3 ภารกิจเร่งด่วน'พปชร.' รับมือเศรษฐกิจโลกผันผวน 

 

22 พฤษภาคม 2562 ไฮไลต์ของการสัมมนาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ใหม่ 115 คน ร่วมกับกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระหว่างวันที่ 14-15 พฤษภาคมที่ผ่านมา 

 

นอกจากการจัดกิจกรรมละลายพฤติกรรมของ “ส.ส.ป้ายแดง” ที่สร้างความคึกคักให้ผู้ร่วมประชุม และการระดมสมองเพื่อหาแนวทางการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจพรรคแล้วจุดสนใจยังโฟกัสไปที่การบรรยายพิเศษของ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรื่อง “ทิศทางเศรษฐกิจไทย กับนโยบายพลังประชารัฐ” เพื่อรับมือเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวและปีนี้จะเติบโตตํ่าสุดในรอบ 10 ปี ปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกนายอุตตม ชี้ให้เห็นว่าความท้าทายหลักของไทยใน 2 ปีข้างหน้ามาจากโลกที่ผันผวนมากขึ้น จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและคู่ค้าหลักของไทย จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน

 

ตลอดจนจากราคาสินค้าเกษตรโลกที่ตกตํ่าต่อเนื่อง ซึ่งทั้งหมดได้เริ่มส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทยในช่วงไตรมาสแรกของปี 2562 ที่ติดลบ 3.6% จากการหดตัวของการส่งออกในเกือบทุกอุตสาหกรรม และกระทบกับการส่งออกของประเทศ อื่นๆ ในเอเชียเช่นกัน

 

"ปัญหาจากภายนอกประเทศ ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ ดังจะเห็นได้จากดัชนีการบริโภคภาคเอกชนที่เริ่มโตช้าลง และการปรับประมาณการเศรษฐกิจลงของหน่วยงานหลักของภาครัฐ”

 

อย่างไรก็ดี แม้ความผันผวนความท้าทายจะมากขึ้น เสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยโดยรวมมีความเข้มแข็ง มีการว่าง งานตํ่า อัตราเงินเฟ้อตํ่า เงินสำรองระหว่างประเทศสูง และมีหนี้สาธารณะที่ตํ่ากว่าเพดาน ทำให้รัฐบาลมีความสามารถที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ภารกิจเร่งด่วนกู้เศรษฐกิจหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนจะสอดรับกับแนวนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ ที่เน้น “ประชารัฐสร้างคน คนสร้างชาติ และประเทศไทยต้องรวย ด้วยพลังประชารัฐ”

 

โดยแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจของไทย จะเน้น 3 กลุ่มภารกิจเร่งด่วน ประกอบด้วย1. เพิ่มกำลังซื้อด้วยเศรษฐกิจฐานราก2. การปลดล็อกอุปสรรค เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและ  3. การสร้างเครื่อง ยนต์เศรษฐกิจใหม่ และโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันให้กับประเทศไทยจากเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนชะลอตัวภารกิจเร่งด่วนประการแรกของพรรคคือ “การเพิ่มกำลังซื้อด้วยเศรษฐกิจฐานราก” ประกอบด้วย การเร่งดูแลราคาสินค้าเกษตรหลัก เช่น ข้าว ยาง มัน ปาล์ม อ้อย การลงทะเบียนบัตรประชารัฐรอบใหม่ การพักหนี้กองทุนหมู่บ้านฯ 3 ปี บ้านล้านหลัง ท่องเที่ยวประชารัฐ  SMEs และโชวห่วยประชารัฐ รวมทั้งการขับเคลื่อน และโครงการมารดาประชารัฐ

 

เร่งออกส.ป.ก.4.0กลุ่มภารกิจเร่งด่วนที่ 2 “การปลดล็อกอุปสรรค เพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ” งานสำคัญประกอบด้วย นโยบาย ส.ป.ก 4.0 วิธีการคือ ประการแรกเร่งรัดการออกหนังสือรับรองกรรมสิทธิ์ในที่ดินให้แก่ผู้ถือครองที่ดินของตนเองที่มีเอกสารสิทธิโดยถูกต้องตามกฎหมาย ประการที่ 2  เร่งรัดการพิสูจน์สิทธิให้แก่ผู้ถือครองที่ดินโดยชอบด้วยกฎหมายที่อยู่ระหว่างการโต้แย้งสิทธิกับรัฐให้ได้ข้อยุติโดยเร็ว และ 3. บริหารจัดการที่ดิน ส.ป.ก.ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่เกษตรกร

 

นอกจากนั้นจะมีการทบทวนกฎหมาย ระเบียบที่ไม่จำเป็น การทบทวนโครงสร้างอัตราภาษีระหว่างภาษีนิติบุคคลและภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พักภาษีค้าขายออนไลน์ 2 ปี และการคืนที่ค้าขายให้พ่อค้าแม่ค้าให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและความต้องการของชุมชนและกลุ่มภารกิจเร่งด่วนสุดท้าย คือ “การสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต” ประกอบด้วย เร่งการลงทุนขนาดใหญ่เพื่ออนาคต เช่น ขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาค ตะวันออก (EEC) ขยายไปยังแผนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน (SEC) ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (NEC) และ Smart Citiesตลอดจนการยกระดับทุนมนุษย์ เพิ่มค่าจ้างตามทักษะ

 

รวมถึงกองทุนตั้งตนสร้างอาชีพ และการขับเคลื่อนอุตสาหกรรม S-curve และเศรษฐกิจดิจิทัล จัดทัพขับเคลื่อนนโยบายนอกจากการกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนนโยบายพรรคแล้ว ได้วางกลไกและโครงสร้างการทำงานของพรรคเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย ประกอบด้วย คณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค คณะกรรมการภาค (เหนือ อีสาน กลาง ใต้ กทม.) คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายชุดต่างๆ คณะทำงานสื่อสารและประชาสัมพันธ์ และคณะทำงานด้านกฎหมาย

ที่น่าสนใจได้กำหนดบทบาทส.ส.ไว้อย่างชัดเจน อาทิ ส.ส.พลังประชารัฐเป็นตัวแทนประชาชนในระดับพื้นที่ ระดับประเทศมีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น ด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ, เป็นตัวแทนของสังคมชนบทและสังคมเมือง ภาคประชาชน เน้นความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่มากกว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง, เป็นพรรคทางเลือกและเป็นสถาบันทางการเมือง  เปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองมากขึ้นส.ส.ของพรรค มีศักยภาพ

 

จะเปิดรับคนใหม่ๆ ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส.ส. ส่วนใหญ่ 70 คน เป็นส.ส.ใหม่ ที่เป็นผู้เปลี่ยน แปลงการเมืองไทยไปข้างหน้า ให้เกิดการยอมรับในระบอบประชาธิปไตยทั้งหมดเป็นภารกิจเร่งด่วนของพรรคพลังประชารัฐ ที่เตรียมจัดทัพ และประกาศขับเคลื่อนนโยบาย ส่วน “จะเป็นจริง ทำได้จริง และทำได้ทันที” หรือไม่ ต้องจับตาหลังรัฐบาลใหม่เป็นรูปเป็นร่าง และเริ่ม บริหารประเทศ