"กมธ.การเมือง สนช." สัมมนาผลงาน 5 ปี "กล้านรงค์" ยันมีผลงานแต่ไม่นำเสนอ หวั่นบางฝ่ายอ้างเพื่อประโยชน์การเมือง "อนุฯการเมือง" ยันคนทำกฎหมายตั้งใจให้มีปัญหา
"กมธ.การเมือง สนช." จัดสัมมนาผลงาน 5 ปี "กล้านรงค์" ยันมีผลงาน แต่ไม่นำเสนอ หวั่นบางฝ่ายอ้างเพื่อประโยชน์การเมือง ยอมรับมีบางหน่วยงาน ใช้กฎหมายไม่ตรงเจตนารมณ์ แต่ยังประเมินได้ หลัง รธน.ม.77 กำหนดให้ตรวจสอบ ด้าน "อนุฯการเมือง" เผยผลศึกษา พบปัญหาส่งกม. ตีความ เหตุคนเขียนตั้งใจทำไม่สมบูรณ์ เหตุกลัวองค์กรไม่มีงานทำ "ทวีศักดิ์" บอกผลงานมาสเตอร์พีซมีเรื่องเดียว รายงานการศึกษาเลือกตั้งสุจริตเป็นธรรม แนะทางออกปัญหาสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ถาม คนยกร่างฯ พ่วงดูถ้อยคำกฎหมาย
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การเมือง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีกล้านรงค์ จันทิก เป็นประธาน กมธ. จัดสัมมนา เพื่อรายงานผลการดำเนินงานของกมธ. พ.ศ.2557 - 2562 ซึ่งได้ศึกษาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง อาทิ ระบบการเลือกตั้งและพรรคการเมือง องค์กรตามรัฐธรรมนูญ และด้านการเมืองภาพรวม พร้อมกับแลกเปลี่ยนความเห็นเพื่อนำเสนอเป็นข้อมูลให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ชุดใหม่ นำไปพิจารณา
นายกล้านรงค์ กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า การทำงานของ กมธ.ฯที่ผ่านมาเป็นลักษณะของกัลยาณมิตร ผ่านการสอบถามความเห็นและให้ทำงานด้วยความสมัครใจ ขณะที่การทำงานที่ผ่านมา กมธ.ฯ ระมัดระวังการนำเสนอความเห็นเพื่อไม่ให้ฝ่ายใดนำความเห็นของ กมธ.ฯ ไปใช้เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ขณะที่การทำงาน ของ กมธ. ผ่านการลงพื้นที่ 33 จังหวัดและจัดเวทีรวมทั้งสิ้น 33 เวที ซึ่งเป็นการรับฟังความเห็นจากคนในพื้นที่ โดยเฉพาะการทำงานของหน่วยงานและผู้บริหารท้องถิ่น ขณะที่การติดตามการทำงานขององค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นเพียงการติดตามการทำงาน แต่ไม่ใช่การแทรกแซงการทำงาน อย่างไรก็ตามยอมรับว่ากฎหมายที่ สนช. พิจารณา มีหน่วยงานที่รับกฎหมายไปปฏิบัติแปลความการใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่กรณีดังกล่าวสามารถตรวจสอบและประเมินประสิทธิภาพได้ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา77 กำหนดไว้
"กมธ.ฯ จะหมดหน้าที่ลงประมาณวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรก หลังจากที่ กกต. ประกาศรับรองผลเลือกตั้ง ส.ส. ในวันที่ 9 พฤษภาคม จากวันดังกล่าว นับไป3 วัน จะเป็นขั้นตอน ทูลเกล้าเสนอรายชื่อ ส.ว. ดังนั้นจากวันนี้ถึงวันที่ 9 พฤษภาคม บทบาทของกมธ.จึงไม่มีภารกิจใดต่อไป" นายกล้านรงค์ กล่าว
นายภัทรศักดิ์ วรรณแสง อนุ กมธ. ด้านการเมือง กล่าวตอนหนึ่งถึงผลการศึกษาว่าด้วยที่มาของ ส.ว. ว่าการเลือกตั้ง ส.ว.ที่มาจากจังหวัดต่างๆ นั้นไม่ตอบโจทย์ด้านการทำงานแบบภาพรวม เนื่องจากการเลือกตั้งส.ว.ที่ระบุให้ใช้พื้นที่จังหวัดนั้นอาจเข้าไม่ถึงหรือทำงานในพื้นที่จังหวัดอื่น ทั้งนี้ อนุ กมธ. เคยเสนอให้ ส.ว. มาจากเลือกตั้งทางอ้อม โดยให้มีคณะพิจารณา ลักษณะคล้ายคณะกรรมการ ไพรมารี่โหวตท้องถิ่น โดยมีข้าราชการในพื้นที่ อาทิ ประธานศาลฯ อธิการบดีสถาบันการศึกษา เป็นต้น มีส่วนร่วมในการพิจารณา ขณะที่การปฏิรูปการเมืองและการใช้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ตนมีความเห็นว่าปัญหาของเหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน คือ การนำข้อกฎหมายไปสู่องค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ในช่วงเปลี่ยนถ่ายบ้านเมือง ที่มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะมีข้อยุติและประเทศก้าวไปข้างหน้าได้
"อนุ กมธ. คาดไว้อยู่แล้วว่าจะเกิดขึ้น กรณีตีความกฎหมาย สำหรับกระแสที่เกิดขึ้นในสังคม ทุกฝ่ายต้องยอมรับกติกา การร่างกฎหมายไม่สามารถทำให้สมบูรณ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่เช่นนั้นนักกฎหมายจะตกงาน เพราะไม่มีเรื่องต้องให้พิจารณา ทั้งนี้หลักการตีความรัฐธรรมนูญ ไม่ต้องถามจากคนร่างกฎหมายก็ได้ เพราะตีความเจตนารมณ์ของผู้ร่างกฎหมายไม่สำคัญเท่ากับเจตนารมณ์ของกฎหมาย ทั้งนี้มีหลายฝ่ายมองว่ารัฐธรรมนูญถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง แต่ผมมองว่าไม่เป็นเช่นนั้น เพราะกฎหมายที่ออกใหม่ย่อมมีปัญหาขึ้นได้ แต่ปัญหาตีความจะจบเมื่อนำเรื่องไปสู่ศาล" นายภัทรศักดิ์ กล่าว
ด้านนายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธาน อนุ กมธ.ด้านระบบการเลือกตั้งและพรรคการเมือง กล่าวว่าการทำงานของอนุฯที่เป็นชิ้นเป็นอัน มีเพียงเรื่องการรายงานการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม ซึ่งได้นำเสนอต่อที่ประชุม สนช. เพื่อพิจารณา ขณะที่หลายเรื่องที่ อนุฯ ศึกษายังทำไม่แล้วเสร็จเพราะใกล้หมดเวลาทำงานของสนช. สำหรับประเด็นปัญหาของกฎหมายปัจจุบัน โดยเฉพาะประเด็นว่าด้วยสูตรคำนวณเพื่อหาจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้ง โดยตนมองว่ากฎหมายที่ถูกบังคับใช้ฉบับใหม่ หากพิจารณาเนื้อหาต้องพิจารณาจากถ้อยคำและการตีความ ผ่านการสอบถามผู้ร่างกฎหมาย แทนการวิเคราะห์ถ้อยคำเท่านั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง