พ.ค. กลับพบว่าพรรคประชาธิปัตย์มีคะแนน 3,957,620 คะแนน จึงเกิดข้อสงสัยว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ทำไมจึงเพิ่มขึ้น ทั้งที่ในข้อเท็จจริงแล้วเมื่อมีการนับใหม่และคะแนนได้น้อยกว่าเดิม แต่คะแนนรวมทำไมจึงเพิ่มขึ้นถึง 9,894 คะแนน

          “ผมไปนั่งกดเครื่องคิดเลขอยู่ 25 รอบ และดูเปรียบเทียบคะแนนรวมของทุกพรรค จากวันที่ 28 มี.ค.และ 28 พ.ค. ทุกพรรคคะแนนลดลงหมด มีของพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่คะแนนเพิ่มขึ้น ก็หาสาเหตุไม่เจอ สุดท้ายพอจะสรุปได้ว่า เจ้าหน้าที่ กกต.คงจะรวมผิด เพราะขนาดนครปฐมยังรวมผิดเลย ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เกินมา 9,894 คะแนน ถ้าเอาคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 28 มี.ค.มาเป็นฐาน และลบด้วยคะแนนของเขต 8 เชียงใหม่ ที่ กกต.แจกใบส้ม และคะแนนของเขต 1 นครปฐม ก่อนมีการนับใหม่ แล้วบวกคะแนนเขต 8 เชียงใหม่ล่าสุด พรรคไทรักธรรมก็จะมีคะแนนชนะพรรคประชาธิปัตย์ 0.1 หรือคิดเป็นคะแนนดิบ 7,100 คะแนน ผมก็ยังจะคงได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อเหมือนเดิม แต่นี่กลับเอาคะแนนวันที่ 8 พ.ค. บวกด้วยคะแนนของเขต 8 เชียงใหม่ล่าสุด ทำให้พรรคไทรักธรรมแพ้พรรคประชาธิปัตย์ไป 0.0027 หรือ คือเป็นคะแนนดิบ 185 คะแนน” นายพีระวิทย์ กล่าว

          นายพีระวิทย์ กล่าวอีกว่า ความผิดปกติเหล่านี้ทำให้ต้องมาขอความเป็นธรรมกับผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน เพราะ กกต.บอกว่า ภายใน 1 ปี ถ้าหากมีเรื่องร้องคัดค้านหรือมีการเลือกตั้งใหม่ คะแนนและ ส.ส.จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโดยตลอด ก่อนหน้านี้ก็ตั้งใจว่าจะยอมรับ ไม่ร้องเรียน แต่เมื่อประชาชนเห็นผลรวมของคะแนนที่มีการประกาศพบข้อสงสัย หลังจากนี้ก็จะไปร้องศาลปกครองและขอให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะตนได้เป็น ส.ส.อย่างถูกต้อง เพราะ 1 เสียงก็มีความหมายที่จะได้โหวตนายกฯ ถ้าศาลคุ้มครองให้พรุ่งนี้ก็จะไปโหวตนายกฯ และถ้าศาลบอกว่าการคำนวณของ กกต.ผิดจนทำให้นางสาวจิตภัสร์เข้าไปเลือกนายกฯ ก็จะถือว่าการเลือกนายกฯนั้นผิดกฎหมาย ก็จะทำการฟ้องนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ต่อไป

          ด้านนายวทัญญู ทิพยมณฑา รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจฯ กล่าวว่า ทางสำนักงานจะเร่งพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย เพื่อเสนอต่อที่ประชุมผู้ตรวจการแผ่นดิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของประกาศ กกต. หากจะยื่นต่อศาลก็น่าจะเป็นศาลปกครอง จะพยายามเร่งรัดการพิจารณา และเมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีที่นายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยื่นขอให้ผู้ตรวจฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าวิธีการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อของ กกต.ขัดรัฐธรรมนูญ นายวทัญญู กล่าวว่า ยังอยู่ในขั้นการพิจารณาของผู้ตรวจการแผ่นดิน

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น นายพีระวิทย์ ก็ได้เดินทางไปยื่นฟ้องเรื่องดังกล่าวต่อศาลปกครอง โดยขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินเพื่อคุ้มครองชั่วคราว ให้ได้รับสิทธิ์กลับมาเป็น ส.ส. เพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) ก่อน