ข่าว

"ปิยบุตร"วอน"กกต."ยุติธรรมพิจารณา"ธนาธร"ถือหุ้นวี-ลัค

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ปิยบุตร"วอน"กกต."ยุติธรรมพิจารณาปม"ธนาธร"ถือหุ้น บ.วี-ลัค โอดไม่เคยถูกเรียกไปชี้แจง พร้อมแจงรายละเอียดโอนหุ้น-ปิดบริษัท ประเมินถูกโจมตีต่อเนื่องลดความเชื่อถือ

 

                 22 เมษายน 2562  นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เรียกร้องและขอความเป็นจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รวมถึงคณะกรรมการช่วยพิจารณากรณีที่มีผู้ยื่นคำร้องให้ตรวจสอบนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่  

 

                 กรณีขาดคุณสมบัติความเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะถือหุ้นในบริษัทวี-ลัค มีเดีย ซึ่งเป็นธุรกิจด้านสื่อสารมวลชน ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.​ตามรัฐธรรมนูญ​ 98(3) ว่า ก่อนการชี้มูลเรื่องดังกล่าว กกต.ควรรับฟังข้อเท็จจริงและคำชี้แจงจากนายธนาธร รวมถึงพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้ถูกยื่นคำร้อง เพื่อให้การทำหน้าที่ตรวจสอบดังกล่าวเป็นไปด้วยความยุติธรรมและยึดหลักกฎหมายที่ต้องฟังความให้ครบทุกด้าน

 

                 "ที่ผ่านมากกต.รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา แต่ไม่เคยเชิญนายธนาธรให้ข้อมูลหรือคำชี้แจงใดๆ อย่างไรก็ดีมีข่าวด้วยว่า กกต.​เตรียมชี้มูลเรื่องนี้ ภายในไม่กี่วัน ดังนั้นเพื่อไม่ให้องค์กรอิสระถูกสังคมมีข้อสงสัยเรื่องการทำหน้าที่ ว่าเป็นไปภายใต้ความกดดันใด ๆ หรือไม่ กกต. ต้องเปิดให้ชี้แจง ทั้งนี้ความเห็นส่วนตัวหากกกต.พิจารณาด้วยความเป็นธรรม รวมถึงพิจารณาหลักฐานคำชี้แจง 2 ฝ่าย เรื่องนี้จะไม่เป็นประเด็นถึงขั้นรับเรื่องไว้ตรวจสอบ" นายปิยบุตร กล่าว

 

"ปิยบุตร"วอน"กกต."ยุติธรรมพิจารณา"ธนาธร"ถือหุ้นวี-ลัค

 

                 นายปิยบุตร ยังยืนยันว่านายธนาธร ไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทวี-ลัค ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2562 หลังจากที่โอนหุ้นในกิจการที่ถือครองและหุ้นส่วนของนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยาของนายธนาธร ไปยังนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดา อย่างไรก็ตามการโอนหุ้นดังกล่าวมีหนังสือและเอกสารที่ดำเนินการไว้ชัดเจน อาทิ ใบโอนหุ้นที่มีลงลายมือชื่อระหว่างผู้โอนหุ้น กับผู้รับหุ้น พร้อมมีพยานยืนยัน, เช็คขีดคล่อมเพื่อโอนเงินค่าหุ้น, ลงรายละเอียดไว้ในสมุดลงทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ถือว่ามีผลโดยทันที ทั้งนี้การโอนหุ้นดังกล่าวนายธนาธรเป็นผู้ทำด้วยตนเอง                  

 

                 นายปิยบุตร กล่าวรายละเอียดด้วยว่า หลังจากที่นางสมพรรับโอนหุ้นแล้ว เมื่อวันที่ 14 มกราคม โอนหุ้นต่อไปยังนายทวี และนายปิติ ผู้เป็นหลานชาย เพื่อให้ทำหน้าที่ติดตามหนี้จากลูกหนี้ มูลค่ารวม 11 ล้านบาท แต่ภายหลังพบว่าหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้เสียและไม่สามารถติดตามทวงคืนได้ หลานชายได้โอนหุ้นคืนให้นางสมพร เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่บริษัทวี-ลัค ประชุมผู้ถือหุ้นจำนวน 4 คน และในวันดังกล่าวนางรวิพรรณ ฐานะกรรมการบริษัทขอลาออกจากตำแหน่งด้วย รวมถึงมีมติให้ปิดบริษัทและในวันเดียวกันนั้นได้ยื่นเรื่องแจ้งไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ให้รับทราบถึงการเลิกกิจการตามกฎหมายที่กำหนดไว้ให้แจ้งหลังประชุมผู้ถือหุ้น และปีละครั้ง

 

"ปิยบุตร"วอน"กกต."ยุติธรรมพิจารณา"ธนาธร"ถือหุ้นวี-ลัค

 

                 นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่าตนไม่กังวลว่ากรณีดังกล่าวจะมีผลกระทบทางการเมืองกับพรรคหากกกต.พิจารณาคำร้องดังกล่าวด้วยความเป็นธรรมและยึดตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ที่เป็นเงื่อนไขห้ามนักการเมืองถือครองหุ้นในกิจการสื่อ เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนถูกครอบงำ ดังนั้นบริษัทที่ทำกิจการต้องเป็นการประกอบกิจการสื่อสารมวลชนโดยแท้ ไม่ใช่มีเพียงข้อความที่เขียนไว้ในวัตถุประสงค์ของการตั้งบริษัทเท่านั้น ทั้งนี้ตนมั่นใจว่าหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จะไม่ถูก กกต.ให้ใบส้มแน่นอน 

 

                 "พรรคอนาคตใหม่ถูกโจมตีตั้งแต่ก่อตั้งเป็นพรรคการเมือง และหลังเลือกตั้งที่ได้คะแนนนิยมจนได้ ส.ส. ที่จะเข้าสภา ถึง 87 ที่นั่ง จึงอดคิดไม่ได้ว่านี่คือสิ่งที่พรรคโดนกระแสโจมตีอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความน่าเชื่อถือ ทั้งนี้พรรคมีไม่ต้องการเป็นศัตรู หรือ ขัดแย้งกับใคร  ยกเว้นขัดแย้งกับอำนาจเผด็จการ และไม่ต้องการล้ม หรือ ล้างอะไร ดังนั้นหากจะใช้วิธีการแบบนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองของบางฝ่าย วันข้างหน้าหากผมหมั่นไส้ใคร อาจใช้การกล่าวหายื่นกับหน่วยงานให้ตรวจสอบได้ ทั้งนี้ขอให้ระวังพรรคที่ร่วมกับขั้วสืบทอดอำนาจจะเจอเข้ากับตัว และมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล" นายปิยบุตร กล่าว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ