ข่าว

"ชาญชัย"จี้เร่งแก้พ.ร.บ.ร่วมทุน ชี้โครงการดิวตี้ฟรีไม่จำเป็น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ชาญชัย" จี้เร่งแก้พรบ.ร่วมทุน ชี้โครงการดิวตี้ฟรีไม่เป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็น พร้อมเสนอวิธีการเปิดร้านค้าปลอดอากร

       เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2562  นายชาญชัย  อิสระเสนารักษ์ อดีต ส.ส. จังหวัดนครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตรองประธานอนุกรรมาธิการ ด้านกลไกปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ คณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สปท. กล่าวถึงผลการประชุมคณะอนุกรรมการด้านกฎหมาย ของคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) มีมติสรุปว่า โครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) และโครงการบริหารจัดการกิจกรรมเชิงพาณิชย์ของบริษัท ท่าอากาศยานไทยจำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ไม่ถือว่าเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็น เพราะถึงแม้ท่าอากาศยานไม่มีดิวตี้ฟรีก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อกิจการท่าอากาศยานแต่อย่างใดนั้นว่า   ก่อนหน้านี้นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการ ทอท.เคยเปิดเผยว่า ขณะนี้ทอท. ได้เปิดขายซองคัดเลือกผู้ประกอบการโครงการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) แล้วทั้งสองสัญญาคือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 1 สัญญาและท่าอากาศยานภูมิภาค ซึ่งได้แก่ ท่าอากาศยานภูเก็ต  ท่าอากาศยานเชียงใหม่ และท่าอากาศยานหาดใหญ่รวมอีก 1 สัญญาไปแล้ว ทั้งที่คณะรัฐมนตรียังไม่มีมติอนุมัติให้กระทำได้  

 

        ล่าสุด ผลมติของอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการพีพีพี ที่ตีความเปิดช่องดังกล่าว ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า  ท่าอากาศยานหมายถึงแค่การขึ้นลงของเครื่องบินในสนามบินก็ชอบที่จะตีความเช่นนี้เพราะเปรียบเหมือนสนามบินอู่ตะเภาที่ประเทศสหรัฐอเมริกามาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อไปทิ้งระเบิด แต่ถ้าอากาศยานที่ใช้เพื่อการพาณิชย์ยังต้องมีองค์ประกอบที่ทำให้บรรลุเป้าหมายหรือทำให้เกิดความสำเร็จของกิจการรับส่งผู้คนและพัสดุต่างออกไป เมื่อคณะกรรมการทอท.และคณะอนุกรรมการฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการร่วมทุนฯตีความเช่นนี้ก็ต้องให้นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการตาม พ.ร.บ. ร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 พิจารณาว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่

       นายชาญชัย กล่าวต่อว่า  ถ้านายกรัฐมนตรีเห็นชอบด้วย ตนขอเสนอว่าต่อไปนี้ร้านค้าปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ไม่ควรจะขายสินค้าต่าง ๆ ที่สนามบินและกิจการร้านค้าเชิงพาณิชย์ก็ไม่ควรจะมีและเรียกร้องให้ยกเลิกการประมูลโครงการดังกล่าว  เพราะสนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้ยังต้องขยายอาคารรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแห่งโดยมีโครงการก่อสร้างต่อขยายอาคารทางทิศเหนือ หรือทิศใต้ตามแผนงานเดิมของสนามบินสุวรรณภูมิเฟสสอง ซึ่งต้องใช้เงินอีกหลายหมื่นล้านบาทในการก่อสร้างอาคารใหม่ 

       "จึงเสนอว่าขอให้นำเอาพื้นที่ ที่ใช้ทำเป็นร้านค้าปลอดอากรและร้านค้าเชิงพาณิชย์รวม 34,000 ตารางเมตรที่กำลังจะเปิดประมูลใหม่  ไม่ต้องถือว่าเป็นกิจการเกี่ยวเนื่องที่จำเป็นตามที่ ทอท. เสนอคณะกรรมการพีพีพี โดยมาปรับใช้เป็นสถานที่รับรองผู้โดยสาร ทั้งขาเข้าและขาออกโดยให้เพิ่มจำนวนที่นั่ง พักผ่อนของผู้โดยสารที่ใช้สนามบินให้มาก ๆเพื่อที่จะได้พักได้อย่างสบายเช่น สนามบินนานาชาติของต่างประเทศที่เห็นความสำคัญของการบริการต่อผู้โดยสารเป็นหลักและเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ (ไม่ใช่เป็นการเปิดห้างสรรพสินค้าในสนามบิน) โดยให้ตั้งเคาน์เตอร์ตรวจคนเข้าเมืองเปิดบริการให้เพียงพอเพื่อให้นักท่องเที่ยวและผู้โดยสารได้รับบริการที่ดีขึ้นและรวดเร็วเสร็จสิ้นกระบวนการจุดนี้ภายใน 20 นาที " 

       “นอกจากนี้ขอเสนอวิธีการเปิดร้านค้าปลอดอากรและร้านค้าเชิงพาณิชย์โดยให้มีการตั้งจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากร หรือ ปิกอัพเคาน์เตอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิหลายบริษัทที่สามารถเปิดขายสินค้าดังกล่าวในตัวเมืองโดยเสรีและนำส่งสินค้าปลอดอากรผ่านจุดส่งมอบสินค้าปลอดอากรที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินอื่นๆเหมือนตามสัญญาที่สนามบินดอนเมืองโดยเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละ 25 และเพิ่มอีกปีละ 10% ของรายได้ขั้นต่ำตามสัญญาของการตั้งจุดส่งมอบสินค้าเท่านั้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการค้าเสรีไม่มีการผูกขาดและเอาทรัพย์สินของรัฐ ไปเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะ หรือเรียกรับผลประโยชน์นอกสัญญาหรือมีการทุจริตโกงฉ้อราษฎร์บังหลวงแบบในอดีตที่ผ่านมา” นายชาญชัย กล่าว

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ